จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 689 ตราประทับเทียนซือ
จักรพรรดิชิงตี้หนีไปแล้ว?
งั้นก็แล้วแต่เธอละกัน
ตราประทับเทียนซือที่อยู่ตรงหน้าจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อฟางเหยียน
เขาไม่เคยลืม คำพูดที่เต๋าไร้เทียมทานภูเขาทิพย์ตลอด ต้องรวบรวมของล้ำค่าของห้าสำนักใหญ่ จึงจะสามารถกลั่นความลับของหินทิพย์ได้ สำคัญที่สุด นี่เป็นทางเดียวที่เขาจะฟื้นฟูความสามารถได้
บวกกับตราประทับเทียนซือในตอนนี้ อีกทั้งขลุ่ยวิเศษที่ฉู่หยางมอบให้เขาไว้เมื่อก่อน ในตัวของเขามีสิ่งล้ำค่าของสองสำนัก สิ่งที่ทำให้เขาเสียดายก็คือตอนนั้นที่ทำลายสำนักไร้หน้า ไม่รู้ว่าต้องรวบรวมของล้ำค่าของห้าสำนักใหญ่ จนขาดของล้ำค่าไปหนึ่งอย่าง
เปิดพัสดุออก ตราประทับเทียนซือปรากฏออกมา ตราประทับเทียนซือเหมือนตราประทับของจักรพรรดิอย่างไรอย่างนั้น หัวหันลงด้านล่าง ด้านบนสลักจางเทียนซือที่เสมือนจริง และด้านล่างเป็นสี่เหลี่ยมมีลายพิมพ์ที่เป็นเหลี่ยม ด้านหน้าใช้อักษรจ้วนแกะเป็นเทียนซือสองคำนี้ สองคำดูมีพลัง ลายอักษรตวัดเหมือนมังกรและงู และด้านล่างของตราประทับเทียนซือ ฟางเหยียนพบว่ามีที่ๆไม่ชอบมาพากล นั่นก็คือตราประทับนี้เบามาก โดยเฉพาะส่วนล่างเหมือนกับโดนล้วงกลวงแล้ว
หรือหลงกลเหอวี่เฉวียนแล้ว?
นี่มันไม่ใช่ตราประทับเทียนซือเลยเสียด้วยซ้ำ?
ฟางเหยียนเขาเพิ่งจะเคยเห็นตราประทับเทียนซือเป็นครั้งแรก แต่ในความคิดของเขา ตราประทับเทียนซือไม่มีทางเบาขนาดนี้ได้ ความหนักของสำนักเทียนซือหรือมีเพียงสิบกว่ากรัม จุดนี้ไม่ปกติมาก เขาดูแลกำแพงของประเทศหวา ตราพยัคฆ์ที่สั่งการนักรบเป็นล้าน ก็หนักสองจินกว่า
ตราประทับเหมือนกัน ทำไมตราประทับเทียนซือไม่ชอบมาพากล?
หลังจากที่สังเกตอย่างละเอียดแล้ว ฟางเหยียนพบที่ๆไม่ชอบมาพากลเข้าให้แล้วจริงๆ เพราะส่วนท้ายของตราประทับเทียนซือถูกล้วงกลวงไปแล้ว ด้านในเหมือนจะมีอะไร จากรูปทรงที่มีมุม เขาเปิดตราประทับเทียนซือแล้วจริงๆ ด้านในปรากฏวิชาที่ชื่อว่า《พลังอภิปรัชญา》
แค่ดูไม่กี่ครั้ง ฟางเหยียนช็อกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทันใดนั้น เขานึกถึงตอนนั้นที่เต๋าไร้เทียมทานของภูเขาทิพย์พูดกับเขาถึงเงื่อนไขจำเป็นในการรักษาร่างกาย นั่นก็คือฝึกฝนอยู่กับเขาหนึ่งร้อยปี
ใช่!
สาระสำคัญของพลังอภิปรัชญา ก็คือการฝึกฝน!
นินจาและผู้ฝึกตนมีความแตกต่างโดยธรรมชาติ นินจามีมาก แต่ผู้ฝึกตนมีน้อยมาก นี่เป็นจุดที่ล้ำค่า
อ่านการแนะนำวิชาของการฝึกพลังอภิปรัชญา สุดท้ายฟางเหยียนก็ตัดสินไม่ฝึกฝน เขาไม่ฝืนใจคนอื่น เพราะนี่เป็นเรื่องที่เหอวี่เฉวียนมอบหมายมา ต่อให้เขาตายไปแล้ว อาจารย์เขายังอยู่ แอบเรียนวิชาลับของสำนักเทียนซือ มันไร้มารยาทเป็นมาก
แทบจะไม่คิดอะไรมาก ฟางเหยียนได้เอาวิชา《พลังอภิปรัชญา》ใส่ไว้ในตราประทับอีกครั้ง ตอนใส่เข้าไปจู่ๆในหัวของเขาก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ที่คนของเพลิงเสวนโจมตีรีสอร์ทหยูฉวนเพื่อวิชาในตราประทับเทียนซือหรือไม่?
