จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 643 คิดบัญชี
“ขอโทษ?” ฟางเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าการขอโทษมีค่า แล้วจะมีหมัดไว้ทำไม?”
หม่างเทียนหน้าซีดขาวทันใด แทบจะแทรกแผ่นดินหนีอย่างอับอาย นึกไม่ถึงว่าเขาจะไร้เหตุผลที่จะตอบกลับ!
นึกย้อนกลับไปเมื่อก่อน พวกเขาเป็นคนที่ยืนหยัดจนสำเร็จ ต้องฆ่าสังหารผู้คนของตระกูลฟาง ตอนนี้ฝีมือไม่เท่าเขาเจอเข้ากับคนที่เก่งกว่า ก็เหมือนกับพวกขี้ขลาดตาขาวทำตัวนอบน้อมแล้วเหรอ?
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่แท้จริง การอ้อนวอนทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไร
แต่เขาไม่เข้าใจอยู่ดี ฟางเหยียนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไร้ชื่อเสียงในโลกนินจาของประเทศหวา ต้องระวังมากจริงๆ
เมื่อขวังซือบิดคอของซื่อนวี่ หัวใจของหม่างเทียนจะเต้นทะลุออกมาแล้ว ขาดการต่อต้านของเทพธิดา ขวังซือราวกับพระเจ้าจุติลงมาจริงๆ พลังมหาศาล ฆ่าพวกเขาง่ายเหมือนกับการบี้มดตัวหนึ่ง แว็บเดียวเท่านั้นคอของซื่อนวี่ก็เอียงไป สิ้นชีพโดยสิ้นเชิง และขวังซือที่เกรี้ยวกราดยังคงเดินเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม ศีรษะของซื่อนวี่เหมือนกับแตงโมที่ถูกผ่าออกแล้วก็มิปราณ แตกออกทันใด
อนาถ!
อนาถคำเดียวก็พอแล้ว!
วิธีการโหดเหี้ยมเลือดเย็น!
สามคนที่เหลือตกใจจนควบคุมปัสสาวะและอุจจาระไว้ไม่อยู่ แววตาไร้ชีวิตชีวา แม้แต่ความปรารถนาที่จะหนียังไม่มี เพียงเพราะขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรง ขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว แล้วในช่วงแว็บเดียว ทั้งสามอยากให้ฟางเหยียนฆ่า อย่างน้อยศีรษะก็ไม่ต้องแตกออก ตายอย่างเหมาะสม
ในสถานการณ์ที่โหดเหี้ยมแบบนี้ พวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน ขวังซือแข็งแกร่งยิ่งกว่า!
“อาว!”
เสียงคำราม ขวังซือเริ่มก้าวย่างอย่างเคร่งขรึม เดินไปที่อีกคนต่อ!
ความน่ากลัว ความหวาดกลัว ความสิ้นหวังเป็นต้นอารมณ์ที่ซับซ้อนได้ประดังเข้ามาที่หม่างเทียนและคนอื่นๆ แว็บเดียว พวกเขารับรู้ได้ถึงการคุกคาม หมดปัญญาอย่างมาก!
แคร็ก!
ตายไปอีกคน ขวังซือเป็นแบบนี้อีกครั้ง ยกขาที่เต็มไปด้วยหนังตายหนาๆ แล้ววางลงทันใด
ปัง!
ศีรษะแตก ตายจนตายไม่ได้อีก!
ความง่ายดายของขวังซือ ทำให้สองคนที่เหลืออ้าปากค้าง กลิ่นอายความตายล้อมอยู่รอบๆพวกเขา
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฟางเหยียนนิ่งสงบเหมือนน้ำ มองการกระทำทุกอย่างของขวังซืออย่างสงบ
รู้อย่างชัดเจนถึงสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ รู้อยู่แล้วว่าหนีความตายไม่พ้น แต่ตายอย่างมึนงง ทำให้เขายากจะรับได้ ตายอย่างไม่เต็มใจ ต้องรู้ว่าเมื่อเตะเข้าไปแผ่นเหล็กนั่นแล้ว เขาไม่อยากเป็นผีเร่ร่อน
ยังคงเป็นแบบนี้ นินจาที่เป็นระดับปรมาจารย์ของประเทศหวาไม่เกินสี่คน แต่รายชื่อของปรมาจารย์สี่คนเขาล้วนคุ้นหูดี เป็นคนที่เขาเคารพ แต่จู่ๆฟางเหยียนปรากฏออกมา เหมือนจะไม่อยู่ในรายการของสี่ปรมาจารย์นี้
“ท่าน ก่อนที่ผมจะตาย ท่านบอกผมหน่อยได้มั้ย ว่าท่านเป็นใครกันแน่!”
