จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 698 บรรยากาศพาไป
ฟังแค่คำสั่งของจ้าวขุมนรก?
ดูๆแล้ว โครงสร้างองค์กรของเพลิงเสวนค่อนข้างละเอียด ไม่ด้อยไปกว่าองค์กรอื่นใดเลยแม้แต่น้อย มิน่าล่ะอยู่มานานถึงสองพันปีไม่แตกสลาย จะต้องสำคัญกับการดำรงอยู่ต่อมาของมันแน่นอน
เมื่อฟังการวิเคราะห์ขององค์กรเพลิงเสวนของหลินถง ทันใดนั้นฟางเหยียนก็รู้แจ่มแจ้งถึงโครงสร้างเพลิงเสวนที่ค้างคาอยู่ในใจได้ทันที และแล้วปัญหาที่ติดอยู่นานก็ได้ถูกคลายออกด้วยหลินถง ดั่งคำพังเพยที่ว่า “รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง คำพูดนี้ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ศัตรูเป็นใครคุณยังไม่รู้ แล้วจะชนะการรบได้อย่างไรกัน?”
เขาฟางเหยียนไม่ใช่ชายโง่เขลา ที่รู้จักแต่การสู้รบ
คนที่ถูกขนานนามว่าจ้าวขุมนรก จะดูถูกฝีมือไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะในมือของเขายังควบคุมทหารเพลิง ฝีมือของทหารเพลิงนี้แข็งแกร่งขนาดไหน ไม่สามารถรู้ได้
นอกจากจ้าวขุมนรก ยังมีคุณชายของเพลิงเสวน อีกทั้งสี่มหาราชแห่งสวรรค์ของสาขาฟ้า บวกสามก๊วน รวมกันเป็นเพลิงเสวนองค์กรเก่าแก่ที่อยู่มาสองพันกว่าปี นี่เป็นโครงสร้างของเพลิงเสวน
และข้อมูลนี้ของหลินถงทำให้เขาที่มืดรอบด้านเจอแสงสว่าง มันช่างเป็นความช่วยเหลือในยามยากจริงๆ
รู้ลักษณะเฉพาะโครงสร้างของเพลิงเสวน แต่ขาดจุดที่สำคัญไป นั่นก็คือที่ซ่อนของเพลิงเสวน เพลิงเสวนที่ใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีสาขาใหญ่โดยปริยายอยู่แล้ว
“สาขาใหญ่ของเพลิงเสวนอยู่ไหน?” ฟางเหยียนถามอย่างอดไม่ได้ ถามจนหลินถงมึนงงไป ชะงักไปสักพักจึงได้กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ค่ะ เพราะตำแหน่งของฉันค่อนข้างต่ำ อย่าว่าแต่สาขาใหญ่ของเพลิงเสวนอยู่ที่ไหนเลยค่ะ แม้แต่ที่มั่นของสาขาเหลืองอยู่ไหนยังไม่รู้เลยค่ะ การติดต่อของพวกเราเป็นการติดต่อทางเดียว ใช้สัญลักษณ์ของอสูรเพลิงเป็นหลัก”
พูดพลาง หลินถงเหมือนเล่นมายากล หยิบตราสัญลักษณ์ของเพลิงเสวนออกมา เป็นอสูรเพลิงสีแดงเหมือนเปลวเพลิง อสูรเพลิงที่เอามาใช้สื่อสารไม่เหมือนกับอสูรเพลิงตอนที่เพลิงเสวนทำผิดแล้วทิ้งไว้ ไม่มีใบหน้าที่ดุร้าย อสูรเพลิงตัวนี้ดูๆแล้ว‘เชื่อง’
เอาอสูรเพลิงเก็บกลับไป หลินถงจึงได้พูดว่า “นี่เป็นวิธีการแยกอสูรเพลิง ไม่ดุร้ายคือการสื่อสาร ถ้ามีก็คือจงใจเหลือไว้เตือนผู้คน”
ฟางเหยียนได้ยินแล้วพยักหน้า บวกกับสัญลักษณ์อสูรเพลิงที่ทิ้งไว้เมื่อก่อน อีกทั้งที่เทียนขุยพูดไว้ เพลิงเสวนให้ความสำคัญกับการสื่อสารทางเดียว อีกทั้งเพลิงเสวนใช้อสูรเพลิงเป็นหลัก ตอนนี้เมื่อดูๆแล้ว ยิ่งแจ่มแจ้งมากขึ้น
ในเมื่อไม่รู้สาขาใหญ่ของเพลิงเสวน งั้นน่าจะรู้เกี่ยวกับคุณชายอะไรนั่นนะ?
