จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 663 ท่านฟาง
พอนึกถึงคนนั้น พี่เปียวก็อดขาสั่นไม่ได้ แต่ไอ้โง่เจิ้งชงก็คิดแต่จะแก้แค้น ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไงกัน โดยเฉพาะตอนนี้ หมอนี่ยังจะคิดจะลากตนเองลงไปตายด้วย นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ?
ใช้มือปัดบุหรี่ที่เจิ้งชงยื่นมาให้ แล้วจ้องมองเขานิ่งๆ พร้อมพูดว่า “เจิ้งชง กูว่ามึงคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วล่ะ!”
เจิ้งชงยิ้มหน้าบานค้างอยู่บนใบหน้า แล้วจ้องมองไปยังบุหรี่ที่ถูกปัดตกลงไป แก้มก็กระตุกเล็กน้อย พี่เปียวช่างไม่ไว้หน้ากันเลยนะ!
“ทำได้ไม่เลว!” เจิ้งชงยิ้มเย็นที่มุมปาก “ให้เกียรติแล้วไม่เอาใช่ไหม? คิดว่าตัวเองเก่งว่างั้น? ในสายตาของตระกูลเจิ้งกู มึงเป็นหมายังไม่คู่ควรเลย!”
สำหรับคนที่มีไอคิวต่ำแบบนี้ พี่เปียวก็ปวดหัวมากจริงๆ เขาก็สงสัย ไอ้คนนี้ออกจากบ้านมา ทำไมไม่เอาสมองมาด้วย ชอบถอดสมองไว้บูชาที่บ้านหรือไง?
“สมองเป็นสิ่งที่ดี แต่เสียดายที่มึงไม่มี”
พอพี่เปียวพูดจบ ก็ขี้เกียจจะพูดกับเขาต่อ เลยเดินตรงไปยังรถหงฉี ท่าทางก็เบาลง ไม่ได้โมโหแบบเมื่อครู่แล้ว และมีความนอบน้อมมากขึ้น แถมยังมีความเกรงกลัวแฝงอยู่ด้วย เดินโค้งตัวมาข้างๆ รถเก๋ง
ถ้าหาดสิ่งที่พี่เปียวทำ ทำให้เจิ้งชงตาสว่างได้ อย่างนั้นสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เจิ้งชงกลัวกับความผิดที่ทำได้ และจะต้องกลัวถึงขีดสุด
“ท่านฟาง ขอโทษที่ทำให้ท่านตกใจนะครับ อาเปียวมาช้าไป”
ท่านฟาง!
นี่มันเป็นการเรียกชื่อที่ต้องให้ความเคารพขนาดไหนกันเชียว!
เจิ้งชงมีหรือจะไปสนใจว่าอะไรเคารพไม่เคารพ ใจของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด ในหัวก็เสียงดังวิ๊งๆ ไปหมด นอกจากคนขับรถแล้ว ในรถหงฉีมีเพียงผู้ชายคนเดียว!และผู้ชายคนนั้นก็แซ่ฟาง!และเป็นคนที่เขาอยากจะฆ่าให้ตาย!
คือฟางเหยียน!
เป็นไปไม่ได้!
เขาเป็นแค่คนกระจอก เขาเป็นแค่หนุ่มน้อยที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเท่านั้น!เขาจะมีตัวตนที่โด่งดังจนพี่เปียวต้องเคารพขนาดนี้เชียวหรือ
ไม่ใช่ๆๆ จะต้องมีตรงไหนผิดพลาดแน่ๆ
ดวงตาของเวินหลานจ้องมองไปยังพี่เปียว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าชายรูปร่างใหญ่ตรงหน้านี้เป็นใคร แต่ว่าสามารถทำให้คนโอหังอย่างเจิ้งชงทำตัวเป็นคนขึ้นมาได้ ตำแหน่งของเขาคงไม่ต่ำแน่ แต่ว่าผู้ชายที่มีตำแหน่งสูงส่งแบบนี้ กลับมาโค้งตัวทำความเคารพต่อฟางเหยียนเสียนี่
หรือว่านอกจากที่ฟางเหยียนจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลฟางแล้ว ยังมีตัวตนอื่นๆ อีกอย่างนั้นหรือ?
“พี่เปียว มึงทำอะไรวะ?” เจิ้งชงพูดด้วยสีหน้าโมโห
พี่เปียวก็ไม่อยากไปสนใจเขา แล้วพูดอย่างเคารพกับอีกฝ่ายไปว่า “ท่านฟาง อาเปียวมาช้าไปหน่อยครับ”
เห็นได้ชัดว่า พี่เปียวกำลังรอคำสั่งของฟางเหยียน
“ฟางเหยียน มึง มัน คือว่ากู……..”
