จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 655 มีเงินแล้วทำตามใจหวังได้
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมา ฟางฟังก็นึกถึงคำพูดหนึ่งที่ลูกผู้พี่ตนวิจารณ์เวินหลานขึ้นมาได้ทันที เธอคือเป็นผู้หญิงที่เจ้าปัญหา เดิมทีตั้งแต่แรกฟางเหยียนก็บอกว่าพวกเขาทั้งสองรู้จักกัน เพียงแค่ตัวเธอเองไม่ได้สนใจเท่านั้น ทางฝั่งของเจิ้งชงและคนอื่นๆ เพื่อศักดิ์ศรีที่ว่า อ้างคุยโวโอ้อวดว่าตนเองมีความเจ๋งเพียงใด แถมยังสร้างโอกาสที่จะให้เธอได้ใกล้ชิดกับเวินหลานอันพิเศษสำหรับเธอผู้เดียวด้วย เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฟางเหยียนก็อยากจะหัวเราะทันที!
เธอราวจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเวินหลานจึงได้มีพฤติกรรมเช่นนี้ ลูกผู้พี่ของตัวเองเป็นถึงเทพบุตรในกลุ่มคน อำนาจเกรียงไกร ผู้หญิงที่ชอบเขาน่าจะมีเยอะมาก ในฐานะผู้หญิง เธอคล้ายเข้าใจแล้วถึงความรู้สึกตื่นเต้น และความกระส่ายกระสับที่เวินหลานมีต่อฟางเหยียนแล้ว
ฟางฟังยิ้มขึ้นมา “พี่เหยียน เยี่ยมจริงๆ เลยนะ คิดไม่ถึงจะแม้แต่เวินหลานก็ยังถูกกำราบได้! ต่อไปนี้ฉันไม่ต้องตามดาราตามกระแสแล้วใช่ไหม? ฉันต้องคิดหาช่องทางอื่นแล้ว!”
พี่เหยียน?
เวินหลานมองดูฟางฟัง คิ้วขมวดขึ้นมา สีหน้ามีความเก้ๆ กังๆ
ฟางเหยียนสำหรับความรักแล้ว ซื่อสัตย์ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง นอกจากเธอแล้วก็ยังมีหลินถงที่หน้าตาสละสลวยราวกับนางฟ้าอีก ที่เข้าหาเขาอย่างรุนแรง ครั้นเขากลับไม่มีการตอบสนองกลับ ตรงกันข้ามแม้แต่ความปรารถนาสักนิดก็ยังไม่มี ทว่าตอนนี้กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เลวเลยมาปรากฏอยู่ต่อหน้า แถมยังเรียกเขาว่าพี่เหยียนอย่างสนิทสนมอีก
แม้แต่พี่ก็ยังเรียกกันแล้ว ความสัมพันธ์ต้องไม่เลวแน่นอนเลยใช่หรือไม่?
โดยเฉพาะสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของฟางเหยียน ทำให้เวินหลานมีข้อข้องใจอยากจะทราบมาก เมื่อนึกท่าทีของฟางเหยียนที่มีต่อตนเองและที่มีต่อผู้หญิงคนนี้ ภายในใจของเธอก็เย็นวาบขึ้นมา
“เวินหลาน นี่เธอเป็นอะไรไปเหรอ? คิดอะไรอยู่น่ะ!” เวินหลานหัวเราะขื่นขมอยู่ในใจ
ฟางเหยียนเอ่ยปากแล้ว เมื่อเอ่ยขึ้นมากลับเป็นความเย็นชาที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา “ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
เวินหลานอึ้งไป จากนั้นก็คลายกอดฟางเหยียนออก ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง
เจ๋งสุดๆ !
ผู้ชมที่รอดูความสนุกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
จากนั้นทั้งห้องโถงก็ฮือฮาขึ้นมาอีกรอบ
ต่างก็ทราบกันดีว่าเจิ้งชงชอบแสร้งทำด้วย พวกเขาเพิ่งจะทราบว่า เจ้าหมอนี่มีความเสแสร้งสูงกว่า!
เคยเห็นคนที่เสแสร้ง ครั้นไม่เคยเห็นอย่างฟางเหยียนมาก่อน ผู้ชมทั้งหมดราวกับได้ยินเสียงหัวใจแตกสลายของตนเอง แทบจะรู้สึกไม่คุ้มค่าเพราะเวินหลานที่ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเอง ที่มากกว่านั้นกลับเป็นบันดาลโทสะ!
เห็นได้ชัดว่า คำตอบที่ไม่ราบเรียบของฟางเหยียน ทำให้ผู้คนต้องเกรี้ยวกราดขึ้นมา!
เวินหลานที่อึ้งไปชั่วครู่ ยิ้มหวานๆ ขึ้นมา กลับมาสู่ความสุภาพเรียบร้อย ทว่ากลับเปลี่ยนเป็นควบคุมตัวเองมากขึ้น “นั่นน่ะสิ ไม่เจอกันนานเลย!”
