จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 669 พ่อกูมาแล้ว!
ตระกูลเจิ้งจะล้มละลายไปแบบนี้เลยหรือ?
ความโอหังของเขาหมดสิ้นไปเพราะมีสายเข้ามางั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
มันไม่ใช่แค่ไอ้หน้าอ่อนขี้ขลาดที่คอยเกาะผู้หญิงกินหรือ?
ไม่ๆๆ !คงไม่ใช่ฟางเหยียนแน่นอน จะต้องเป็นเพราะพ่อตนเองไปหาเรื่องใครเข้า ใช่แล้ว จะต้องเป็นแบบนี้แน่เลย ดังนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับกู!
เจิ้งชงผู้ดื้อรั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อ ว่าตระกูลเจิ้งล้มละลายเพราะฟางเหยียน!
“ไอ้หนู เล่นซะกูนึกว่าเป็นเพราะมึง ต่อให้ตระกูลเจิ้งของกูต้องสูญสิ้น กิจการล้มละลาย วันนี้กูก็จะฆ่ามึงให้ได้” เจิ้งชงพยายามอดกลั้นความกลัวภายในใจ แล้วก็ตะโกนออกมาว่า “ยังรอช้าอยู่ทำไมวะ ยังไม่รีบไปฆ่ามันให้กูอีก!”
ไม่มีใครกล้าขยับ!
ดั่งคำที่ว่าคนในไม่รู้ คนนอกมองสถานการณ์ได้ดีกว่า เจิ้งชงถูกความโกรธเข้าครอบงำไว้หมดแล้ว ตอนนี้เขาหมดหนทางช่วยเหลือแล้ว เขาอยากตายเอง คนอื่นในเหตุการณ์ไม่มีใครอยากจะไปตายด้วยหรอก เพราะว่ามันไม่คุ้ม ตั้งแต่ตอนที่ฟางเหยียนซัดเจิ้งชงกระเด็นออกมา ใจของทุกคนก็เหมือนมีหมอกควันมาบดบังไว้ โดยเฉพาะประโยคของฟางเหยียนที่ทำให้กิจการตระกูลเจิ้งถูกทำลาย คนธรรมดามันสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างนั้นหรือ?
คนที่มีสมองหน่อยก็จะรู้ ว่าฟางเหยียนไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ ความถ่อมตัวของเขานั้น สำหรับเจิ้งชง เหมือนเป็นการยอมให้คนเหยียดหยามได้ พดตามตรงเลยก็คือ เจิ้งชงเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหน คอยแต่จะล้างผลาญตระกูล เพราะเขาคนเดียวก็ได้ทำลายกิจการนับสิบปีของตระกูลไปจนสิ้น
ถ้ารู้ว่าเจอของแข็งแบบนี้ พวกเขาคงไม่มาหาเรื่องคนโหดแบบนี้หรอก เสียดายจริงๆ
คนฉลาดก็จะมองออกว่า สถานการณ์ตอนนี้มันเอนเอียงไปฝั่งเดียวหมดแล้ว ฟางฟังและเวินหลานที่อยู่ในรถ ก็มองเจิ้งชงอย่างอนาถใจ คำพูดที่ว่า คนที่น่าสงสารมักจะมีจุดที่น่าโมโหอยู่เหมือนกัน คำพูดนี้พูดได้ไม่มีผิด
ความอดทนของฟางเหยียนเกินความคาดหมายของเจิ้งชง ไม่ต้องพูดถึงแค่ตระกูลเจิ้งเลย แม้แต่ตระกูลฟางก็ต้องมาคุกเข่าเงยหน้ามอง ตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ผลิจะกระโดดโลดเต้นได้สักเท่าไร? ฟางเหยียนไม่เอาเรื่องเอ็ง เอ็งก็ยังไม่รู้จักขอบคุณ ยังจะมาชี้หน้าด่าอีก น่าอนาถสิ้นดี
ยังไม่ต้องพูดถึงที่ฟางเหยียนมีตัวตนที่มีเกียรติยศสูงส่งแค่ไหน แค่ชื่อเสียงที่เป็นคุณชายตระกูลฟาง ก็เพียงพอที่จะทำลายล้างทั้งตระกูลเจิ้งได้แล้ว คนที่ยืนอยู่บนจุดบนสุดแบบนี้ เอ็งจะเอาอะไรไปสู้กับเขา? ต่อหน้าฟางเหยียน ก็เหมือนกับตัวตลกตัวหนึ่ง คิดว่าตัวเองเก่งมากหรือไง?
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้น ด้วยแรงลมหนาวที่ค่อยๆ พัดมา ถนนทั้งสายก็ดูเยือกเย็นไป
หลิวเจี๋ยถือว่าเป็นคนหัวดีที่สุดในหมูของเจิ้งชง เธอเล็งเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะฟางเหยียนแสดงทีท่าที่นิ่งเฉย ไม่ใช่คนธรรมดาจะเปรียบเทียบได้ ลองคิดดู คนนับร้อยไปล้อมรถไว้ เขาไม่ร้อนรนอะไร แถมยังไม่สนใจอีกด้วย คนที่มีความกล้าแบบนี้ได้ จะเป็นคนธรรมดางั้นหรือ?
ตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็สังเกตท่าทีของฟางเหยียนตลอด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ เธอกลับไม่รู้คนคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ มีผู้หญิงมาห้อมล้อม เขาก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ ผู้ชายที่สามารถควบคุมตัวเองได้ขนาดนี้ จะเป็นพวกคนดีงั้นหรือ? สิ่งที่ทำให้หลิวเจี๋ยใจเต้นแรงก็คือ ที่ฟางเหยียนโทรศัพท์ออกไป แค่โทรไปตระกูลใหญ่แห่งหนึ่งก็ล่มสลาย ตัวตนของเขามันจะยิ่งใหญ่ถึงขนาดไหนกันเชียว ต่อให้เป็นผู้นำตระกูลฟาง ฟางจินหยวน เกรงว่าก็ต้องใช้แผนการไม่น้อยเหมือนกัน
พอรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน หลิวเจี๋ยก็คาดเดาออกมาได้อย่างหนึ่ง ตัวตนของฟางเหยียน คงไม่ใช่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างคุณชาย แต่เป็นบุคคลที่มีเส้นสายใหญ่โต ส่วนจะใหญ่โตแค่ไหนนั้น เธอไม่กล้าคาดเดา เพราะถึงอย่างไรคนที่สามารถนั่งรถเก๋งป้ายทะเบียน 1 ตัวเดียวได้ ตัวตนคงจะไม่ธรรมดา และหลักฐานที่มาเสริมการคาดเดานี้ก็คือ คนขับรถที่มีท่าทางเคารพต่อฟางเหยียน มันไม่ใช่ท่าทางของคนขับรถธรรมดาๆ
ฟางเหยียนมีเส้นสายกว้างใหญ่ ชื่อเสียงโด่งดัง ไม่มีใครเทียบได้
น่าสงสารเจิ้งชง ตอนนี้ยังคงมัวเมาอยู่กับฝันที่อยากจะแก้แค้น
เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ตอนนี้เธอคิดแต่อยากจะออกไปจากตัวเจิ้งชง เพื่อให้ตนเองรอดชีวิต
แต่ว่าผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง จะหนีออกไปจากฝูงชนที่ห้อมล้อมมากมายได้อย่างไรกัน? ถ้าคับขัน เธอก็ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่โจวซาน เธอเล่าเนื้อหาสำคัญให้เขาฟัง พอโจวซานฟังหน้าก็เสียมาก เขามีหรือจะไม่รู้ความหมายที่หลิวเจี๋ยสื่อออกมา ถ้าเจิ้งชงยังรนหาที่ตายล่ะก็ ถ้าตายไปจริงๆ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่นั้น ก็มีแต่การแก้แค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
พอคิดดูแล้ว โจวซานก็พยายามมาข้างเจิ้งชง “คุณชายเจิ้ง คุณก็พูดให้มันน้อยๆ หน่อยดีกว่านะครับ วันนี้พวกเราแพ้แล้ว”
คนที่เรียกมาต่างพากันไม่เอาด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เจิ้งชงที่โมโหอยู่แล้ว โมโหขึ้นไปอีก แต่ว่าตอนนี้น่ะหรือ? แม้แต่พรรคพวกที่ติดตามเขาเองก็ยังมา “หักหลัง” เขา ทำให้เขายิ่งไม่เหลือใคร นี่มันเหมือนกับตกกระใดพลอยโจร ซ้ำเติมไปอีก
โจวซานเห็นแล้วว่าเจิ้งชงอยากจะลงมือ ก่อนที่เขาจะยกมือนั้น ก็เลยรีบหลบไปก่อน “คุณชายเจิ้ง พูดดีๆ ไม่ฟังนะ หรือว่าคุณจะรอให้บ้านแตกสาแหรกขาดถึงจะรู้ความผิดของตัวเองหรือ?”
โจวซานก็พยายามพูด!
เพราะถึงอย่างไรที่หลิวเจี๋ยพูดมาก็ชัดเจนดี เจิ้งชงรนหาที่ตาย แต่จะพาทุกคนไปตายด้วย คนที่สามารถทำลายกิจการใหญ่ได้ง่ายๆ ใครจะสู้ไหว? ต่อให้ต้องผิดใจกับเจิ้งชง เขาก็ไม่กลัว
เจิ้งชงก็อึ้ง โจวซานถือว่าเป็นลูกน้องที่ภักดีต่อเขามาก ทำไมวันนี้ถึงมาแว้งกัดได้!
“เจิ้งชง ทำไมคุณถึงยังไม่เข้าใจอีกนะ? วันนี้คุณได้ไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรหาเรื่องด้วย คุณอยากตาย ก็อย่าลากพวกเราไปตายด้วย พวกเราไม่รู้เรื่อง และผมจะบอกให้นะ บุญคุณของพวกเราก็ขอจบสิ้นกันวันนี้ ส่วนคุณ…….ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมแล้วกัน!”
พูดไป โจวซานก็ไปคุกเข่าต่อหน้ารถหงฉี เอาหัวโขกไปอย่างดัง เสียงนั้นมันเหมือนกับเป็นเสียงเข้ามาทำให้ในใจของเจิ้งชงยิ่งหดหู่
การกระทำของโจวซานเหมือนกับเป็นการแสดงจุดยืนให้กับอีกสามคน หลินเซียว ซูฉางคายและหลัวเจี๋ยก็รีบมาทำตาม มาโขกหัวยอมรับผิด มีแต่หลิวเจี๋ยที่ยืนเก้อกังอยู่ที่เดิม คิดไปครู่หนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจคุกเข่าลง
โครม!
เจิ้งชงรู้สึกเหมือนมีสายฟ้ามาฟาดที่หัว ในหัวขาวโพลน หน้าก็เสียมาก ท่าทางแย่กว่ากินขี้เข้าไปเป็น10กิโล
4คนนั้นเคยเป็นลูกน้องที่มาประจบสอพลอกับตนเอง แต่ก็ยังไปคุกเข่าให้กับศัตรูของตนเอง
เฮือก!
เมื่อความโกรธพุ่งเข้าทำลายหัวใจ คอของเจิ้งชงก็พ่นเลือดออกมา
โมโห โมโหจนกระอักเลือดออกมา!
เขาอยากจะไปลากคนของตนเองออกมา แต่พบว่าตนเองไม่มีแรงแล้ว ได้แต่ “เจ็บใจ” มองการกระทำของลูกน้องพวกนั้น โกรธจนเส้นเลือดขึ้น โกรธจนตัวสั่น
“ฆ่า ฆ่าพวกมัน!”
ไม่มีใครกล้าสนใจเจิ้งชง ต่างพากันถอยหลัง คนหลายร้อยถอยหลัง ภาพนั้นมันครึกโครมมาก
“ไอ้คุณชายเจิ้ง มึงยังไม่ตื่นหรือเปล่า? ตัวมึงเองอยู่ตำแหน่งไหน? มึงไม่รู้เลยหรือไงวะ? มึงคิดว่าตัวมึงเองยังเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง ที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้หรือไงวะ? น่าอนาถสิ้นดี น่าอนาถจริงๆ กูจะบอกอะไรให้นะ มันคือเวรกรรม ไม่เชื่อก็เงยหน้าดูสิ สวรรค์เคยละเว้นใครบ้าง!”
พี่เปียวพูดจบ ก็ไม่สนว่าเขาจะฟังหรือไม่ แล้วก็ลากตัวเขามาที่ข้างรถ พอกำลังจะพูด รถBentleyก็ขับปาดเข้ามา ทำให้เจิ้งชงที่กำลังหดหู่ใจ เริ่มมีสติขึ้นมา คงจะมีปาฏิหาริย์
รถคันนี้เขาคุ้นเคยดี มันคือรถของพ่อเขาเจิ้งอู่จิ้น
มีทางรอดแล้ว!
พอเห็นว่ารถคันนี้พุ่งตรงมา เจิ้งชงก็แทบจะกระโดดโลดเต้น
“ฟางเหยียน พ่อกูมาแล้ว เตรียมตัวตายรึยังวะ? ฮ่าๆๆ ……” พอหัวเราะ เขาก็มองขรึมใส่พวกโจวซานที่ “หักหลัง” เขา แล้วพูดเสียงขรึมว่า “พวกมึง5คนจะต้องเสียใจกับสิ่งที่พวกมึงได้ทำลงไป!เดี๋ยวกูจะทำให้พวกมึงรู้ ว่าอะไรคือผลลัพธืที่หักหลังกู!”