จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 615 แขนของลูกพี่หวาง
หนึ่งในคนที่ล็อกที่สุดก็ต้องเป็นเสี่ยวตงจื่อ เขารู้สึกมึนงงหนักมาก ในหัวดังวิ้งๆ
ลูกพี่หวางเป็นใคร!
เจ้าถิ่นของตำบลจินสุ่ยเจิ้น ผู้นำที่ไม่กลัวฟ้าดิน นึกไม่ถึงว่าจะคุกเข่าให้คนนั้นแล้ว ไม่ใช่แค่คุกเข่า แต่มองสีหน้าที่หวาดกลัวนั้นของเขา ราวกับเห็นผี เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในตำบลจินสุ่ยเจิ้นแน่นอน
จากเสียงคำนับของลูกพี่หวาง ทำให้ทุกคนกลับมาในโลกของความเป็นจริงทันที ทุกคนคิดว่าตาลายแล้ว นึกไม่ถึงว่าลูกพี่หวางจะคุกเข่าให้เจ้านั่น ไม่ใช่แค่คุกเข่า ยังคำนับตลอดอีกด้วย โลกเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นบ้าบอได้ขนาดนี้!
“ลูกพี่ ไม่สิ นายท่าน ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้จริงๆว่าคนนี้คือคุณ ถ้ารู้ว่าคนนี้เป็นคุณ ผมจะอบรมลูกน้องของตัวเองเข้มงวด ขอนายท่านมองผมเป็นตดแล้วปล่อยผมไปเถอะครับ ได้มั้ย?”
พูดจบ เขาได้มองเสาไฟฟ้าสองสามต้นที่แข็งทื่อ แล้วตวาด “พวกมึงแม่งยังแข็งทื่อกันอยู่ทำไม รีบคุกเข่าสิวะ”
ในเหตุการณ์เงียบสงัด เข็มตกยังได้ยิน แทบจะได้ยินเสียงใจเต้นที่เร็วขึ้นของทุกคน
จากความเสียใจของลูกพี่หวาง ต่งยู่ก็กลับมาได้สติอีกครั้ง มองฟางเหยียนอย่างเหม่อลอย ถาม “ฟางเหยียน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
พูดจบ หญิงสาวที่อยู่ข้างๆก็เงยหน้ามองฟางเหยียน และอยากรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
เดิมคิดว่าลูกพี่หวางจะจัดการฟางเหยียนอย่างรุนแรง ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเห็นฟางเหยียนจะกลัวยิ่งกว่าเห็นพ่อของตัวเองเสียอีก
ดวงตาที่สงสัยทั้งสองจ้องเข้ามา ฟางเหยียนรู้สึกนิ่งสงบเหมือนสายน้ำ! คนอื่นคุกเข่าให้เขา เขาคุ้นเคยไปนานแล้ว อย่าว่าแต่นักเลงไม่กี่คนเลย ต่อให้เป็นลูกพี่ที่เก่งขนาดไหนล้วนพากันคุกเข่าคลานตัวสั่นต่อหน้าของเขา!
“ได้แล้ว! ไม่ต้องคำนับแล้ว!”
