จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 713 กองกระดูกนับพันนับหมื่น!
อย่าคิดว่าคุณเข้ามาในถ้ำแล้ว ก็จะสามารถได้มันอย่างง่ายๆ สิ่งที่ใครๆก็ไม่รู้ ความลับจริงๆของมันก็อยู่ในถ้ำ และกล่าวได้อีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อสักครู่คุณพึ่งผ่านจุดอันตรายมา และก้าวต่อไปของคุณก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายที่คุณอาจจะไม่รู้ก็ได้
มันเป็นอันตรายหลายๆอย่างที่ซ่อนอยู่!
ฟางเหยียนตัดสินใจและพูดทันที:”บอกพวกเขา ให้กลับออกมาเดี๋ยวนี้ อย่าเข้าไปในถ้ำอื่นๆโดยพลการ”
เทียนหลังไม่ลังเล รีบยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาและพูดคำพูดของฟางเหยียนออกมาทันที
ดูเหมือนฟางเหยียนจะคิดอะไรบางอย่างออกและถาม:”จอมพลโผ้จวิน คุณจะเข้าไปเสี่ยงด้วยตัวเองเหรอ?”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบ แต่เขากลับให้ความสนใจกับถ้ำเป็นเพิเศษ จากรายงานของลูกน้อง ด้านในมีถ้ำอีกจำนวนมาก และมีคนที่เครื่องแต่งกายไม่เหมือนคนยุคสมัยนี้ กล่าวได้อีกนัยหนึ่งก็คือ คนที่เข้าไปในถ้ำ อาจจะไม่ได้น้ำไร้หน้าก็ได้ เขาเป็นคนชอบเสี่ยงและผจญภัย แต่อาจารย์ของเขาเคยพูดว่า ทำตามกำลังที่ตัวเองมี อย่าทำอะไรโลภมากจนเกินไป
แต่เขาตัดใจไม่ได้!
ใช่ การฟื้นคืนพลังคือสิ่งที่เขาปรารถนาในตอนนี้ที่สุด เขาต้องดูโอกาสหายไปในชั่วพลิกตาเหรอ? เขาทำไม่ได้ เขาทำไม่ได้จริงๆ เขาถามใจตัวเองแล้วเขาตัดใจไม่ได้จริงๆ ความแข็งแกร่งของเพลิงเสวนเขาก็เห็นกับตา มีเพียงเขาฟื้นคืนพลังของตัวเองกลับมาถึงจะต่อกรกับเพลิงเสวนได้ และสิ่งที่จะทำให้เขาฟื้นคืนพลังก็มีเพียงของวิเศษของห้าสำนักลับเท่านั้น
หรือว่าเขาต้องทิ้งน้ำไร้หน้าเหรอ?
ทำตามกำลังที่ตัวเองมี!
คำพูดนี้คือคำเตือนที่ดีที่สุดสำหรับเขา และทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ตอนนี้ฟางเหยียนรู้สึกอัดอั้นตันใจ
ความรู้สึกนี้มันก็เหมือนศัตรูประชิดเมือง ขณะกำลังจะสู้รบกัน แต่พบว่าทหารของตัวเองเป็นคนแก่ คนพิการ ผู้หญิงและเด็ก ทหารและผู้ชายในเมืองหายไปหมด เหลือเพียงคนแก่ คนพิการ ผู้หญิงและเด็กที่ไม่มีทางสู้ จะต่อสู้กับศัตรูได้ยังไง?
หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่หลินถง:”คุณคิดว่าไง?”
