จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 650 ใช้เงินฟาดหัว
ฟางฟังพูดพลางเดินมา เจิ้งชงเก็บสีหน้าความไม่พอใจไป หัวเราะอิๆๆอย่างไม่คิดอะไรมาก “ว้าว ฟางฟัง เรามีวาสนากันจังเลย ได้เจอกันที่นี่ด้วย อะไรนะ ได้ยินจากหลิวเจี๋ยว่า คุณกลับบ้านไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้มาช็อปปิ้งได้ล่ะ? จัดการเรื่องที่บ้านเสร็จแล้วเหรอ?”
ฟางฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะมองหลิวเจี๋ย จากนั้นก็ยิ้มขมขื่น ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
“ฉันจะไปไหนต้องรายงานคุณด้วยเหรอ?” จู่ๆฟางฟังก็เข้าใจขึ้นมา เจิ้งชงจะต้องบีบหลิวเจี๋ยแน่ๆ เธอจึงได้บอกการเดินทางของตน
“ไม่ ไม่ได้หมายความว่างั้นนะ” เจิ้งชงมองฟางฟังด้วยความเย็นชา รีบอธิบายว่า “คืองี้ครับ คืนนี้เวินหลานมางานเลี้ยงขอบคุณแฟนคลับที่มหาลัยเราไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นผมจึงตั้งใจมาเลือกชุดสักสองสามชุด ใครจะรู้ว่าจะเจอคุณที่นี่ ผมไม่ได้สะกดรอยคุณนะ ผมสาบานได้ อ้อ เงินที่ผมซื้อชุดก็ไม่ได้ใช้ของที่บ้าน แต่ได้มาจากการทำธุรกิจ จริงๆนะ!”
ฟางฟังเหอะๆออกมา ไม่อยากพูดอะไร และในเวลาเดียวกันนี้เอง ฟางเหยียนเปลี่ยนชุดเสร็จออกมา โชว์ต่อหน้าเธอ
ที่แท้ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ชุดกันลมนี้ จู่ๆออร่าก็มา เธอเพิ่งพบว่า ชุดกันลมสีดำนี้ทำมาเพื่อฟางเหยียนจริงๆ โดยเฉพาะการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนที่ไม่ควรมีในรุ่นอายุของเขา ทำให้เธอมองจนเหม่อลอยไป
ไม่เพียงแค่เธอ แม้แต่เพื่อนรักของเธอหลิวเจี๋ยก็ชะงักไปทันใดเช่นกัน
ในหัวมีแค่คำเดียว!
หล่อ
ฟางเหยียนเป็นคนที่ไม่ชอบแต่งตัว สำหรับนักรบที่ใช้ชีวิตยากลำบากภายนอก แปดเปื้อนเลือด ชุดที่ดีที่สุดคือชุดลายพรางที่มีเกียรติ ไม่ชอบแต่งตัว แต่ชอบบู๊ แต่น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ชายปรารถนา เขาก็ไม่ต่างกัน
แต่เขาอยู่เหนือของล้ำค่าของร้านนี้ กลมกลืนกันไปหมด แทนที่จะพูดว่าชุดกันลมตัวนี้ยกระดับฟางเหยียน สู้พูดว่าเป็นให้เกียรติอย่างสูงส่งให้กับชุดกันลมตัวนี้จะดีกว่า
“พี่เหยียน พี่หล่อมากเลย!” ฟางฟังหัวเราะเหอะๆเหมือนบ้าผู้ชายอย่างไรอย่างนั้น
“เหรอ? ฟางเหยียนอ้าแขนสองข้างส่งสัญญาณ!” แว็บเดียว นึกไม่ถึงว่าจะเหมือนจักรพรรดิจุติลงมาก็มิปราณ!ราวกับเพียงแค่เขาโบกมือ ก็มีพลังมหาศาล!
“ชอบมั้ย?พี่เหยียน?” ฟางฟังหัวเราะคิกๆ “ช่างเถอะ ฉันชอบก็พอแล้ว พนักงานรูดบัตร!”
พูดพลาง ก็ได้คว้าแขนของฟางเหยียนเดินไปที่แคชเชียร์ มองข้ามเจิ้งชงและคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง
เจิ้งชงใจเต้นตึกๆ แม้แต่พี่ก็เรียกไปแล้ว นั่นไม่ใช่หมายถึงได้ครองฟางฟังไปแล้วเหรอ?เมื่อนึกถึงฟางฟัง……ใบหน้าของเขาก็เขียวขึ้นทันใด หัวใจก็แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เพราะโมโห ที่มือจึงโผล่เส้นเลือดขึ้นมา แทบจะอยากหั่นฟางเหยียนเป็นชิ้นๆ
ใจสลายสุดๆ!
