จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 723 รนหาที่ตายหรือ
ไม่มีใครสมควรตาย!
และผู้คนในองค์กรนินจาของพวกเขาก็ไม่ควรจะมีใครเป็นวิญญาณที่ผูกอาฆาต ยิ่งไปกว่านั้นจะมีใครที่ไหนฆ่าคนแล้วสามารถลอยนวลได้? แล้วอย่างนี้จะให้นินจาบนโลกปฏิบัติต่อองค์กรนินจายังไง!
ขี้ขลาดตาขาว รักตัวกลัวตายเปล่าประโยชน์ ไร้ประโยชน์ไปวันๆ งั้นหรือ?
พูดได้เลยว่าไม่มีใครสบายใจได้ถ้าอู๋จี๋ไม่ถูกกำจัด!
แต่บรรยากาศภายในห้องโถงมีบางอย่างผิดปกติ ท่านปรมาจารย์และผู้อาวุโสชุดขาวที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะจับกุมอู๋จี๋เลย ยิ่งไปกว่านั้นแผนการสำหรับขั้นตอนต่อไปก็ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาเลย
จุดนี้มีความไม่ชอบมาพากล ท่านปรมาจารย์และผู้อาวุโสชุดขาวสามารถยอมเสียหน้าได้จริงๆ หรือ? จะยอมให้นินจาบนโลกหัวเราะเยาะจริงๆ หรือ? จะยอมให้นินจาทุกคนรู้สึกว่าองค์กรนินจาเป็นองค์กรที่อ่อนแอและกลัวการทำงานหนักงั้นหรือ?
บ่นไปก็เท่านั้น ทำได้แค่แอบบ่นในใจไม่กล้าบอกตรงๆ ไม่มีใครกล้าท้าทายบารมีและศักดิ์ศรีของท่านปรมาจารย์
แต่ละคนจ้องมองไปที่ท่านปรมาจารย์ ระงับใจที่กระสับกระส่ายรอให้เขาพูดอีกครั้ง แต่ดูเหมือนท่านปรมาจารย์ไม่ได้ตั้งใจจะพูด ดูเหมือนว่าเขากำลังหลับอยู่
ทุกคนอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน ไม่สามารถเดาได้ว่าท่านปรมาจารย์มีท่าทียังไง!
“ไม่น่าแปลกใจเลย นี่น่าจะเป็นแค่เกมหนึ่งเท่านั้น เกมที่มุ่งเป้าไปที่จอมพลของพวกเราเท่านั้น สำหรับแผนการของผู้เล่นน่าจะมีออกมาแล้ว และนั่นคือองค์กรสัตว์เพลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด”
“ขณะนี้ องค์กรนินจาของเราเป็นเหมือนมดที่อยู่บนหม้อไฟ ตราบใดที่เราขยับ พวกเราจะโดนแผนการขององค์กรสัตว์เพลิงเล่นงานจนพังทลาย ต้องบอกว่ากลยุทธ์ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวขององค์กรสัตว์เพลิงนั้นดูฉลาดเลยทีเดียว!”
หลังจากฟังจบทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน การที่อู๋จี๋ทำลายสาขาขององค์กรนินจา ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าเป็นการแก้แค้นส่วนตัว แต่ถูกองค์กรสัตว์เพลิงกระทำกลับไม่พูดอะไร แถมยังไปควบคุมองค์กรนินจาอีกด้วย
ผู้อาวุโสชุดขาวเหลือบมองทุกคนแล้วพูดต่อ “แต่ในช่วงเวลานี้ จอมพลของพวกเราก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรซึ่งเพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าเขาน่าจะมีแนวทางการปฏิบัติการแล้ว ถ้าท่านปรมาจารย์ออกหน้าเกินไปจะทำให้เกิดการวุ่นวายของนินจาทั้งหมดบนโลกนี้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาให้เกิดขึ้น”
“ดังนั้นเรื่องของอู่จี๋จึงไม่คุ้มค่าที่ไปวิตกกังวล และสิ่งแรกที่เราต้องทำความเข้าใจคือความตั้งใจที่แท้จริงขององค์กรสัตว์เพลิง”
ความตั้งใจขององค์กรสัตว์เพลิงนั้นว่างเปล่ามาจนถึงตอนนี้ นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรนินจา องค์กรสัตว์เพลิง
ก็เหมือนวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในความมืด รู้เพียงแค่ว่ามันมีอยู่ แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ผ่านมาเป็นเวลานานแล้วความเข้าใจเกี่ยวกับองค์กรสัตว์เพลิงมีเพียงอยู่ในแค่บันทึกเท่านั้น
ภายในห้องโถงเงียบลงในทันใด
มีคนยกมือขึ้นเสนอแนะ “ท่านปรมาจารย์ครับ พวกเราต้องช่วยจอมพลท่านนี้หรือไม่ครับ?”