พูดตามความจริง เมื่อวิชาพลังอภิปรัชญาอยู่ต่อหน้าคนธรรมดา เขาจะมองว่าเป็นแค่กระดาษสีน้ำตาลที่เก่าๆใบหนึ่ง มากสุดก็ถือว่าเป็นวัตถุโบราณ แลกเงินค่าเหล้ามาได้บ้าง แต่ถ้าอยู่ต่อหน้านินจา มูลค่ามหาศาล เมื่อฝึกฝนแล้วก็ได้ผลตอบแทนสูง ข้อดีไม่ต้องพูดก็รู้กัน
ทันใดนั้น เขานึกถึงเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เหตุการณ์ที่ได้รู้จักกับเหอวี่เฉวียนอีกทั้งอาจารย์ของเขาที่รีสอร์ทหยูฉวน ทั้งสามยังพูดคุยกัน อาจารย์ยอดฝีมือสันโดษได้หายไปอย่างไม่ทันรู้ตัว แล้วยังหายไปในตอนที่ฟางเหยียนไม่ทันได้สังเกตอีกด้วย เพียงพอที่จะเห็นความน่ากลัวของวิชานี้ได้แล้ว
ของล้ำค่าของสำนัก ไม่พูดก็รู้กัน ต้องเป็นเจ้าสำนักที่เก่งกาจจึงจะมีได้
หรือเหอวี่เฉวียนเป็นเจ้าสำนักของสำนักเทียนซือ?
ไม่ ไม่
จู่ๆฟางเหยียนก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ความยิ่งใหญ่ของวิชาพลังอภิปรัชญาเขาได้เห็นมาแล้ว โดยเฉพาะฝีมือของอาจารย์ผู้ลึกลับคนนั้นของเหอวี่เฉวียน ฝึกฝนพลังอภิปรัชญา เทียนขุยไม่ใช่คู่ต่อกรแน่นอน และไม่กับพบจุดจบโดยการตาย ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เหอวี่เฉวียนขาดใจ หกคนนั้นเรียกว่าผู้อาวุโสเหอ
พูดได้ว่า อาจารย์ของเหอวี่เฉวียนจึงจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักเทียนซือ แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใดเขาจึงได้เอาตราประทับเทียนซือให้กับเหอวี่เฉวียน สุดท้ายได้ถูกจินซานหักหลังบอกข่าวคราวให้กับเพลิงเสวนอีก นี่จึงจะเป็นเหตุผลที่เพลิงเสวนโจมตีรีสอร์ทหยูฉวน
เรื่องราวทั้งหมดได้กระจ่างแจ้งขึ้นมาแล้ว
ดังคำกล่าวที่ว่า :เพราะมีของล้ำค่าจึงได้เกิดความริษยา
นี่เป็นหลักการที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดกาล
เพราะอาจารย์ของเหอวี่เฉวียนไม่รู้อะไร ก่อนจากไปได้ทิ้งตราประทับเทียนซือไว้ จึงทำให้รีสอร์ทหยูฉวนพบกับจุดจบของความพินาศ
แต่สิ่งที่ทำให้ฟางเหยียนไม่เข้าใจคือ อาจารย์ของเหอวี่เฉวียนแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าไม่หายตัวไป เพลิงเสวนจะมีโอกาสมั้ย?