ตอนนี้เจิ้งชงทรมานแบบนี้ ในใจเก็บความโมโหไว้ไม่อยู่ เจ้านั่นเทียบกับเขาได้อย่างไรกัน? เงินมากกว่าหรือตำแหน่งดีกว่า?ความเกรี้ยวกราดที่อัดไว้นานได้ระเบิดออกมาทันใด เขาได้โกรธจนยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่
คุณหลูซวิ่นเคยพูดไว้ บางครั้งการเงียบแล้วค่อยระเบิดจะดีขึ้น แต่บางครั้งการเงียบไปตลอดก็มีแต่จะตาย!
เขาที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า กดความเกรี้ยวกราดที่มีอยู่ในใจไว้ไม่อยู่ แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง หลิวเจี๋ยพูดเตือนว่า “คุณชายเจิ้ง อย่าลืมแผนการ!”
ถูก!
ใช้เงินฟาดหัว!
เขาเข้าใจความคิดของฟางเหยียนคนบ้านนอกทันที เจ้านั่นจงใจท้าทายให้เขาลงมือ เพียงแค่เขาใช้กำลัง แม้จะได้เปรียบ แต่ก็เสียหน้าต่อหน้าฟางฟัง ได้ไม่คุ้มเสีย เจ้านี่ต้องเป็นคนที่ไม่มีอะไรจะเสีย จงใจให้เขาโมโห ถ้าหลิวเจี๋ยไม่เอ่ยปากเตือน อีกนิดเจิ้งชงก็ติดกับแล้ว!
ยิ้มอย่างตื้นตันให้เธอ ทิ้งความโมโหก่อนหน้านี้ไป หัวเราะพลางเดินไปที่แคชเชียร์ “สหายท่านนี้ ในเมื่อเป็นเพื่อนของฟางฟัง ก็ถือว่าเป็นเพื่อนของเจิ้งชงเช่นกัน ค่าใช้จ่ายในวันนี้ผมคุณชายเจิ้งจัดการเอง”
พูดพลาง เอาบัตรสีทองใบหนึ่งวางไว้บนแคชเชียร์อย่างมั่นใจ ใบหน้าแสดง‘ความจริงใจ’ออกมา แอบมีลักษณะเย่อหยิ่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อย่างคนที่รวยข้ามคืนเผยออกมา
“พรรคพวก ยังไม่ขอบคุณคุณชายเจิ้งอีก?” โจวซานเข้าใจการกระทำทั้งหมดของเจิ้งชงทันที เขาอยากใช้ความสามารถมาบีบฟางเหยียนให้ถอย ให้เขารู้ความแตกต่างระหว่างกุ้งทะเลกับกุ้งแม่น้ำ!
เมื่อมีการเอ่ยปากของเขาเกิดขึ้น สี่คนที่เหลือต่างพากันขอบคุณ เริ่มเลือกเสื้อผ้าที่ตัวเองชอบ ดูเหมือนเจิ้งชงจะดีใจมาก แผนการของหลิวเจี๋ยได้ผลอยู่นะ ใช้เงินฟาดหัว สบายกว่าใช้กำลังเยอะเลย!
“ฟางฟัง คุณไปเลือกชุดที่เหมาะสมสักตัวนะ แน่นอน ผมไม่ได้ล่วงเกินคุณนะ ชุดที่คุณใส่อยู่ดูดีมาก แต่มันค่อนข้างยับกระทบออร่าของคุณ เพราะคืนนี้จะได้เข้าใกล้กับเวินหลานดาราดัง แล้วจะสวมใส่ชุดที่ไร้รสนิยมได้อย่างไรกัน? คุณว่าถูกมั้ย?”
ชุดยับก็ทิ้งไป นี่เป็นความกล้าของคนมีเงิน!
ทุกวินาทีล้วนกำลังบีบฟางเหยียนอยู่ ทำให้เขาได้รู้ว่าอะไรคือความแตกต่าง
“อ๋อ คนนี้คือ? เพื่อนของคุณ?” เจิ้งชงมองฟางเหยียน ราวกับพบโลกใหม่ก็มิปราณ ใบหน้าเต็มไปด้วย‘ความกระตือรือร้น’ ยืดมือขวาไปอย่างมีมารยาท กล่าวอย่างเคารพว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อเจิ้งชง คุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งแห่งเจียงตู!”
คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้ง สถานะนี้ถ้าอยู่ภายนอก เพียงพอที่จะข่มขู่คนหมู่มากได้
ในใจของฟางเหยียนไม่สะทกสะท้าน ถึงขั้นอยากหัวเราะ เจ้านี่ถ้าไม่ไปแสดงตลกก็เสียดายแย่
เสแสร้ง!
ให้แกเสแสร้งต่อไป!