หลินถงรู้สึกประหลาดใจมากๆที่ฟางเหยียนถามความคิดเห็นของเธอ เธออึ้งไปชั่วครู่ แต่หลินถงไม่ได้ลังเลและเอ่ยปากพูด:”พวกเราจำเป็นต้องเข้าไป”
ฟางเหยียนรู้สึกลำบากใจและมองเห็นท่าทางดีใจของหลินถง เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดไปเองอีกแล้ว แต่เขาไม่ได้พูดออกมา แต่กลับหันไปมองเทียนหลังและพูดเบาๆ:”เตรียมตัวได้แล้ว เดี๋ยวก็เข้าไป”
เทียนหลังอยากจะพูดจาเกลี้ยกล่อมจอมพลโผ้จวิน แต่ทันใดนั้นเขาหยุดความคิดของตัวเอง และไปเตรียมตัวทันที
“หลังจากนี้พวกคุณก็กลับไปได้เลย มีคนมากมายก็ไม่มีประโยชน์”
เทียนหลังไม่เต็มใจที่จะรับปาก แต่คำสั่งของจอมพลโผ้จวิน เขาก็ไม่กล้าขัด
เดินผ่านน้ำตก มาถึงหน้าถ้ำ จู่ๆหลินถงก็ตัวสั่นทันที ไม่ใช่แค่รู้สึกหนาว แต่เธอยังรู้สึกเหมือนมีลมที่เยือกเย็นพัดมา ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอไม่พอใจมากๆ มันเหมือนกันตอนที่เดินอยู่กลางดึก เดินหลงเข้าไปในสถานที่ที่ไม่มีคนเลย บรรยากาศโดยรอบเยือกเย็น และน่ากลัวมากๆ
เมื่อเข้ามาในถ้ำ ฟางเหยียนก็พบโครงกระดูกที่สวมชุดโบราณที่ลูกน้อยเคยพูดเมื่อสักครู่อย่างรวดเร็ว กระดูกมีหลายอย่าง และเยอะมากๆ นอกจากเสื้อผ้าที่โดนลมพัดจนแห้ง ยังมีเชือกและเถาวัลย์อยู่ แน่นอนว่ายังมีสิ่งของที่เจ้าของโครงกระดูกพกติดตัวมาด้วย แต่สิ่งของเหล่านี้ไม่ค่อยมีค่า
ด้านหน้าของพวกเขาสองคนมีถ้ำเยอะแยะเหมือนรังมด เมื่อมองดู มีถ้ำเล็กๆใหญ่ๆอยู่สิบกว่าถ้ำ และถ้ำก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน ทั้งเย็นและชื้น
หลินถงรู้สึกปวดหัวทันทีและถาม:”ฟางเหยียน พวกเราจะเลือกไปทางไหนดี?”
ฟางเหยียนไม่พูด มองดูถ้ำเล็กๆใหญ่ๆพวกนั้น เขาก็รู้สึกปวดหัวเหมือนกัน ถ้าลองเข้าไปสำรวจทีละถ้ำๆ มันต้องเป็นงานใหญ่แน่นอน และก็ต้องเสียพลังกายอย่างมากๆ ถ้าหาถ้ำที่ถูกต้องก็ดีไป แต่ถ้าไปผิดถ้ำ การไปๆกลับๆแบบนี้ มันจะทรมานร่างกายและจิตใจมากๆ
ไม่ต้องสงสัยเลย โครงกระดูกที่ตายอยู่ตรงนี้เพราะพวกเขาหลงทางและเดินจนเหนื่อยตายอย่างแน่นอน
ภายในถ้ำนั้นมืดสนิท แต่เสียงของน้ำไม่หลอกคนอย่างแน่นอน ภายในถ้ำต้องมีถ้ำอีกแน่นอน ถ้าถ้ำเล็กจนเกินไป ก็ไม่สามารถให้คนเดินผ่านได้ ถ้ำเหล่านี้ตัดออกได้ทันที การมองเห็นก็มีจำกัด เพราะภายในถ้ำมีแสงสว่างน้อยมากๆ
แสงไฟจากก้านเชื้อจุดไฟเปรียบเสมอโคมไฟสองทาง ทำให้บริเวณภายในถ้ำที่มืดสนิทมีแสงสว่าง
เมื่อตัดถ้ำเล็กๆพวกนั้นออก ก็เหลือเพียงถ้ำขนาดใหญ่เพียงแค่หกถ้ำ และหกถ้ำนี้ก็มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน ความกว้างและความสูงก็ใกล้เคียงกัน แต่ไม่รู้ว่ามีความลึกและความยาวเท่าไหร่
ข้างๆหูได้ยินเสียงน้ำหยดกระแทกพื้น และพื้นก็มีความชื้นให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในน้ำ