“ไม่!”ผู้อาวุโสชุดขาวปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา“เจ้าทำแบบนี้จะนำองค์กรนินจาเข้าสู่สถานการณ์ที่กู่ไม่กลับ ถึงแม้ว่าพวกเราเสมือนอยู่ใกล้ตาพายุ แต่พวกเราก็ยังไม่ตกลงไปนั้นอย่างสมบูรณ์ วิธีที่ดีที่สุดคือการอดทนรอ ”
ผู้อาวุโสชุดขาวยังพูดเสริมอีกว่า “นี่คือสิ่งที่ท่านปรมาจารย์หมายถึง”
สิ่งที่ท่านปรมาจารย์หมายถึง!
ประโยคเหล่านี้คลี่คลายการคาดเดาของทุกคน และก็เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมปรมาจารย์ถึงไม่เริ่มลงมือจัดการอู๋จี๋!
พวกเขาสามารถนั่งบนภูดูเสือกัดได้จริงหรือ?
ไม่ใช่สิ!
องค์กรสัตว์เพลิงรู้จักองค์กรนินจาเป็นอย่างดี แต่องค์กรนินจาแทบจะไม่รู้จักองค์กรสัตว์เพลิงดีเลย พวกเขาไม่สามารถเข้าพัวพันเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองได้อีกแล้ว
“ ท่านปรมาจารย์โปรดชี้แนะอย่างชัดแจ้งด้วยครับ!”
“รอไปก่อน!”
— —
ณ บ้านพักหนานหลิง
เทียนขุยเดินผ่านบ้านไม้ เดินไปด้วยพูดไปด้วย “โผ้จวิน เพิ่งได้รับข่าวว่าอู๋จี๋ได้พูดเปรยมาแล้วและเชิญท่านไปที่ สำนักไร้หน้า เห็นได้ชัดว่าอู๋จี๋กำลังนัดทำสงคราม!
ฟางเหยียนลุกขึ้น เสียงของเทียนขุยก็ดังขึ้นอีกครั้ง“นอกจากนี้ยังมีอีกข่าวหนึ่ง นั่นคือองค์กรสัตว์เพลิงดูเหมือนจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันกับอู๋จี๋แล้ว ข้อเสนอแรกคือกำจัดเจ้า!”
ฟางเหยียนหัวเราะเยาะ “ต้องการที่จะฆ่าข้างั้นหรือ? ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
“โผ้จวิน บาดแผลเก่าของเจ้ายังไม่หายดี ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา! พี่น้องจากสำนักเจ็ดพิฆาตกำลังจะมา เจ้าโปรดรออย่างใจเย็นก่อน”
เห็นได้ชัดว่าเทียนขุยมีความกลัวอยู่บ้าง อู๋จี๋มีความโดดเด่นเหนือคนอื่น มีชื่อเสียงที่เลื่องลือ เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงฟางเหยียนมาก แม้ว่าเขาจะมีความไม่นอบน้อมต่อฟางเหยียนอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่อยากให้ฟางเหยียนไป ตราบใดที่ฟางเหยียนไม่ไป แล้วเขาจะกลายเป็นคนบาปได้อย่างไร?
ฟางเหยียนไม่เคยแพ้ นี่คือสิ่งที่เทียนขุยรู้เป็นอย่างดี แต่ชื่อเสียงลือนามของอู๋จี๋ไม่ใช่ชื่อเสียงปลอมๆ นะสิ! ถ้าฟางเหยียนเผชิญหน้ากับอู๋จี๋ กลัวว่าฟางเหยียนจะเป็นอันตรายมาก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในฝีมือของสหายของเขา ทำไมอู๋จี๋ถึงนัดหมายไปที่สำนักไร้หน้า มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการฆ่าฟางเหยียนเพื่อเซ่นไหว้คนในสำนักไร้หน้าที่ฟางเหยียนเคยฆ่า
เนื่องจากอู๋จี๋กล้าที่จะเอ่ยปากเชิญ เขาจึงต้องเตรียมการหลายอย่างโดยธรรมชาติ
“เทียนขุย นี่ไม่ใช่เทียนขุยที่ข้ารู้จัก!”
เทียนขุยตัวสั่นแล้วรีบอธิบาย “โผ้จวิน ไม่ใช่เพียงข้าเท่านั้นนะที่มีความคิดเห็นแบบนี้ แต่สหายคนอื่นๆ ก็ยังมีความคิดเห็นแบบนี้เหมือนกันอีกด้วย”
“พอแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเชิญไปงานเลี้ยงที่มีเจตนาร้าย แต่พวกเราจะทำให้เขาผิดหวังได้อย่างไร ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว บอกให้สหายที่รักษาชายแดนกลับไปเถอะ ข้ามักจะรู้สึกว่าองค์กรสัตว์เพลิงจะมีภารกิจใหญ่ ได้ยินชัดไหม!?”
“รับทราบ!”
——
ณ สำนักไร้หน้า!
ฟางเหยียนปรากฏตัวที่สำนักไร้หน้า และรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติรอบตัวเขา บริเวณโดยรอบเงียบสงัด แม้ว่าจะเป็นตอนเที่ยง แต่ไม่มีเสียงนกเสียงสัตว์เลย บริเวณทั้งหมดของสำนักไร้หน้าเป็นเหมือนสุสานฝังศพที่โดดเดี่ยว
“โผ้จวิน ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย เมื่อเจ้าตัดสินใจจะขึ้นไปบนภูเขา สหายทุกคนรีบมาโดยไม่เสียดายชีวิต ปืนซุ่มยิงจำนวนหนึ่งโหลนำมาใช้เพื่อความปลอดภัยของเจ้า”
“เทียนขุย!” ฟางเหยียนตะโกนอย่างดุดัน “เจ้าคิดว่าข้าไม่มีฝีมือพองั้นหรือ!”
“เปล่า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น เพราะว่าอู๋จี๋นั้นอันตรายเกินไป สหายสำนักเจ็ดพิฆาตก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นจึงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ ต่อให้เจ้าจะยิงกระบาลข้าก็ตาม อย่างน้อยก็ให้ข้าทำตามใจข้าสักครั้งเถอะ เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ไม่งั้นข้ามีหน้าไปเจอสหายเทียนหม่าได้ยังไง!”
เทียนขุยโค้งคำนับ “โผ้จวิน ให้ฉันฝ่าฝืนคำสั่งสักครั้งเถอะ!”
ฟางเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายของสหายของเขา ชื่อเสียงของอู๋จี๋เป็นที่ลือนามเขาปรากฎตัวแต่ละทีทำเอาเหล่านินจาสั่นสะท้านไปทั้งตัว แถมเขายังสามารถฆ่านินจาระดับปรมาจารย์ได้ มันทำให้เขาดูน่าเชื่อถือมากขึ้นปอีก
ดังนั้นเทียนขุย จึงเป็นกังวลอย่างมากกับความปลอดภัย
เรียกได้ว่าเป็นความเป็นกังวลอย่างสุดใจเลยทีเดียว!
ในเมื่อฟางเหยียนมาที่นี่ก็แสดงว่าเขาเตรียมตัวมาดีแล้ว แต่ในมุมมองของเทียนขุยคือฟางเหยียนรนหาที่ตาย
“เอาล่ะ เทียนขุย ทำหน้าที่ของนายให้ดีที่สุด ครั้งหน้าฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนี้แล้วนะ!”
“รับทราบ!”
ทันใดนั้นก็มีข้อความมาจากวิทยุสื่อสาร “ท่านรองเทียนขุย มีกลุ่มคนเคลื่อนตัวไปที่ภูเขาครับ”
เทียนขุยรีบรายงานไปยังฟางเหยียนทันที
“เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ถ้าเป็นองค์กรสัตว์เพลิงต้องจับไปเป็นเชลยศึก เข้าใจไหม?”
เทียนขุยพยักหน้าและรีบสั่งการในทันที
ทั้งสองเดินเข้าไปในสำนักไร้หน้าพร้อมกัน
นินจาจำนวนมากได้ปรากฏตัวขึ้นรอบๆ ตัวพวกเขา แต่ไม่ได้เข้าใกล้ตัวพวกเขาโดยตรง มีเพียงเสียงกระซิบพูดคุยกันเงียบๆ
“จอมพลโผ้จวินของพวกเรามีความมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้วหรือเปล่านะ? เขาคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าจริง ๆ เหรอ? ยังกล้าที่จะมาสำนักไร้หน้าพร้อมด้วยสหายเพียงแค่หนึ่งคน ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!”
“คุณพูดถูก อู๋จี๋เป็นคนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ แม้แต่องค์กรนินจาก็ไม่กล้ามีปัญหากับเขา จอมพลโผ้จวินคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าที่ควบคุมทุกอย่างงั้นหรือ? พูดได้เลยว่าคราวนี้จอมพลโผ้จวินกำลังจะพลาด!”
“เพื่อสมบัติอันล้ำค่าของสำนักไร้หน้า จอมพลโผ้จวินถึงกับยอมสู้ขนาดนี้ หาเรื่องอยากตายชัดๆ”
“พวกคุณกำลังจะบอกว่าจอมพลโผ้จวินจะถูกฆ่างั้นหรือ? ถ้าอย่างงั้นอู๋จี๋จะกลายเป็นผู้นำสูงสุดของดินแดนนินจาเหรอ?
“มีความเป็นไปได้มาก ฉันยังได้ยินมาว่าอู๋จี๋รอหลังจากกำจัดจอมพลโผ้จวินได้แล้ว ยังต้องการไปท้าทายความสามารถทั่วสารทิศ เพื่อที่จะเป็นใหญ่โดยไม่มีใครเทียบได้ ให้ทุกคนบนโลกยอมก้มหัวให้เขา เมื่อถึงเวลานั้นฉันเกรงว่าเหล่านินจาอย่างพวกเราจะเป็นได้แค่สุนัขรับใช้!”
“..….