จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 731 ใจปีศาจรอบด้าน
ซ่งหยิงไม่สนใจไยดีกับการดูถูกของหลินเทียนเลยแม้แต่น้อย
ใช่แล้ว หลินเทียนดูถูกเธอมาตลอด แม้ว่าเธอเป็นถึงนายน้อยแห่งสำนักฉิวหลง ก็ไม่เคยไว้หน้าเธอเลยสักครั้ง เหตุผลคือ หนึ่ง หลินเทียนเป็นลูกชายคนเดียวของผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อ เกิดมาก็ได้รับสถานะอันสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ สองคือ หลินเทียนเป็นนินจาที่มีพรสวรรค์เก่งกาจเป็นอย่างมาก อายุยี่สิบกว่าปีแข็งแกร่งระดับต้าชี่ชั้นกลาง เรียกได้ว่าเป็นปีศาจที่โดดเด่นสุดในสำนักฉิวหลง แม้แต่เจ้าสำนักยังเคารพยำเกรงเขา
หลินเทียนที่มีสิ่งเหล่านี้ ย่อมดูถูกซ่งหยิงเป็นธรรมดา
พูดได้ว่า ทุกสิ่งที่หลินเทียนต้องการ เจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลงอาจจะทำให้ไม่ได้ทั้งหมด แต่เจ้าสำนักกลับพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเอาใจเขา ยังไงซะอัจฉริยะมักพบเจอได้ง่าย แต่ปีศาจที่อัจฉริยะกลับไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ!
หลินเทียนที่มีคนคอยเอาใจมากมายขนาดนี้ ย่อมดูถูกดูแคลนคนอื่นเป็นธรรมดา แม้แต่เจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลง เพียงแต่ ไม่ว่าเขาจะยโสโอหังมากแค่ไหน ก็ยังคงถูกคนกดดันอย่างหนัก คนคนนั้นคือหลินชื่อ พ่อของเขานั่นเอง
จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งเมาเหล้า ตอนที่เจ้าสำนักได้เปรย ๆ ออกมาว่าหลินเทียนอาจจะเป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลงคนต่อไป คนทั้งสำนักฉิวหลงต่างพากันช็อกไปหมด ถึงแม้หลินเทียนจะมีพรสวรรค์เหนือคนอื่น มีพรสวรรค์ด้านศิลปะต่อสู้โดยไม่มีใครเทียบได้ แต่เมื่อจะยกสำนักฉิวหลงให้กับสองพ่อลูกตระกูลหลินขึ้นมา ลูกศิษย์ในสำนักฉิวหลงทุกคนก็ว้าวุ่นใจกันขึ้นมา
ความสงสัยนี้กินเวลามาอย่างยาวนาน จากที่ได้ท่องโลกไปกับเจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลง เพื่อตามหาขลุ่ยวิเศษแล้วเป็นอันต้องล้มเลิกไป
แต่เมื่อได้พบกันอีกครั้ง กลับกลายเป็นการแยกจากกันระหว่างโลกมนุษย์และสวรรค์!
ตอนนี้สำนักต่าง ๆ เกิดความไม่สงบ ในห้าสำนักล่มสลายไปแล้วสามสำนัก เหลือเพียงสำนักฉิวหลงและแก๊งเก้ามังกร แต่ตอนนี้แก๊งเก้ามังกรเกิดความไม่สงบภายในสำนักอยู่บ่อยครั้ง แอบแยกออกเป็นสามกลุ่มใหญ่
กลุ่มแรก คือตระกูลซ่งนำโดยซ่งอู่ฮุย กลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่นำโดยผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อ ส่วนกลุ่มที่สาม ก็คือองครักษ์เจ้าตระกูล กลุ่มนี้คนไม่เยอะ มีเพียงยี่สิบคนเท่านั้น แต่ยี่สิบคนนี้กลับรอดูท่าทีมาโดยตลอด เพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าตกลงควรฟังคำสั่งของใครดี พวกเขาเป็นเพียงองครักษ์เจ้าตระกูล การรักษาสิทธิประโยชน์ของเจ้าสำนัก เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขา
สามารถพูดได้ว่า ทั้งห้าสำนักใหญ่ถูกทำลาย ความสงบสุขที่ควรมีจึงได้ถูกทำลายไปนานแล้ว สำนักฉิวหลงจึงได้รับผลกระทบอย่างหนักไปด้วย ทำให้ภายในสำนักเกิดความวุ่นวายไม่หยุดหย่อน แต่ทั้งสามฝ่ายนี้ ซ่งอู่ฮุยและหลินชื่อแย่งชิงกันอย่างดุเดือดที่สุดแล้ว
เจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลงตายไปแล้ว แต่นายน้อยซ่งหยิงยังอยู่!