ฟางเหยียนจ้องหม่างเทียนอย่างสนใจ “ฉันคือฟางเหยียน!”
“ไม่!ไม่!ไม่!” ดูเหมือนหม่างเทียนจะร้อนรน ในตอนนี้ เขายังไม่อยากพูดอีกเหรอ?ความเสียใจและความไม่เต็มใจทำให้หม่างเทียนตะโกนออกมา “ในประเทศหวา นอกจากจอมพลโผ้จวินเทพแห่งสงครามที่ลึกลับ ปรมาจารย์สามคนที่เหลือผมรู้จักหมด ท่านแข็งแกร่งขนาดนี้ ท่านเป็นใครกันแน่!”
“เอ๊ะ?” ฟางเหยียนค่อนข้างตกใจ เงยหน้ามองขึ้นมา “แกรู้จักจอมพลโผ้จวินเทพแห่งสงครามของประเทศหวา?”
“ใครบ้างไม่รู้จักเขา!” เมื่อพูดถึงจอมพลโผ้จวิน หม่างเทียนเก็บความเกรี้ยวกราดที่จะเป็นจะตายให้ได้ไว้ แล้วแทนที่ด้วยใบหน้าของความเคารพ “เขาเป็นเทพเจ้าของประเทศหวาของเรา เทพแห่งสงครามผู้ไม่แพ้ และเป็นความภาคภูมิใจของประเทศหวา ฝีมือของเขาลึกลับที่สุด ที่ขึ้นชื่อที่สุดก็ตอนนั้นฆ่าตัดคอจอมพลสิบประเทศตามลำพัง ฝีมือแข็งแกร่งจนทำลายกฎธรรมชาติ ไม่ใช่‘คน’ไปแล้ว เป็นเทพเจ้าที่จุติลงมา!เท่าที่ผมรู้มา เขายังเป็นคนที่หญิงสาวทุกคนชื่นชม ว่ากันว่าถึงขั้นใครเห็นใครก็รัก!”
แค็กๆๆ!
ไม่เพียงแค่ฟางเหยียนที่ชะงักไป แม้แต่ผู้คนในตระกูลฟางก็เขินอายไม่แพ้กัน
เทพเจ้าตัวจริงยืนอยู่ตรงหน้าแก แกกลับไม่รู้ เลียแข้งเลียขาที่หนึ่งจริงๆ!
“ทำไม?แกไม่พอใจมาก?แกกล้าดูหมิ่นไอดอลของฉัน!ต่อให้ฉันต้องแลกด้วยช่วยชีวิตแก่ๆนี่ของฉัน ฉันก็จะทำให้แกรู้ ว่าบางคนแกจะดูหมิ่นไม่ได้!”
พูดพลาง หม่างเทียนแสดงท่าทางเตรียมพร้อมออกมา ราวกับเตรียมพร้อมที่จะพุ่งหาฟางเหยียนได้ตลอดเวลา
แคร็ก!
เมื่อเสียงดังขึ้น หม่างเทียนที่ท่าทางยโสโอหังได้อันตรธานหายไป ทันใดนั้นความตะขิดตะขวงใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงของเขา ร่างกายก็เริ่มสั่น
เขาลืมไปแล้วจริงๆ ว่าขวังซือยัง‘อาฆาต’อย่างเต็มกำลังอยู่!
“คือ ฉันไม่ได้ดูหมิ่นจอมพลโผ้จวินนะ ฉันก็แค่ถาม เขาดีขนาดนั้นอย่างแกพูดเลยเหรอ?”
“ใช่สิ!” เมื่อพูดถึงจอมพลโผ้จวิน ความผวาของหม่างเทียนได้อันตรธานหายไป พลังแข็งแกร่ง ราวกับเขาก็คือจอมพลโผ้จวินที่ทรงเกียรติยศอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมฉันไม่เข้าใจตัวเองได้ขนาดนี้กันนะ?”
“แกรนหา……” หม่างเทียนเกรี้ยวกราด แทบจะคำรามออกมา แต่คำว่าตายยังไม่ออกมา ทันใดนั้นก็สำลักคำพูดนั้นไปทันที จ้องฟางเหยียนที่ใบหน้าขี้โรคตรงหน้าอย่างไม่พูดไม่จา ในหัวดังวิ้งๆ
โดยเฉพาะคำพูดนั้น ทำไมฉันไม่เข้าใจตัวเองได้ขนาดนี้กันนะ?
จอมพลโผ้จวินเป็นใคร เทพเจ้าของประเทศหวา!
ใครแม่งกล้าปลอมตัว!