จู่ๆลูกพี่หวางก็ผ่อนคลายถอนหายใจออกมา ที่หน้าผากเป็นแผลเลือดไหลอแกมานานแล้ว ใบหน้าที่หวาดกลัวยังไม่หายไปแม่แต่น้อย ดูท่าทางเขาแล้ว น่าจะจริง ไม่มีใครแสดง แล้วทำรุนแรงต่อตัวเองได้ขนาดนี้
ลูกพี่หวางดูออกถึงความสงสัยของฟางเหยียน จึงได้อธิบายว่า “นายท่าน คนนั้นที่โจรกรรมบนถนนหลวงเมื่อสี่วันก่อน ก็คือลูกน้องของผม คุณอย่าเพิ่งเครียด ผู้น้อยไม่ได้มาล้างแค้น แล้วไม่กล้าพูดถึงการล้างแค้นแน่นอน ผมเพียงก็อยากพูดว่า ก็เพราะเห็นการกระทำอันยิ่งใหญ่ที่นายท่านได้ต่อยสัตว์ประหลาดที่ภูเขาทิพย์ ทำให้ผู้น้อยนับถือนายท่าน นับถือไม่สิ้นสุด เหมือนสายน้ำที่ไม่หยุดไหล นับถือจนก้มตัวลงกราบเลยทีเดียว ผู้น้อยเพียงแค่อยากคบค้าสมาคมกับนายท่าน ต่อให้เป็นสุนัขตัวหนึ่งของนายท่าน ก็จะเป็นสุนัขที่ภักดีแน่นอน
ฟางเหยียนเข้าใจแล้ว น่าจะเป็นตอนที่คนนี้จะไปล้างแค้นให้ลูกน้อง แล้วเห็นเขาระเบิดพลังต่อยสัตว์ประหลาดเข้าพอดี ทำให้ลูกพี่หวางตกใจเอามาก จนถึงขั้นเห็นเขาก็คุกเข่าอ้อนวอนโดยตรง
“แกไม่ใช่คนประเทศหวาสินะ
ลูกพี่หวางไม่เข้าใจว่าฟางเหยียนหมายถึงอะไร แต่ก็ตอบกลับโดยดี เคารพนอบน้อม “ถือว่าใช่ครับ ผมเป็นลูกครึ่งชายแดน พ่อของผมเป็นคนนอกพรมแดน แม่ของผมเป็นคนตำบลจินสุ่ยเจิ้น”
“ในเมื่อไม่ใช่คนประเทศหวา กล้าวางตัวเป็นใหญ่ ใช้กำลังรังแกผู้คน แค่จุดนี้ แกก็สมควรตายแล้ว!”
ลูกพี่หวางสะดุ้ง ร่างกายสั่นขึ้นมา เมื่อกี้นี้ ราวกับเขารับรู้ได้ถึงความตาย และคำพูดของฟางเหยียน เหมือนกับผู้พิพากษากำลังพิพากษาโทษประหารชีวิตของเขา
“ปังๆๆ……”
ลูกพี่หวางศีรษะคำนับจนดังสนั่นเหมือนโขลกกระเทียม เขารู้ว่าฟางเหยียนไม่ได้ล้อเล่น
ลูกพี่ของตัวเองอ้อนวอนต่อหน้าวัยรุ่นคนหนึ่งเหมือนสุนัขอย่างไรอย่างนั้น ถ้าเป็นคนจะรู้สึกอึดอัด อยากจะยิงปืนใส่ฟางเหยียนสักซอง ให้เขารู้ว่าอะไรคือจุดจบ แต่คนหน้างานไม่มีสักคนที่กล้าลั่นไก เพราะลูกพี่หวางไม่สั่งการ ใครกล้าลั่นไก ต้องล้มไปคนแรกแน่ๆ
“เห็นแก่การที่แกรู้สึกเสียใจอย่างนี้ ฉันจะปรานีไม่ให้แกตาย……”
คำพูดของฟางเหยียนยังไม่จบ ลูกพี่หวางก็ออกแรงคำนับขึ้นไปอีก ไม่นาน ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยเลือด เขาตื่นเต้นไป ดูท่าทางความจริงจังสามารถทำให้คนซาบซึ้งได้ เพียงแต่ราวกับว่าเขาไม่สังเกต ฟางเหยียนที่ถูกขัดจังหวะคำพูดตอนท้าย “แต่ โทษประหารละได้แต่ยากจะหนีจากการลงโทษได้ ต้องทำโทษจะได้เตือนพวกที่กำลังจะกระทำการเหมือนกัน อ้อ แม้แรงมาแรงตอบจะเอามาใช้ไม่ได้ แต่สำหรับความวุ่นวายของตำบลจินสุ่ยเจิ้น ฉันหวังว่ามันจะสงบลง ใช้ชีวิตอย่างสงบ ผู้คนมีรอยยิ้ม เข้าใจมั้ย?”
ลูกพี่หวางชะงักไป กล่าวอย่างภักดีทันทีว่า “นายท่านวางใจได้ครับ เพียงแค่มีผมราชาอยู่ ตำบลจินสุ่ยเจิ้นจะไม่มีทางวุ่นวายแบบนี้แล้วครับ มั่นใจว่าจะเป็นมาตรฐานของชุมชนทั้งหมดได้ ขอนายท่านสบายใจได้ครับ
“ดี!”