พูดได้ว่า ซ่งหยิงคือกุญแจสำคัญในการครอบครองสำนักฉิวหลง และเป็นกุญแจสู่บทสรุปสุดท้ายในการแก่งแย่งกันของทั้งสามฝ่าย!
ในโลกใบนี้ไม่มีใครเข้าใจลูกชายได้ดีไปกว่าคนเป็นพ่ออีกแล้ว!
หลินชื่อเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจว่า : “เทียนเอ๋อร์ ระวังท่าทีของแกหน่อย!”
ถึงแม้ถูกตำหนิ แต่หลินเทียนยังคงมีท่าทียโสโอหัง แล้วแสยะยิ้มพลางเอ่ยพูด : “ฉันว่าเธออย่าดูอีกเลย ระวังคืนนี้จะฝันร้าย!”
ซ่งหยิงปรายตามองเขาอย่างเย็นชา แล้วเดินไปที่ข้างโลงศพ มองดูแวบหนึ่ง ก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ
อนาถใจ!
แม้ว่าคราบเลือดบนใบหน้าถูกทำความสะอาดไปแล้ว แต่ยังเห็นได้ชัดว่าพ่อของเธอทรมานมากแค่ไหนก่อนตาย!
เธอได้แต่เก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ แอบสะอื้นเบา ๆ น้ำตาค่อย ๆ รินไหลออกมา แม้แต่เสี่ยวหยู่ที่เป็นคนรับใช้ยังทนมองตรง ๆ ไม่ได้ เบ้าตาแดงขึ้นมา
“คุณหนู ทำใจเถอะนะคะ”
ซ่งหยิงเอ่ยด้วยเสียงสะอื้น : “ฉันจะพยายาม”
“ผู้อาวุโสใหญ่ ฝังพ่อให้ได้อยู่อย่างสงบสุขเถอะค่ะ ท่านเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว เรื่องที่เหลือยังมีฉันคอยจัดการ”
หลินชื่อไม่โต้แย้งใด ๆ แต่หลินเทียนกลับต่างออกไป เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเฉยชา : “ซ่งหยิง พ่อของเธอยังไม่ทันถูกฝังเลย เธอก็คิดจะกุมอำนาจของสำนักฉิวหลงแล้วเหรอ? ไม่คิดว่ามองตัวเองสูงเกินไปหน่อยเหรอ!”
“เทียนเอ๋อร์!” หลินชื่อต่อว่าด้วยความโมโห : “สารเลว แกคิดจะทำอะไร!”
“พ่อ……”
“แกไม่ต้องพูดแล้ว!” หลินชื่อโมโหมาก หันไปมองซ่งหยิง ยิ้มขอโทษพลางเอ่ยว่า : “นายน้อย เทียนเอ๋อร์ก็เป็นคนแบบนี้แหละครับ พูดจาเหลาะแหละไปหน่อย หากทำให้ขุ่นเคืองใจได้โปรดนายน้อยให้อภัยด้วยนะครับ กระผมขอโทษแทนเทียนเอ๋อร์ด้วยนะครับ”
ขณะพูด หลินชื่อได้โค้งตัวคำนับเพื่อขอโทษ แต่ถูกซ่งหยิงรั้งเอาไว้ : “ผู้อาวุโสใหญ่ห่วงใยสำนักฉิวหลง ฉันเห็นทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ ฉันไม่เอาเรื่องเล็กน้อยมาทำให้เสียการใหญ่หรอกค่ะ และยิ่งไม่มีทางเป็นเหมือนคนบางคน ที่คิดว่าตัวเองถูกต้องไปเสียทุกอย่าง!”