ต่างคนต่างมีเหตุผล ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริงๆ
หรืออาจารย์ของเขามีความสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆ? จึงได้เอาตราประทับเทียนซือไว้กับเขา นี่เป็นการพนันอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัยเลย แต่ในการพนันนี้ ความดีงามของจักรพรรดิเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ถ้าไม่มีการเตือนของจักรพรรดิชิงตี้ ฟางเหยียนไม่มีทางมารีสอร์หยูฉวน นี่เป็นสิ่งที่แน่นอน เพราะปีศาจฆ่าคนที่มาจากกองทัพ ไม่จำเป็นต้องให้เขาฟางเหยียนกำจัดด้วยมือของเขาเอง ให้พี่น้องคนใดคนหนึ่งของสำนักเจ็ดพิฆาตมา ก็สามารถจัดการปีศาจฆ่าคนที่ชื่อเสียงโด่งดังในช่วงนี้ได้แล้ว
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนได้ขัดแย้งขึ้นมาอีกแล้ว
ใช่ จักรพรรดิชิงตี้ไม่ปกปิดตัวเองแม้แต่น้อยว่าเป็นคนของเพลิงเสวน แต่ก็เป็นจักรพรรดิชิงตี้ที่ดึงดูดฟางเหยียนให้มาที่รีสอร์หยูฉวน เธอทำแบบนี้เพื่ออะไร? ยิ่งคิด ฟางเหยียนยิ่งรู้สึก การที่ได้รับตราประทับเทียนซือ มีความดีความชอบของจักรพรรดิชิงตี้ เธอตั้งใจให้เป็นแบบนี้
นึกถึงจุดนี้ จู่ๆเขารู้สึกว่าเมื่อกี๊ที่ให้เทียนขุยจัดการจักรพรรดิชิงตี้ ไม่ฉลาดเอามากๆ น่าอับอายเหลือเกิน แต่ดีที่ จักรพรรดิชิงตี้จากไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนจักรพรรดิชิงตี้ มีเพียงตอนที่เจอหน้ากัน เจรจากันด้วยเหตุผลก่อนแล้วค่อยใช้กำลัง
ฟางเหยียนหยุดคิด เดินออกจากห้องไป แล้วตะลึงกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
เห็นหกผู้อาวุโสของสำนักเทียนซิอเข้าแถวเรียงหนึ่ง คุกเข่าต่อหน้าฟางเหยียน
นี่มันอะไรอีกเนี่ย?
ฟางเหยียนที่ไม่เข้าใจถามว่า “นี่พวกคุณทำอะไรครับ?”
“จอมพล ตอนนี้ท่านคือเจ้าสำนักของสำนักเทียนซือของเราครับ พวกเรามาต้อนรับเจ้าสำนักครับ” ผู้อาวุโสที่อายุมากคนหนึ่งกล่าวอย่างเคารพ
อะไรนะ?
เจ้าสำนัก?
ฟางเหยียนค่อนข้างมึนงง เมื่อได้สติกลับมา สิ่งที่พวกเขายอมรับเกรงว่าจะเป็นตราประทับที่อยู่ในมือของฟางเหยียน
“เพราะตราประทับเทียนซือ?”
“ใช่ครับ เจ้าสำนัก เจ้าสำนักจางตุนเทียนเคยพูดไว้ ว่าตราประทับเทียนซืออยู่ในมือของใคร คนนั้นก็คือเจ้าสำนัก นี่เป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีของสำนักเทียนซือครับ เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
หืม……
จู่ๆฟางเหยียนก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอย่างอับอาย คนหัวโบราณพวกนี้ของสำนักเทียนซือ เคร่งครัดกฎระเบียบเกินไปแล้ว เหตุผลที่เขาช่วยเหอวี่เฉวียน นอกจากไม่ให้ตราประทับเทียนซือตกอยู่ในมือคนนอก และยิ่งไม่อยากให้ถูกเพลิงเสวนหลอกใช้ เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องได้ตราประทับเทียนซือ เพื่อฟื้นฟูความสามารถของตัวเอง
เขาไม่อยากเป็นเจ้าของของตราประทับเทียนซือ และไม่อยากออกบวชด้วย!
“ผมว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้วครับ ผมครอบครองตราประทับเทียนซือนะใช่ แต่นี่เป็นเรื่องที่ผู้อาวุโสขอไว้ ผมไม่ได้อยากเป็นเจ้าสำนักของสำนักเทียนซือ เข้าใจมั้ยครับ?”
“เจ้าสำนัก ท่าน……”
“พอแล้วครับ ไม่ต้องพูดแล้ว” ฟางเหยียนเข้าใจดีมาก ผู้เฒ่าพวกนี้มีทิฐิ ยืนหยัดไม่เปลี่ยนแปลง ขัดคำพูดของเขาโดยตรง จากนั้นกล่าวว่า “ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ผมเพียงดูแลตราประทับแทน และตอนนี้ก็ไม่สามารถให้พวกคุณได้ เพราะจะทำให้ปัญหามาถึงตัวพวกคุณ เพียงรอให้เจ้าสำนักของสำนักเทียนซือ นั่นก็คืออาจารย์ของผู้อาวุโสเหอกลับมา ผมจึงจะเอาออกมา พูดแบบนี้พวกคุณเข้าใจมั้ยครับ? แล้วก็ผมไม่อยากออกบวช!” หกคนประหลาดใจ ผมมองตาคุณคุณมองตาผม สบสายตากัน
แต่ผู้อาวุโสคนนั้นพูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “เจ้าสำนักครับ ท่านฟังคำพูดต่อไปของผม บางทีท่านอาจจะสนใจก็ได้?”