ฟางเหยียนเพิ่งพูดจบ ลูกพี่หวางก็รู้สึกตรงหน้าลายๆ ราวกับมีอะไรหลุดออกไปจากร่างกาย จากเสียงที่เบา ทำให้ลูกพี่หวางกลับมาได้สติ มองมือซ้ายที่หล่นอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องเหมือนฆ่าหมูก็มิปราณออกมา
“อ้า……”
ฟางเหยียนยิ้มบางๆ “อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน นี่เป็นแค่คำเตือน ถ้าให้ฉันรู้ว่าแกยังขาดคุณธรรม เบ่งอำนาจ ใช้พลังข่มคนอื่น รังแกคนทั่วไป ฉันจะเอาชีวิตไร้ค่าของแกโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ลูกพี่หวางที่เจ็บปวดจนร้อง กล่าวเสียงสั่นว่า “ครับๆๆ นายท่านผมจำได้แล้วครับ ผมจำได้จริงๆแล้วครับ”
ฟางเหยียนจะเชื่อลูกพี่หวางง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเขาไม่เอาแขนของลูกพี่หวาง มอบความทรงจำที่ฝั่งลึกเข้าไปในใจให้เขา เขาจะไม่มีทางรู้ว่าตนล้อเล่นหรือไม่
ไปกันเถอเ”
ฟางเหยียนพูดจบ ต่งยู่เดินตามไป แต่ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังกลับตามหลังเขาทั้งสองไป ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
“คุณสบายใจได้ ผมจะให้คนคอยสังเกตการณ์ เพียงแค่มันกล้าต่อหน้าแสร้งเชื่อฟังลับหลังไม่ทำตาม ผมจะมาเอาชีวิตมันเอง ผมพูดจริงทำจริง”
หญิงสาวที่เดิมยังสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฟางเหยียน ความสงสัยที่อยู่ก้นลึกของจิตใจได้สลายไป ราวกับคำพูดของเขามีพลังวิเศษอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธอเชื่ออย่างไม่เคลือบแคลงใจ
และลูกพี่หวางก็แสดงท่าทีออกมาทันใด “นายท่าน คุณสบายใจได้ครับ ผมจะทำให้ตำบลจินสุ่ยเจิ้นสงบอย่างสิ้นเชิงให้ได้ ไม่ใช่แค่นี้ เมืองที่อยู่รอบๆผมก็จะทำให้สงบสุข ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องโจรกรรมบนถนนหลวงอีกต่อไป แล้วยิ่งจะไม่มีคนที่ไม่กล้าออกนอกชุมชนในตอนกลางคืนด้วยครับ”
ฟางเหยียนยิ้มอย่างเยือกเย็น “จำคำของแกไว้”
“ครับๆๆ คุณท่านเดินทางปลอดภัย”
ฟางเหยียนไม่ได้อยากนั่งรถของลูกพี่หวาง แต่ถูกลูกพี่หวางทำแบบนี้ รถที่จะกลับเข้าตัวเมืองไม่มีแล้ว และลูกพี่หวางที่มีวิสัยทัศน์ได้จัดรถส่งทั้งสองจากไป
เสี่ยวตงจื่อเดินเข้ามาทันที ใบหน้าแย่กว่ากินขี้เข้าไปห้าโลเสียอีก “ลูกพี่ ผม……”
ลูกพี่หวางหน้าชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ฆ่าตัวตายหรือให้ฉันช่วย!”
เขารู้ดีว่าลูกพี่หวางนิสัยใจแคบ เขาคือผู้กระทำผิด เรื่องนี้จะจบแบบนี้ไม่ได้ เพื่อไม่ให้ตัวเองเกิดการสูญเสีย เขาต้องเลือก จากเสียงปืนดัง เสี่ยวตงจื่อได้พูดบ๊ายบ่ายจากโลกนี้ไปโดยปริยาย
แววตาทั้งสองของหญิงสาวไร้ซึ่งสติ ราวกับวิญญาณออกจากร่างอย่างไรอย่างนั้น
“ลูกพี่ เธอกับเขาก็ฆ่าด้วยมั้ย”
“ฆ่า!”
เสียงปืนดังสองครั้ง ‘เซียนกระโดด’สามคนหนึ่งแก๊งได้หายไปโดยปริยาย