แต่ท่าทีไม่สะทกสะท้านของฟางเหยียนที่แสดงออกมา อีกทั้งแรงอาฆาตอันยิ่งใหญ่ที่ปล่อยออกมา ท่าทีที่ดูหมิ่น ทำให้หม่างเทียนไม่กล้าสงสัยว่าคนนี้อ้างตัวหรือเปล่า โดยเฉพาะความนิ่งสงบที่ช็อกทั้งงาน แค่มือเดียวก็ฆ่าหญิงหน้ากากพยัคฆ์ได้ เหมือนกับบีบลูกเจี๊ยบอย่างไรอย่างนั้น
จู่ๆก็ทำให้เขาช็อก
เขาก็คือจอมพลโผ้จวิน!
เทพแห่งสงครามทรงเกียรติยศของประเทศหวา!
เป็นไปได้ไง!
แม้จะไม่ใช่ก็ใกล้เคียง แต่หม่างเทียนยังคงไม่ค่อยเชื่อ จอมพลโผ้จวินจะเป็นคนตระกูลฟางได้อย่างไรกัน
เขาเป็นเทพเจ้านะ จะเป็นคนของตระกูลตระกูลหนึ่งได้อย่างไรกัน แล้วยังท่าทางขี้โรคแบบนี้อีก
“แกคือจอมพลโผ้จวินจริงๆ!” ตอนที่ถามคำถามนี้ หม่างเทียนราวกับถูกดูดพลังไป ตัวสั่นไปหมด
ฟางเหยียนยิ้มอย่างมีเลศนัย หม่างเทียนสั่นไปทั้งตัว สั่นแรงเข้าไปอีก ความโมโหจู่โจมเข้ามาในจิตใจ เขาโมโหมาก ตะโกนขึ้นฟ้าว่า “ทำไม ทำไมกัน……”
“ฉันไม่คิดมากเรื่องที่แกฆ่าคนของตระกูลฟางได้ แต่พวกแกแตะต้องน้าของฉัน ต้องตายอย่างสถานเดียว!” ฟางเหยียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แค่ก้าวเดียว หม่างเทียนก็หายใจไม่สะดวก อากาศรอบๆราวกับถูกดูดไปจนหมด
ผู้คนตระกูลฟางสีหน้าขมขื่น หน้าแดง ฟางเหยียนยังคงปล่อยวางความแค้นลงไม่ได้ แต่เพราะเขา จึงทำให้คนของตระกูลฟางฝ่าวิกฤตไปได้อีกครั้ง แค่จุดนี้ก็เพียงพอแล้ว
“เทพเจ้าตัวจริงอยู่นี่ นึกไม่ถึงว่าฉันจะมองไม่ทะลุปรุโปร่ง ถึงตายก็ไม่เสียดายแล้ว” หม่าเทียนตะเบ็งสุดเสียง ตะโกนออกมาว่า “เทพธิดา กูเกลียดมึง มึงแม่งทำร้ายกูเข้าแล้ว แต่ก็ยังดี ในบรรดาคนที่ตายไปมีแค่แกคนเดียวที่เป็นผีเร่ร่อน และฉันดีกว่าแกหน่อยนึง ตายอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่เสียดาย ฮ่าๆๆ……”
เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง หม่างเทียนก็เสียชีวิตลงโดยปริยาย
จนกระทั่งถึงตอนนี้ สิบคนที่บุกเข้ามาได้เสียชีวิตลงทั้งหมด!
หลังจากที่สิบคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลฟางยังคงตกอยู่ในโลกที่ราวกับความฝัน ถ้าคฤหาสน์ตระกูลฟางทั้งหมดไม่ถูกทำลายทั้งหมด ทุกคนล้วนยังคิดว่าฝันไป
ไม่มีใครพูดจา บรรยากาศอึดอัดขึ้น
ผ่านไปสักพัก ฟางเหยียนหยวนทำลายความเงียบที่บ้านี่ลงไป!
“เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียน ฉันว่าแล้ว ว่าแกไม่มีทางทิ้งตระกูลฟางแน่นอน! ฉันว่าแล้ว ว่าแกต้องมา” เสียงของฟางจินหยวนสั่นคลอน!
เมื่อฟางเหยียนได้ยินเสียงนี้ แววตาที่ดุดันคู่นั่นของเขาได้มองไปที่ฟางจินหยวนทันที จากนั้นก็ตวาดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฟางจินหยวน คุณกล้ามากนะ! นึกไม่ถึงว่าจะกล้าแยกผมกับเมียของผมลับหลังได้!”
คำพูดของฟางเหยียน ดังสนั่นไปทั้งโสตประสาท ทำให้ฟางจินหยวนหน้าถอดสี อ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ ที่แท้ ฟางเหยียนไม่ได้มาช่วยตระกูลฟางในช่วงวิกฤต เหตุผลที่เขามาเพียงแค่คิดบัญชีเท่านั้น!