ฟางเหยียนพูดนิ่งๆ ว่า “ควรทำอย่างไร คงไม่ต้องให้ผมบอกคุณนะ?”
“เข้าใจครับ!” พี่เปียวยิ้มตอบไปด้วย แต่ว่าตอนที่หันหลังไปนั้น ความโกรธก็เปลี่ยนขึ้นมาบนใบหน้าทันที ตอนที่มองไปยังเจิ้งชง ก็อยากจะตบบ้องหูให้ตายไปเลยทีเดียว
เป็นมันนี่เอง!
คือฟางเหยียนจริงๆ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!
เจิ้งชงยังตกใจอยู่ในความสงสัยของตนเอง ต่อให้ฟางเหยียนเอ่ยปากพูดออกมา เขาก็ยังไม่เชื่อ เหตุผลที่เขาไม่เชื่อมีอยู่หนึ่งอย่าง ก็คือไม่เชื่อว่าตำแหน่งของฟางเหยียนจะสูงกว่าตนเอง ตัวเขาเป็นใครกันน่ะหรือ เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง ที่คนนับหมื่นเคารพ แค่เขากระทืบเท้าในเขตพื้นที่เจียงตู ทั้งเจียงตูก็ต้องสะเทือนไปทั่ว
ยังมีคนที่สูงส่งกว่าเขาอีกงั้นหรือ?
มีแน่นอน นอกจากตระกูลฟางแล้ว ก็คือตระกูลตลฟาง
ตระกูลฟาง ฟางเหยียนสในหัวของเจิ้งชงก็โผล่ความเกี่ยวข้องของสองชื่อนี้ออกมา หรือว่าเขาจะเป็นคนของตระกูลฟาง?
แต่ว่าคนของตระกูลฟาง เขามีหรือจะไม่รู้จัก? ไม่มีคนชื่อฟางเหยียนนี่เลยด้วยซ้ำ หรือว่าฟางเหยียนไม่ใช่คนเจียงตู? แต่ว่าเมืองรอบๆ เจียงตูก็ไม่มีตระกูลฟางที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลยนะ? เขาเป็นใครกันแน่?
ทันใดนั้น!
เจิ้งชงก็ผุดความเป็นไปได้หนึ่งออกมา
ฟางเหยียนไม่ใช่คนของตระกูลฟางที่ไหนเลย บางทีอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลใหญ่ๆ เลยด้วยซ้ำ และจุดประสงค์ที่เขามาที่เจียงตูก็เพื่ออยากจะมาบุกเบิกพื้นที่ของตัวเอง หาที่ยืนให้กับตนเองในเจียงตู ส่วนฟางฟังน่ะหรือ ก็คือเสาต้นใหญ่ที่เขาต้องจับไว้ให้แน่น เพราะว่าตระกูลฟางเป็นตระกูลใหญ่ระดับต้นๆ ของเจียงตูและระดับประเทศ มีตระกูลฟางช่วยเปิดทางให้ อย่างน้อยเขาก็สามารถลดการต่อสู้แย่งชิงไปได้เป็นสิบปี!
ส่วนนังชั่วเวินหลาน คงจะเป็นคนที่มีคดีรักกันก่อนที่จะมีชื่อเสียง ส่วนอาเปียวคนนี้ ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก ฟางเหยียนคงจะใช้ฟางฟังเพื่อหลอกเอาทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่ง ก็เลยมาทำงานให้กับฟางเหยียน
ใช่แล้ว จะต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ !
ในเมื่อคิดอยากจะเป็นมังกร งั้นกูจะทำให้มึงได้เห็น ว่าความยิ่งใหญ่ของงูเจ้าถิ่นแถวนี้เป็นอย่างไร!
ไม่พูดไม่ได้ว่า สมองของเจิ้งชงคิดได้ไวจริงๆ ไม่นานก็วิเคราะห์เรื่องทั้งหมดได้อย่างละเอียด!
“พี่เปียว มันให้เงินพี่ไปเท่าไร ผมให้สองเท่า ไม่เพียงเท่านั้นนะ ผมจะเคารพพี่ ให้ความสำคัญกับพี่ จะไม่ละเลยพี่เหมือนที่มันทำ อะไรกัน ด้วยฐานะของพี่เปียว จะต้องยอมนอบน้อมพูดแบบนี้เลยหรือไง? ผมรู้ว่าพี่เปียวยึดมั่นในคำสัตย์ เดี๋ยวรอพวกผมจัดการกับไอ้เด็กน้อยฟางเหยียนนี้ก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยมาคุยกัน พี่วางใจได้เลย ผมพูดแล้วต้องทำได้ ไม่กลืนน้ำลายตัวเอง”
พอเจิ้งชงพูดออกไป พี่เปียวก็ปากกระตุก ตอนที่มองไปยังเจิ้งชงนั้น เหมือนกับกำลังมองคนโง่อยู่คนหนึ่ง
ฆ่าเขางั้นหรือ?
มึงจะฆ่าเขาอย่างไรได้?
คนคนนี้เป็นใครมึงยังไม่รู้เลย มึงจะฆ่าเขาอย่างไร?
อาศัยคนไม่กี่ร้อยคนนี้น่ะหรือ?
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย โง่ โง่สิ้นดี!
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วก็บ่นพึมพำว่า “คุณชายทั้งหลายที่อยู่สุขสบายพวกนี้ วันๆเอาแต่ขลุกอยู่กับเงินๆ ทองๆ จนล้างสมองไปแล้วหรือไง?”
“พี่ด่าผมงั้นหรือเปล่า?” เจิ้งชงตั้งสติกลับมาได้ โน้มน้าวพี่เปียวไม่ได้ก็หนักพอแล้ว แต่ยังจะมาถูกด่าทอแบบนี้อีก ความหมายไม่ต้องบอกก็รู้ พี่เปียวด่าว่าเขาไม่มีสมอง!เขาจะทนให้ด่าได้อย่างไร?
“มึงพูดถูกต้องแล้ว” พี่เปียวยิ้มเย็นพูดว่า “ไม่มีมองก็พอว่า แต่ยังโง่ระดับสุดอีก!”
เจิ้งชง: “……”
“อาเปียว ในเมื่อมึงภักดีแบบนี้ งั้นกูก็จะกำจัดมึงไปด้วยเลย ลงมือได้!”
ในเมื่อหักหน้ากันแล้ว ก็ไม่ต้องคุยกันให้เปลืองน้ำลายอีก เจิ้งชงก็ออกคำสั่งให้ลงมือ คนในเหตุการณ์ถึงแม้จะกลัวพี่เปียว แต่คำสั่งของเจิ้งชงก็ไม่กล้าขัด ก็เลยได้แต่จำเป็นต้องเข้าไปล้อมไว้
รอยยิ้มเย็นยะเยือกบนใบหน้าของพี่เปียวมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ค่อยๆ กลายเป็นรังสีแห่งหารฆ่า จากนั้นเขาก็ส่งเสียง คนทางด้านหลังก็บุกออกมา
ในตอนนี้เอง ก็มีรถLand Roverหลายคันขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนชนรถที่ขวางไว้หลายคัน คนโดยรอบก็วิ่งหนีกันอุดตะหลุด
ฟางเหยียนก็ยิ้มเบาๆ “ยังมีคนมาอีกงั้นหรือ?”
ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่เจิ้งชงเองก็อึ้งไปเหมือนกัน จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมาได้ คงจะเป็นกองหนุนของพี่เปียวมาถึงแล้ว พอคิดออกมาได้ เขาก็ตวาดออกไปว่า “รีบฆ่าพวกมันเสีย อย่าให้รอดไปแม้แต่คนเดียว!”
พี่เปียวที่กำลังบุกออกไปฆ่า ก็งงเหมือนกัน คนพวกนี้เจิ้งชงเรียกมางั้นหรือ? หรือว่าบางทีเจิ้งชงยังมีไพ่ไม้ตายที่ยังไม่ได้เผยออกมางั้นหรือ? พอคิดถึงจุดนี้ เขาก็เข้าไปรวมกำลังกับคนของตัวเอง และจ้องไปยังกลุ่มคนที่บุกเข้ามาใหม่
การต่อสู้นอกกระจกรถได้เกิดขึ้นแล้ว ช่างเป็นสงครามใหญ่
และตอนที่เริ่มสู้กันนั้น คนขับรถก็ถอยกลับมาในรถ หน้าที่ของเขาก็คือ ปกป้องท่านผู้นำ ส่วนการไปตะลุมบอนแบบนี้ เขาขี้เกียจลงมือ และตอนที่เขาขึ้นรถนั้น รถLand Roverหลายคันก็ขับมาอย่างรวดเร็ว ชนคนกระเด็นไปหลายคน
ขณะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงร้องโอดครวญระงมไปหมด
เส้นทางเลือด!
นี่มันเป็นเส้นทางเลือดที่รถLand Roverชนเปิดทาง และตอนที่รถLand Roverหยุดตัวลงนั้น ทุกคนที่กำลังเข่นฆ่ากัน ก็หยุดมือลง แล้วมองไปยังรถLand Roverนิ่งๆ เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก และในตอนนั้นเอง ตอนที่ทุกคนกำลังคาดเดาว่าคนในรถคือใครนั้น ขาข้างหนึ่งก็เผยออกมาต่อหน้าสายตาทุกคน
ขาข้างนั้นก้าวลงมาจากรถ เวลามันก็เหมือนจะหยุดตัวลง ฮอร์โมนพลุ่งพล่านกันไปหมด!