ฟางเหยียนถามต่อว่า “แล้วคุณชายของเพลิงเสวนคือใคร?”
“คุณชายเพลิงเสวน?” หลินถงคิดๆอย่างตั้งใจ จากนั้นส่ายหน้า แล้วถาม “คุณ คุณรู้เกี่ยวกับคุณชายได้อย่างไรกันคะ?”
ฟางเหยียนพูดตรงๆ พูดข้อมูลที่ได้จากเทียนขุยออกมา เมื่อฟังจบหลินถงแสดงท่าทางเข้าใจ เป็นแบบนี้จริง เธอสืบมาได้มากขนาดนี้ ก็ไม่ง่ายมากแล้ว
แต่หลินถงได้กะพริบตาส่งสายตาให้ฟางเหยียนอีกครั้ง แสดงท่าทางมีลับลมคมใน แล้วถามว่า “ฟางเหยียนคะ คุณเดาดูสิว่าภารกิจที่หยินฮว่ามอบให้ฉันมีอะไรบ้าง?”
มีอะไรกับคืออะไรมีความแตกต่างกันมาก มีอะไรพูดได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่หนึ่ง แต่ คืออะไร หมายถึงมีภารกิจเฉพาะ
หยินฮว่าหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง มีร่างกายเป็นผู้ชายแต่กลับมีน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มของผู้หญิง พูดได้ว่าคนนี้เป็นคนแปลก แม้แต่ชื่อยังแปลกขนาดนี้ จะต้องไม่ใช่คนที่ธรรมดาคนหนึ่งแน่นอน อีกอย่าง เป็นถึงรองถังจู่สาขาเหลืองเพลิงเสวนได้ แล้วจะเป็นคนดีเหรอ? ภายนอกดูดีแต่ข้างในร้ายกาจก็มิปราณ
หลังจากที่วิเคราะห์จุดเด่นของหยินฮว่าคนนี้แล้ว ฟางเหยียนยังคงไม่สามารถเดาถึงภารกิจที่หยินฮว่ามอบให้กับหลินถงได้ ทำให้รองถังจู่มอบภารกิจให้ด้วยตัวเอง น่าจะไม่ง่ายเลย
“ท่าทีจริงจังของคุณ ช่างหล่อจัง” หลินถงยิ้มเปิ่นๆ
สีหน้าของฟางเหยียน ไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะคำชมของหลินถงเลยแม้แต่น้อย
“เป็นผู้ชายที่ไม่เข้าใจอะไรเลยเอาเสียเลยจริงๆ” สีหน้าของหลินถงไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ ทำปากจู๋กล่าวอย่างไม่พอใจ
นี่เป็นผู้หญิงคนที่สองที่ว่าเขาไม่เข้าใจอะไรเลย จักรพรรดิชิงตี้คือคนแรก และหลินถงเป็นคนที่สอง
“ช่างเหอะ ฉันบอกคุณก็ได้” หลินถงกล่าวอย่างเซ็ง “ภารกิจแรก นั่นก็คือพรางตัวข้างกายคุณ ให้ข้อมูลที่เพลิงเสวนต้องการตลอดเวลา ส่วนข้อสอง หาสิ่งของอย่างหนึ่ง ของสิ่งนี้คล้ายคลึงกับสิ่งที่คุณได้มาจากรีสอร์ทหยูฉวน และเป็นของล้ำค่าของสำนักไร้หน้าของเรา น้ำไร้หน้า ส่วนข้อที่สาม นั้นก็คือหลังจากที่เราแลกเปลี่ยนกันแล้ว คุณต้องตกลง ให้ฉันตามคุณ”
ดูเหมือน ข้อหน้าสองข้อจึงจะเป็นภารกิจที่หยินฮว่ามอบให้หลินถง ข้อหลังนั้นหลินถงเพิ่มเข้าไปเอง
ฟางเหยียนอดไม่ได้ที่จะสนใจในตัวของหยินฮว่า เอาจริงๆ เขามักจะรู้สึกว่าคนนี้นอกจากจะภายนอกดูดีแต่ภายในร้ายกาจแล้ว ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน หลอกใช้หลินถงสังเกตการณ์ตัวเอง เจตนาร้ายมาก อยากให้หลินถงเป็นสายลับของทั้งสองฝ่ายเหรอ?