ภายในถ้ำขนาดใหญ่ มีแต่ความเงียบสงัด ดูเหมือนจะได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นแรงของพวกเขาสองคน
“ฟางเหยียน พวกเราควรเดินไปทางไหนดี?”หลินถงอยากถามมานานแล้ว แต่เธอรู้ดี ถ้าเมื่อสักครู่เธอถามก็จะรบกวนสมาธิของฟางเหยียน และตอนนี้ฟางเหยียนก็ครุ่นคิดจนเสร็จแล้ว และเป็นเวลาที่เหมาะสม ฟางเหยียนเกลียดการถูกรบกวนขณะครุ่นคิดมากๆ เรื่องนี้เธอรู้มานานแล้ว
ฟางเหยียนยังคงนิ่งเงียบ และไม่สนใจเธอ หลินถงกัดริมฝีปากและรู้สึกผิดหวังมากๆ
ถ้าดูจากโครงกระดูกที่อยู่ในถ้ำ ถ้ำด้านขวาสุดอันที่หนึ่งมีโครงกระดูกมากที่สุด ถ้าเดินทางนี้ อาจจะเป็นทางที่ถูกต้องที่สุด แต่สำหรับวัฒนธรรมของประเทศหวา จริงอาจเป็นปลอม และปลอมอาจจะเป็นจริง จริงๆปลอมๆ ไม่เพียงทำให้นักล่าสมบัติเกิดความสับสน และบางครั้งมันอาจจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอีกด้วย
ดูเหมือนมีคนเยอะอยู่ที่นั่น อาจจะเป็นเพราะพวกเขาเจอน้ำไร้หน้าก็ได้ แต่ภายใต้ความมืด สถานที่อันตรายที่สุดอาจเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดก็ได้ มันเป็นวิธีที่เอาไว้หลอกพวกนักล่าสมบัติ เพราะคนที่มาถึงถ้ำนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะโครงกระดูกสิบกว่าโครงที่ลอยอยู่ใต้น้ำ มันเป็นการบอกเล่าอย่างเงียบๆถึงความโหดร้ายของน้ำตกในหุบเขานี้
เห็นได้อย่างชัดเจน ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ สามารถรับรู้ด้วยใจได้ แต่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ในจริงๆปลอมๆนั้น ความจริงมักถูกซ่อนเอาไว้ แต่ยังรวมไปถึงอันตรายที่เราไม่สามารถรับรู้ได้
ไม่เดินตามคนอื่น ทำให้คนอื่นประหลาดใจและคาดคิดไม่ถึง คือคุณลักษณะของฟางเหยียน ถ้ำทั้งหกนี้เขาเลือกที่จะตัดถ้ำที่มีโครงกระดูกมากที่สุดสามถ้ำออกก่อน ถ้ำที่เหลืออีกสามแห่งมีโครงกระดูกเพียงแค่หนึ่งถึงสองอันเท่านั้น และถ้ำทั้งสามแห่งนี้ ทำให้ฟางเหยียนปวดหัวมากๆ จากการคาดเดาของฟางเหยียน เขาคิดว่าถ้ำสามแห่งนี้มีโอกาสที่จะมีน้ำไร้หน้าที่สุด
ดูเหมือนเจ้าสำนักรุ่นที่หนึ่งของสำนักไร้หน้า เป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่เจ้าสำนักคนต่อๆไปก็ไม่สามารถได้น้ำไร้หน้าได้อย่างง่ายดาย หรืออาจเป็นไปได้ว่าตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครเคยได้น้ำไร้หน้ามาก่อน!
ช่างร้ายกาจมากๆ!
ควรเข้าถ้ำอันไหนดี?
ฟางเหยียนใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว และสายตาก็มองไปที่ถ้ำสามแห่งที่อยู่ด้านขวา มองไปมองมา
หลินถงเป็นคนฉลาดมากๆ เธอจับก้านเชื้อจุดไฟไว้และมองถ้ำทั้งสามแห่ง เธอพยายามหาความจริงจากถ้ำสามแห่งนี้ แต่เธอดูตั้งหลายรอบก็ไม่พบอะไรเลย เธอทำได้เพียงส่ายหัวและเดินกลับไปที่เดิม และพูดอย่างจำใจ:”มันยากจริงๆ”
“ฟางเหยียน เกิดอะไรขึ้น?”