“คุณ คุณมาดูฉันเป็นพิเศษเหรอ?”
เวินหลานพูดจบ ใบหน้าก็แดงขึ้นจนถึงกกหู เธอก้มหัวลง ใบหน้ามีความเขินอาย
ต่ำต้อย! กู่ไม่กลับ!
เวินหลานแสดงความเขินขายเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน ทว่าเธอกลับไม่สนใจ ไม่กลัวคำพูดนินทามั่วๆ เหล่านั้น ความสนใจทั้งหมดอยู่บนใบหน้าของฟางเหยียนล้วนๆ เธออยากจะทราบว่าฟางเหยียนจะตอบอย่างไร
“ใช่ !”
เวินหลานชะงักไป จากนั้นก็อึ้งไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เกือบจะมื้อไม้เต้นขึ้นมา ท่าทางอันงดงามนี้ทำให้ผู้ชมที่เห็นต้องบ้าคลั่ง!
เทพธิดาของตนเอง กลับไปประจบผู้ชายคนหนึ่ง!
โลกนี้ทำไมถึงได้บ้าคลั่งแบบนี้!
ยังต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่ไหมเนี่ย อ๊ากกก!
เกิดเป็นเสียงอื้ออึงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เสียงที่วุ่นวายนี้ดังไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ แต่มีเพียงคนเดียว ที่ใบหน้าเย็นชาจนน่ากลัว คนผู้นี้ก็คือเจิ้งชงที่ขายหน้าไป ไม่เพียงแต่ถูกฟางเหยียนฉีกหน้า แถมยังถูกกดดันทุกด้านอีก สุดท้ายยังทำให้เวินหลานขายหน้าด้วย
เขาระงับความโกรธนี้ไม่ลง!
เจิ้งชงมองไปยังเวินหลาน เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “คุณคิดจะขัดข้อสัญญาเหรอ?”
เสียงของเจิ้งชงไม่ดังมาก ทว่าก็ทำให้ทั้งห้องโถงต้องเงียบสงัดลงทันที เจ้าหมอนี่เริ่มตอบโต้กลับแล้วเหรอ?
ใช่แล้ว!
เจิ้งชงที่อวดเบ่งจนเคยชินแล้ว จะให้คนอื่นมาเหยียบจมูกเขาได้อย่างไร? อีกทั้งยังถูกคนสองคนรังแกวนเวียนกันไป ถ้าไม่ตอบโต้กลับ แล้วยังจะเป็นคุณชายเจิ้งที่พวกเขารู้จักอยู่ไหม?
“ผิดสัญญา?” เวินหลานจ้องเจิ้งชงด้วยใบหน้าที่อึ้ง เอ่ยถามด้วยความฉงนใจว่า “ฉันเคยมีสัญญากับคุณด้วยเหรอ? ทำไมฉันไม่รู้?”
นี่คือไม่ต้องการยอมรับ?
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัวแล้ว!
เขาล้วงเอกสารปึกหนึ่งออกมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมไว้หน้าคุณแล้ว แต่คุณไม่เห็นคุณค่า งั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะ ตอนนี้คุณต้องจ่ายค่าผิดสัญญามาสองร้อยล้าน คุณดูเอาเอง!”
สองร้อยล้าน!
ค่าผิดสัญญา?
ยังมีสัญญาด้วย?
คำถามสามคำถามนี้ทำให้เวินหลานงุนงงไปทันควัน!
เธอรับสัญญามาอย่างอึ้งๆ และเชื่องช้า เพียงแค่กวาดสายตามองเท่านั้น ทั้งเนื้อตัวก็อึ้งไป ยืนแน่นิ่งไปราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
นี่คือสัญญาที่เซ็นตอนไหนกัน?
ทำไมฉันถึงไม่รู้?
ผู้ชมฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง เจิ้งชงใช้ความหน้าไม่อายจนถึงขีดสุด ไม่คิดเลยว่าจะจัดการกับเทพธิดาผู้อ่อนแออย่างเวินหลานเช่นนี้ ในใจแทบจะทุกคนต้องการที่จะเข้าไปอัดเขาด้วยความโมโหเคียดแค้นพร้อมกัน
ทว่าสุดท้ายก็แค่คิดเท่านั้น การลงโทษจากการผลีผลามไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถรับได้!
และในช่วงเวลานี้เอง หญิงสาวผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ เวินหลานก็รวบรวมสติ นี่คือผู้จัดการส่วนตัวของเธอ และเมื่อเห็นผู้จัดการส่วนตัวแล้ว รอยยิ้มอันเย็นชาบนใบหน้าของเจิ้งชงก็เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก อันที่จริง ตอนแรกไม่มีกิจกรรมที่ว่าเรียนเชิญเวินหลานมาร่วมรับประทานอาหาร แต่ว่าตามคำถกเถียงของคนส่วนมาก ทำให้เจิ้งชงรับรู้ได้ถึงหนึ่งปัญหา นั่นคือห้ามขายหน้าเด็ดขาด ดังนั้นไม่ว่าจะต้องจ่ายในราคาที่สูงถึงห้าสิบล้าน ก็จะต้องร่วมรับประทานอาหารกับเวินหลานจนได้
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้เวินหลานนั้นไม่ทราบ เธอในตอนนั้นกำลังยุ่งจนหัวหมุน อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นก็เพียงบอกกล่าวที่มาที่ไปของสัญญาคร่าวๆ เท่านั้น เวินหลานไม่พอใจขึ้นมา สถานการณ์เป็นไปตามความจริง อีกทั้งก็เป็นเธอที่ได้รับสัญญาที่มีลายเซ็นของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต บริษัทและเจิ้งชงเซ็นโดยตรง เธอแน่นอนว่าต้องไม่ทราบ
เห็นได้ชัดว่า การเจรจาต่อรองนี้ เจิ้งชงอยู่เหนือกว่า
“เห็นหรือยัง ? เพราะงั้นเวลาต่อไป…ของคุณเป็นของผม!” เจิ้งชงมองไปยังฟางเหยียน มองจากบนลงล่างพร้อมเอ่ยกับเวินหลานว่า “ผมไม่อยากให้เวลาที่ผมซื้อต้องมาสูญเปล่าอยู่ตรงนี้ ไปกันเถอะ”
แม้จะไม่ได้เข้าใจแจ่มแจ้งดี ทว่าทุกคนล้วนทราบว่าเจิ้งชงกำลังทำใส่ฟางเหยียนอยู่
ถ้าหากเวินหลานเสียเวลาอยู่ตรงนี้ต่อไป สิ่งที่รอเธออยู่ก็คือเงินค่าผิดสัญญาสองร้อยล้าน! แม้บนสัญญาจะมีเงื่อนไขที่เผด็จการอยู่บ้าง ทว่าบริษัทกลับเซ็นไปแล้ว ความหมายในนั้นสมควรไปสืบค้นหา สัญญานี้มีไว้ก็เพื่อผูกมัดตัวเวินหลาน!
เจิ้งชงที่ถูกบีบรัดจนหายใจไม่ทั่วท้อง ได้เรียกศักดิ์ศรีตัวเองกลับมาเป็นครั้งแรก ต่อให้จะถูกคนอื่นชี้ถึงความผิดของเขา ทว่าเขาก็ไม่แยแส ขอเพียงบีบฟางเหยียนไว้ก็ได้แล้ว
อีกทั้ง ตามที่เขาทราบ แม้เวินหลานจะโด่งดังเป็นที่รักของทุกคนมาก ทว่าทุกอย่างก็ต้องฟังการจัดการของบริษัททุกประการ นอกจากค่าผิดสัญญาสองร้อยล้านที่ต้องให้เธอไปรับผิดชอบเอง เธอยังอาจจะถูกบริษัทเก็บซ่อนไว้ ผลสุดท้ายก็คือออกจากวงการ ถูกปิดผนึกตลอดไป หายไปจากแสงไฟที่สาดส่องมาโดยสิ้นเชิง
ว่าไปตามความจริง ค่าผิดสัญญามีปัญหาไม่มากนัก เธอสามารถจัดการได้อย่างสบายๆ ทว่าการแถลงข่าวหรือช่วงเวลาฉายหนังในช่วงหลังนี้ จะถูกบริษัทกระทำทุกอย่าง ทำให้สุดท้ายจะพัฒนาเส้นทางนี้ต่อได้แคบยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงอย่างไรก็ไม่มีบริษัทไหนที่จะช่วยเหลือประคับประคองศิลปินสาวที่ ‘ไม่เชื่อฟัง’
และเป็นเพราะตระหนักถึงเหตุนี้ เจิ้งชงจึงได้จ่ายห้าสิบล้านซื้อเวลาสองชั่วโมงของเธอ
โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้จัดการส่วนตัว ชี้แจงถึงผลที่จะตามมาหากปฏิเสธขึ้นมา เจิ้งชงก็ตัดสินใจทันที!
ในความคิดของเขา แม้พฤติกรรมของเวินหลานยากที่จะเข้าใจ ทว่าเมื่อพูดตามสัญญาที่อยู่กับตัวเธอแล้วนั้น ความผลีผลามทุกประการก็ถูกเปลี่ยนเป็นความสงบนิ่งทันที เธอไม่มีทางเลือกอื่น!
ว่าไปตามความจริง เจิ้งชงได้ควบคุมเวินหลานโดยสิ้นเชิง!
ทันใดนั้นเอง เจิ้งชงก็พบว่าแค่มีเงินนั้นไม่พอที่จะ ‘ทำตามใจหวัง’ ได้จริงๆ !
คำด่าสาปแช่งฮือฮาเต็มห้องโถงใหญ่ อารมณ์ของผู้ชมเดือดพล่านขึ้น เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็โมโหให้กับความหน้าไม่อายของเจิ้งชง