แต่น้ำไร้หน้าของล้ำค่าของสำนักไร้หน้าอยู่เหนือความคาดหมายของฟางเหยียน และทำให้เขาค่อนข้างเคร่งเครียด ตอนนี้ในมือของเขามีขลุ่ยวิเศษของสำนักฉิวหลง ตราประทับเทียนซือของสำนักเทียนซือ ถ้าได้น้ำไร้หน้าก่อนหน้าที่เพลิงเสวนจะคว้าไป งั้นการฟื้นฟูบาดแผลของเขาก็อีกไม่นานแล้ว
เขาสาบาน วันที่บาดแผลหายดี จะเป็นเวลาล้างบางเพลิงเสวน
“ผมจะไปหาน้ำไร้หน้ากับคุณ”
“อะไรนะ?” หลินถงคิดว่าตัวเองฟังผิด เขี่ยหูหลายครั้งเบาๆ กล่าวอย่างสงสัยว่า “คุณพูดว่าจะไปหาน้ำไร้หน้ากับฉัน?”
ฟางเหยียนพยักหน้า
“ไม่ใช่มั้งคุณ”
ในใจหลินถงยังคงช็อก เธออยากให้ฟางเหยียนไปหาน้ำไร้หน้ากับตัวเองอยู่แล้ว ได้เพิ่มโอกาสที่สองคนจะอยู่กันสองต่อสองโดยปริยาย และสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้ นี่เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง แต่เธอไม่คาดคิด ว่าฟางเหยียนจะร้อนใจขนาดนี้ แทบจะรอไม่ไหวแล้ว
หลินถงกล่าวอย่างเขินอายว่า “นี่คุณเป็นห่วงฉันเหรอคะ? กลัวว่าฉันจะเกิดอันตรายจึงตั้งใจไปเป็นเพื่อนฉัน?”
นี่!
ฟางเหยียนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขึ้นทันใด ถ้าปฏิเสธโดยตรง หลินถงต้องเจ็บใจแน่ๆ แต่ความลับของเขาไม่สามารถให้หลินถงรู้ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่เชื่อเธอ แต่กำแพงมีหูประตูมีช่อง ถ้าความลับของเขาถูกแพร่งพรายออกไป จะนำพามาซึ่งภัยอันตรายนานัปการ
ฟางเหยียนคิดไปคิดมาแล้วกล่าว “ผมไม่อยากให้น้ำไร้หน้าอยู่ในมือของเพลิงเสวน”
“ชิ!” หลินถงพึมพำด้วยสีหน้าผิดหวัง “ผู้ชายที่ปากไม่ตรงกับใจ กล้าคิดแต่ไม่กล้าพูด!”
ฟางเหยียนยังคงสีหน้าเหมือนดั่งเคย ไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ราวกับคนที่หลินถงไม่พอใจคือเขาอย่างไรอย่างนั้น
“อ้อ ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ตอนนี้ในมือของคุณมีของล้ำค่าของสองสำนักใหญ่แล้ว ตอนนี้คุณอยากได้น้ำไร้หน้าของสำนักไร้หน้าอย่างรอไม่ไหวขนาดนี้ คุณคิดจะทำอะไร? คงไม่ใช่แค่ไม่อยากให้เพลิงเสวนได้ของล้ำค่าของแต่ละสำนักใหญ่อย่างเดียวหรอกมั้ง? แน่นอน ถ้าคุณไม่อยากพูด งั้นฉันก็จะไม่ถามแล้ว”
เขาไม่อยากพูดจริงๆ ทั้งสองเงียบไป บรรยากาศในห้องอึดอัดขึ้นทันใด
ทันใดนั้น ฟางเหยียนทำลายความอึดอัด แล้วกล่าว “ข้อมูลของคุณสำคัญมาก คุณคิดว่าจะออกไปหาน้ำไร้หน้าเมื่อไหร่ครับ?”
หลินถงยังคงตกอยู่ในภวังค์ เธออยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนเธอจริงๆ และคนๆนั้นต้องเป็นฟางเหยียน
“ยิ่งเร็วยิ่งดีค่ะ”
“ครับ” หลังจากที่ฟางเหยียนพูดออกมาแล้ว ก็ไม่พูดไม่จาอีกเลย บรรยากาศอึดอัดเข้าไปอีก
“พูดเรื่องทางการจบแล้ว หรือคุณไม่อยากพูดอะไรกับฉันหน่อยเหรอคะ?” เห็นฟางเหยียนไม่พูดไม่จาอยู่นาน หลินถงใช้น้ำเสียงกะทัดรัดถาม หลังจากที่ถามไปแล้ว หน้าแดงไปถึงใบหู ไม่กล้าสบตาฟางเหยียน ความเขินอายทำให้คนมัวเมา
แม้แต่ฟางเหยียนก็ชะงักไปทันใด เขารู้ดีอยู่แล้ว ว่าบรรยากาศในห้องเป็นใจอย่างเงียบๆ กลายเป็นคลุมเครือแล้ว
นี่หลินถงจะรุกแล้วนะ!