ฟางเหยียนยังคงนิ่งเงียบ ในสมองก็คิดถึงแต่ถ้ำสามแห่งนี้ เขาจินตนาการถึงความเป็นไปได้ของถ้ำสามแห่งนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธความคิดของตัวเอง ดูเหมือนเป็นทางเลือกหนึ่งในสาม แต่จริงๆแล้ว หนึ่งในสามนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงได้นับไม่ถ้วน
สิ่งที่เขาไม่ยอมพูดถึงยังมีอีกหนึ่งข้อ!
น้ำไร้หน้ามีจริงหรือเปล่า!
การก่อตั้งสำนัก แน่นอนว่าต้องมีของวิเศษประจำสำนัก แต่ของวิเศษที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้น มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้
ถ้าเกิดเป็นเรื่องโกหกละ!
น้ำไร้หน้าไม่มีอยู่จริง และมันเป็นเรื่องหลอกลวงล่ะ?
ไม่งั้นทำไมเจ้าสำนักคนต่อๆมา ถึงไม่มีสิทธิ์ครอบครองน้ำไร้หน้าล่ะ?
แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว งั้นก็ต้องเข้าไปสำรวจ ไม่ต้องสนใจว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกหรือไม่ มีเพียงสำรวจและค้นหาแล้ว ถึงไม่ได้มาเสียเที่ยว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฟางเหยียนก็เดินเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด!
หลินถงอึ้งอยู่สักครู่ ก็เดินตามไปทันที ความแปลกประหลาดของฟางเหยียน เธอเริ่มชินแล้ว ผู้หญิงที่ฉลาดต้องรู้ว่าเวลาไหนควรถาม และเวลาไหนไม่ควรถาม
เมื่อเลือกได้แล้ว ก็หมายถึงก้าวแรก แต่อันตรายก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้
สำหรับการค้นหาความจริงจากเรื่องจริงๆปลอมๆนั้น มันยากมากๆ
เมื่อเดินเข้าไปด้านในเรื่อยๆ ถ้ำก็ยิ่งอยู่ยิ่งแคบ มันเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยว บางที่ก็กว้าง บางที่ก็แคบ ส่วนที่แคบต้องเดินก้มหน้าถึงจะผ่านได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนก็คือความมืด นอกจากแสงสว่างจากก้านเชื้อจุดไฟ ดูเหมือนพวกเขาเข้ามาในโลกแห่งความมืดมิด
การเดินในที่มืด มันเป็นบททดสอบร่างกายและจิตใจมากๆ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ในทางเดินที่แคบๆนั้น มีลมเยือกเย็นพัดมา มันเหมือนกับเราอยู่ที่โลกแห่งความมืด และมีคนมาเป่าลมที่ข้างหูของเรา ทำให้ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย พูดกันตามตรงเลย เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เหมือนภาพยนตร์สยองขวัญที่ไม่จำเป็นต้องจัดฉาก
ฟางเหยียนยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม แต่หลินถงต่างออกไป เธอรู้สึกกลัวไปหมดและจับมือของฟางเหยียนไว้แน่น:”ฟางเหยียน พวกเราเดินมาตั้งนานแล้ว พวกเราเลือกผิดหรือเปล่า? พวกเราเดินกลับไปดีไหม?”
อาจารย์เคยพูดไว้ ในเมื่อเลือกแล้ว ก็ต้องเดินไปให้สุด ถึงแม้ทางที่เราเลือกจะผิด แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราเลือกผิดเพราะอะไร นี่ไม่ใช่ไม่เจอทางตันแล้วไม่ยอมหันกลับ แต่นี่คือการค้นหาความจริง ทำให้ตัวเองสบายใจและปล่อยวาง
“เดินต่อไป”
สองคนเดินอยู่ในความมืดอยู่ชั่วครู่ จู่ๆหลินถงอุทานขึ้นมา และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ:”ฟางเหยียน เท้า ด้านล่างเท้ามีสิ่งของ!”
เมื่อยื่นก้านเชื้อจุดไฟไปด้านล่าง สิ่งที่มองเห็น ทำให้หลินถงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ!