จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 673 กระเหี้ยนกระหือรือ
ดั่งที่เขาคาดไว้ เป้าหมายของเพลิงเสวนคือครอบงำทั้งประเทศหวา จะต้องทำให้ใต้หล้าอลหม่าน!ประชาชนประเทศหวาต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบาก ประเทศหวาในตอนนั้นจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป
เขาไม่เข้าใจ องค์กรของเพลิงเสวนแบบนี้ถ้าไม่อยากเป็นศัตรูกับประเทศหวา แล้วเป้าหมายที่พวกเขาทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน?แต่เดิม รากฐานของเพลิงเสวนมีมากว่าสองพันปี ตั้งแต่ยุคฉินจนกระทั่งตอนนี้ เวลาสองพันปี ซุ่มเงียบไม่พูดไม่จา ทำไมครั้งนี้พวกเขาถึงทนไม่ได้แล้วล่ะ?
ด้วยพื้นเพของพวกเขา ในช่วงกลียุคเขาสามารถออกมาครอบงำประเทศหวาได้ตลอดโดยสิ้นเชิง แล้วทำไมต้องรอจนบ้านเมืองสงบรุ่งเรืองล่ะ
ไม่มีใครตอบฟางเหยียน เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาคำตอบได้จากไหน ตั้งแต่หลังจากที่เทียนหม่าพี่น้องของตนอีกทั้งนักรบของสำนักเจ็ดพิฆาตอีกหลายพันคนถูกฆ่าไป เขาก็สืบเพลิงเสวนองค์กรนี้อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรกลับมา
แน่นอน เมื่อก่อนมันไม่ได้เรียกว่าเพลิงเสวน แต่เรียกว่าอสูรเพลิง
การสอดแนมการรายงานและของสำนักเจ็ดพิฆาตกระจายทั่วประเทศหวา เพียงแค่ฟางเหยียนต้องการ เขาสามารถเห็นความเคลื่อนไหวใดๆก็ตามของที่ๆอยู่ไกลเกินกว่าสองพันกิโลเมตรได้ตลอดเวลา ต่อให้เป็นผึ้งที่กำลังเก็บน้ำหวานก็ตาม แต่สำหรับเพลิงเสวน การรายงานอีกทั้งการสอดแนมของสำนักเจ็ดพิฆาตเหมือนกับถูกคนคลุมไว้ด้วยตาข่ายบางอีกชั้น ไม่เห็นความสำคัญของการเป็นอยู่ของมันเลยเสียด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่หลัวเทียนเยว่ทำความเข้าใจเพลิงเสวนผ่านเพื่อนของตัวเอง เขาฟางเหยียนไม่รู้ว่าต้องตาบอดไปอีกนานเท่าไหร่ ถึงแม้สุดท้ายจ้าวเอ้อถูกฆ่า แต่อย่างน้อยให้เพลิงเสวนที่ซ่อนตัวอยู่เริ่มออกโรง
ถึงตอนนี้ การเคลื่อนตัวของเพลิงเสวนมากขึ้นแล้ว ราวกับเริ่มจัดการขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
ฟางเหยียนเข้าใจดีมาก ว่าเมื่อเพลิงเสวนปรากฏตัว ใต้หล้าจะอลหม่าน และบางทีเขาก็คือหินก้อนใหญ่ที่ขวางการออกมาของเพลิงเสวน และก็หมายถึง ตอนนี้เขาได้เป็นหนามยอกอกในสายตาของเพลิงเสวนแล้ว การฟื้นฟูพลังเป็นเรื่องที่กระชั้นชิดเจียนตัว
แต่!
ถ้าพลังที่อยู่ในหินทิพย์ไม่สามารถเอาออกมาได้ ความสามารถของเขาก็ไม่สามารถกลับไปยังจุดสุดยอดได้ สิ่งนี้ทำให้เขาปวดหัวมาก
แม้รีสอร์ทหยูฉวนจะเป็นที่ๆฉวงจุ้ยดี สามารถยับยั้งการสูญเสียได้ ฟื้นฟูร่างกายได้ทันที แต่ได้ผลลัพธ์น้อยมาก เรื่องที่เร่งด่วนคือรวบรวมของล้ำค่าของห้าสำนักใหญ่ให้ได้ ฟื้นฟูร่างกายให้หายดี จึงจะสามารถต่อกรเพลิงเสวนที่มีรากฐานแข็งแกร่ง
เวลาย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่จ้าวเอ้อถูกฆ่า ในร้านยาเขตหนานซาโจว จ้าวเอ้อถูกคนตัดเส้นลมปราณจึงเสียชีวิต พูดง่ายๆก็คือ ฆ่าคนธรรมดาคนหนึ่งแบบนี้ ใช้แค่มีดเล่มเดียวก็พอแล้ว แต่คนของเพลิงเสวนเลือกที่จะใช้วิธีที่ทารุณที่สุดโหดเหี้ยมที่สุดและบ้าคลั่งที่สุดกำจัดจ้าวเอ้อ ก็เพื่อเตือนฟางเหยียน ให้เขาพิจารณาตัวเองว่ามีความสามารถขนาดไหน เพลิงเสวนไม่ธรรมดา!
และก็เพราะอย่างนี้ การฟื้นฟูพลังจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่กระชั้นชิดเจียนตัว
เก็บความคิดไป รถหงฉีออกมาจากเมืองวุ่นวายมายังถนนเส้นเล็กที่ชานเมืองไม่รู้ตัว แล้วทิศทางนั้นก็คือเส้นทางที่จะไปหนานหลิง
“จอมพลครับ?คุณมั่นใจว่าจะไปหนานหลิงใช่มั้ยครับ?” คนขับรถเห็นฟางเหยียนไม่พูดไม่จา สุดท้ายก็ต้องถามด้วยเสียงเบาๆ
เขารู้ดีมาก ว่าเจียงตูห่างจากหนานหลิงมากๆ ต่อให้รีบไปตอนนี้ เกรงว่าจะถึงก็ฟ้าสางแล้ว แต่ถ้าฟางเหยียนยืนยันจะไปล่ะก็ เขาก็ทำได้เพียงใช้เฮลิคอปเตอร์ไป
“ช่างเหอะ หาที่พักเลยละกัน ให้ผมได้เห็น ความสามารถของรีสอร์ทหยูฉวนหน่อย”
คนขับรถค่อยๆถอนหายใจ คำพูดของจอมพลคือพระราชโองการ เขาไม่อยากแทรกแซงความคิดของจอมพลหลายครั้ง ต่อให้ให้ความกล้ากับเขาเขาก็ไม่กล้า ได้รับใช้จอมพล ถือเป็นเกียรติแล้ว
สองวันต่อมา……
ช่วงสองวันมานี้ ฟางเหยียนนอกจากสอบถามตำแหน่งของสำนักที่ซ่อนอยู่ แล้วก็ยังสังเกตการณ์รีสอร์ทหยูฉวน ตำแหน่งของสำนักที่ซ่อนอยู่ยังไม่ได้ข่าวคราว เพราะหลบซ่อน กระจายกว้างขวาง ในเมื่อชื่อสำนักที่ซ่อนอยู่ จะหาเจอได้ง่ายขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน?
แต่ช่วงสองวันนี้รีสอร์ทหยูฉวนเกิดการโจมตีที่หนักข้อขึ้นแต่ละครั้งแต่ละครั้ง ไม่เพียงแค่ทีมรักษาความปลอดภัยที่เข้าร่วมอยู่ในนั้น แม้แต่สื่อมวลชนของสื่อก็รายงานครึกโครม ได้รับข้อมูลโดยตรง กลายเป็นท็อปชาร์ต เพียงแต่เรื่องนี้เพิ่งผุดขึ้นมา ก็ถูกคนใช้วิธีรุนแรงกดไว้
แน่นอน ฟางเหยียนก็ได้รับข่าวเหล่านี้จากหน่วยข่าวกรองสำนักเจ็ดพิฆาต
ช่วงสองวันนี้ ฟางเหยียนไม่ได้พัก นอกจากพยายามฟื้นฟูพลังแล้ว ก็สังเกตสัญญาณของเพลิงเสวนตลอดเวลา และเพลิงเสวนเหมือนกับดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเลอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ที่ทำให้เขาปวดหัวมากคือ ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน ต่อให้เป็นเมืองวุ่นวายที่เจริญ ต่อให้เป็นชนบทที่อยู่ห่างไกล จักรพรรดิชิงตี้ก็เหมือนกับเงาติดตามตัวที่ตามเขาไป
ไม่ใช่ว่าเทียนหลังละเลยหน้าที่ แต่ทุกครั้งเขารายงานเบาะแสของจักรพรรดิชิงตี้ จากนั้นก็ปรากฏกายต่อหน้าฟางเหยียน ทุกครั้งทำจนเขาปวดหัวมาก การปรากฏกายของชิงตี้เหมือนกับหญิงสาวที่มีความรักอันร้อนแรงอย่างไรอย่างนั้น ในสายตาเต็มไปด้วยความรัก แต่ก็เขินอายอย่างเด็กสาวก็มิปราณ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นอะไรใหม่ๆทุกวัน ล้วนบอกฟางเหยียนเป็นคนแรก แบ่งปันความสุขของกันและกัน เหมือนกับเป็นคู่รักกับฟางเหยียนที่รักกันร้อนแรง
ทุกครั้งที่มีคนคุยถึงพวกเขาทั้งสอง จักรพรรดิชิงตี้มักแสดงจะมีความสุข ยิ้มอย่างชื่นมื่นและกังวล ราวกับมีความสามารถรักษาที่ยิ่งใหญ่ สามารถทำให้คนรับรู้ได้ถึงความสัจธรรมที่สวยงาม
และวันนี้ จักรพรรดิชิงตี้มาอีกแล้ว ฟางเหยียนเริ่มปวดหัวอีกครั้ง!
“คุณเก็บความดัดจริตของคุณไว้เถอะ?หญิงสาวที่สวยแค่ตำบลไม่เหมาะกับคุณ ความรักระหว่างชายหญิงก็ไม่เหมาะกับคุณ”
จู่ๆคำพูดแรกของฟางเหยียน ทำเอาจักรพรรดิชิงตี้ที่เดินมาทางเขาด้วยความชื่นมื่นมึนงงทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย คิ้วที่ยาวขมวดเบาๆ แล้วถาม “ที่รัก คุณเป็นอะไรไป?”
“การกระทำทุกอย่างของคุณทำให้คนรังเกียจ ความอดทนของผมมีขีดจำกัด หวังว่าคุณจะทำตัวดีๆ” ฟางเหยียนพูดพลาง สวมเสื้อโค้ต มองไปนอกหน้าต่าง สายตาเย็นชา ทำให้คนกลัว
นอกหน้าต่าง ความเขียวขจีชุ่มฉ่ำ ฝนตกปรอยๆ นกน้อยหลบฝนบนกิ่งก้านไม้
นอกประตู รอยยิ้มบนใบหน้าจักรพรรดิชิงตี้ ค่อยๆหายไป
“ที่รัก แต่งตัวแบบนี้จะไปไหนเหรอคะ?”
ดูเหมือนไม่เข้าหูจักรพรรดิชิงตี้ กลับกันได้ยิ้มหวานๆถามไป
ปวดหัว!
หรือหญิงสาวคนนี้ไม่มีเรื่องเป็นการงานเลยเหรอ?
ฟางเหยียนขี้เกียจจะสนใจ สวมชุดกันลมตามลำพังเตรียมจะออกไป
ไม่ว่าฟางเหยียนจะสนใจเธอหรือไม่ จักรพรรดิชิงตี้คิดแล้วคิดอีกก็พูดออกมา “ช่วงหลายวันมานี้ฉันมีความสุขกับการอยู่กับคุณ แต่ฉันไม่เคยบอกคุณว่าฉันจะช่วยอะไรคุณ ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉันมาก รำคาญฉัน แต่ฉันไม่อยากเป็นภาระ แต่ถ้าตอนนี้ไม่พูดก็เหมือนจะไม่ได้แล้ว คุณต้องทำใจไว้”
หยุดไปสักพัก จักรพรรดิชิงตี้ถามอย่างรักใคร่ว่า “ฉันมันน่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
เกลียดมั้ย?
ไม่เกลียดและก็ไม่ชอบ
ไม่พูดถึงเรื่องอื่นก่อน ฟางเหยียนถามตัวเองไม่ได้เกลียดใครมากขนาดนั้น สำหรับเขาแล้ว คนที่เกลียดปกติล้วนเป็นศพไปแล้ว สำหรับจักรพรรดิชิงตี้ เขามีคิดมาตลอดว่ามีองค์กร ใช่ เขาเดาว่าจักรพรรดิชิงตี้เป็นคนของเพลิงเสวน และองค์กรนี้ก็คือเพลิงเสวน ไม่พูดถึงเป้าหมายของจักรพรรดิชิงตี้ก่อนว่าคืออะไร ฟางเหยียนอยากรู้ทิศทางของเพลิงเสวนจากจักรพรรดิชิงตี้
“ไม่เกลียด!”
จักรพรรดิชิงตี้ตกใจก่อนแล้วค่อยชะงัก นึกไม่ถึงว่าฟางเหยียนจะพูดออกมาว่าไม่เกลียดเธอเอง แล้วเธอจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน เธอยังอยากพูดอะไรต่อ ราวกับนึกอะไรออก จู่ๆก็ปิดปากไม่พูด ฟางเหยียนไม่มีเวลาไร้สาระกับเธอ นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ได้รับจากการพบปะกันในช่วงสองวันนี้
“คืองี้ค่ะที่รัก ได้ยินว่าช่วงนี้มีปีศาจฆ่าคนคนหนึ่ง เห็นคนแล้วฆ่า ไม่แยกคนแก่และเด็ก สติฟั่นเฟือนจริงๆ ไม่มีความเป็นมนุษย์ แต่……เหมือนว่าเขาเป็นทหาร เหมือนว่า หรือ…”
เมื่อจักรพรรดิชิงตี้พูดถึงจุดนี้ ก็ปิดปากไป ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้น เหมือนถ้าพูดคำนี้ออกมาจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็หุบยิ้ม เคร่งเครียดและอึดอัดไป
ทนกับสายตาทั้งสองของฟางเหยียนไม่ไหว เธอตัดสินใจ หายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “เขา เขาบอกว่าตัวเองเป็นลูกน้องของจอมพลโผ้จวิน เรื่องที่ทำทั้งหมดเป็นคำสั่งของจอมพลโผ้จวิน!”