เดิมฟางเหยียนไม่อยากสนทนาอะไรด้วยทั้งนั้น แต่จู่ๆก็สนใจขึ้นมา การล้างบางตระกูลก็แค่ง่ายดายธรรมดา ขาดความสนุกที่เพลิดเพลิน เขาตัดสินใจค่อยเป็นค่อยไป!
“ความหมายของคุณคือ……” ฟางเหยียนดูแคลน “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคุณชายเจิ้งเป็นคนออกให้?”
“ไม่……”
คำว่า‘ใช่’ของเจิ้งชงยังไม่ทันออกมา ก็ถูกเขาตัดบทไป ‘ขอทาน’นี่โอหังขนาดนี้ ไฟโกรธแค้นของเขาปะทุขึ้นมา เขาจะให้‘ขอทาน’คนหนึ่งกดไว้ได้อย่างไรกัน? เหมือนว่าเขาจะเดาออกว่าต่อไปฟางเหยียนจะทำอะไร นอกเสียจากปล้นชิงตามไฟ ซื้อชุดให้เยอะๆก็เท่านั้น!
ในเมื่อแกฟุ่งเฟ้อขนาดนี้ งั้นให้ฟางฟังได้เห็นว่าแกไร้สาระขนาดไหน และได้ให้ฟางฟังได้รู้พฤติกรรมของแก คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า อยากกินแล้วจะต้องได้กินเหรอ?
จุดที่สำคัญที่จะให้เขาเปลี่ยนคำพูดก็คือ ไม่ให้เสียหน้าต่อหน้าฟางฟัง
“เพื่อนคนนี้มีเอกลักษณ์ดีนะ ในเมื่อคุณเอ่ยปากออกมาแล้ว ถ้าผมไม่ตกลง ก็ดูเหมือนใครบางคนจะงกเกินไป ได้ ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด!”
เจ๋ง!
ฟางเหยียนยกนิ้วโป้งให้เขา จากนั้นก็พูดเบาๆให้พนักงานแคชเชียร์ ต่อมาได้จ้องฟางเหยียนอย่างอ้าปากค้าง ถามอย่างไม่คาดคิดว่า “คุณ คุณจริงจังป่ะเนี่ย?”
ฟางเหยียนยิ้มอ่อนๆ “คุณชายเจิ้งพูดแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเขาจ่ายเองทั้งหมด!”
เจิ้งชงถูกคนเล่นจนจิตใจหดหู่สุดขีด แต่เมื่อหันไป ความโมโหของเขาก็หายไปทั้งหมด ใช่ ความช็อกบนใบหน้าของฟางฟัง เมื่อเห็นดังนี้ เขาอารมณ์ดีมาก ดูเหมือนแผนการของหลิวเจี๋ยสำเร็จแล้วล่ะ!
ให้ฟางฟังเห็นสันดานของเจ้านี่ จึงจะเป็นเป้าหมายหลักของครั้งนี้!
ได้ยินการพูดคุยของพนักงานแคชเชียร์กับกระจอกนั่น สีหน้าของเขายิ่งอยู่ยิ่งสะใจมากขึ้น ไม่รอให้แคชเชียร์ถาม เขาโบกมือ “คำพูดเมื่อพูดแล้วคำไหนคำนั้น ในการใช้ชีวิต นอกจากให้ความสำคัญกับความชอบธรรม สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์อะเข้าใจมั้ย? ฉันคุณชายเจิ้งพูดอะไรจะเหมือนผายลมได้อย่างไรกัน?”
“ตอนนี้คุณสบายใจได้แล้ว คุณชายเจิ้งอนุญาตเอง คุณชายเจิ้งคุณอย่าบอกฉันว่าคุณไม่รู้นะ? เขาเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งแห่งเจียงตูนะ! คุณชายที่ทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้าน แล้วจะไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆพวกนี้เหรอ?”
พนักงานแคชเชียร์เดินออกนอกร้านอย่างเหม่อลอย ฟางเหยียนเต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ท่าทางนั้นเหมือนไม่เคยเห็นโลกมาก่อนก็มิปราณ ผลัดกันประจบประแจง ทำเอาเจิ้งชงอารมณ์ดีมาก จนมองข้ามพนักงานแคชเชียร์ที่เดินออกจากร้านไปโดยสิ้นเชิง
สำเร็จ!
ที่แท้ผู้หญิงก็เข้าใจผู้หญิงมากกว่า!
เขาเพิ่งพบว่าหลิวเจี๋ยคือขงเบ้งกลับชาติมาเกิดนี่เอง ถ้าไม่ใช่เพราะแผนเงินฟาดหัวของเธอ บางทีภาพพจน์ต่อหน้าฟางฟังอาจจะถูกลดทอนลงอย่างมาก