เห็นได้ชัดว่า ประโยคหลังที่ซ่งหยิงพูดนั้นจงใจพูดใส่หลินเทียน
แต่หลินเทียนเป็นเหมือนถังใส่ดินปืน ที่ถูกจุดไฟจนระเบิดออกมา ใช่แล้ว เขาคิดว่าตัวเองถูกล่วงเกินในอำนาจ!
ขณะที่กำลังจะโมโห ก็ถูกหลินชื่อดุด่าขึ้นมา : “หลินเทียน อย่ากำเริบเสิบสานให้มันมากนัก ไสหัวไปซะ!”
หลินเทียนเดินออกไปด้วยความโมโห
หลินชื่อไม่ปรายตามองเขาแม้แต่น้อย และกำลังจะขอโทษซ่งหยิง แต่ถูกซ่งหยิงห้ามเอาไว้
“ผู้อาวุโสใหญ่ ฉันเข้าใจดีค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก”
หลินชื่อพยักหน้า แล้วพูดต่อไปว่า : “ผมจะรีบจัดการเรื่องฝังศพเจ้าสำนัก แต่ว่า……”
พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ เขาทำท่ามีลับลมคมใน เข้าไปใกล้ซ่งหยิง แล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “นายน้อย ช่วงนี้สำนักต่าง ๆ เกิดความไม่สงบ อีกทั้งสำนักฉิวหลงไม่มีเจ้าสำนัก ทำให้เกิดความวุ่นวายภายใน กระผมเป็นห่วงว่ารากฐานนับร้อยปีพันปีที่ก่อตั้งมาจะถูกทำลายลงในชั่วพริบตา”
ซ่งหยิงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่พูดได้ยังไงล่ะ นี่คือต้องการให้เธอดำรงตำแหน่งเจ้าสำนัก ไม่เพียงเท่านี้ แต่ยังต้องการให้ระวังครอบครัวของอารองซ่งอู่ฮุยซึ่งอีกด้วย หลังจากที่ตัวเองถูกอารองพาตัวกลับมา เธอก็ถูกกักบริเวณอยู่แต่ภายในห้องของตัวเองมาโดยตลอด เธอจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันล่ะ!
อารองซ่งอู่ฮุยต้องการครอบครองสำนักฉิวหลงแต่เพียงผู้เดียว!
ซ่งหยิงหลีกหนีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่ายังไงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้!
“ผู้อาวุโสใหญ่คะ มีฉันอยู่ เขาไม่มีทางสมหวังหรอกค่ะ!”
“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วครับ” หลินชื่อยิ้มออกมา “งั้นกระผมไปจัดการเรื่องการฝังศพก่อนนะครับ นายน้อยวางใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่ กระผมก็จะยืนอยู่ข้างนายน้อย”
หลินชื่อแสดงจุดยืนของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ขอบคุณมากค่ะ”
เมื่อหลินชื่อกลับไป เพิ่งออกจากห้องหลงเหมิน ก็ถูกหลินเทียนลูกชายของตัวเองดึงเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดด้วยท่าทางจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “พ่อ ผมแสดงเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็พอไปได้ จริงสิ พวกซ่งอู่ฮุยมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”
“ทุกวันนอกจากรวบรวมกำลัง ก็คือรวบรวมกำลัง ไม่ทำเรื่องอื่น”
“เทียนเอ๋อร์ แกนี่มันโง่จริง ๆ!” หลินชื่อตำหนิด้วยความโมโห : “แกคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์เหนือคนอื่น เลยลืมเรื่องการรู้เขารู้เราไปแล้วใช่ไหม? แกคิดว่าซ่งอู่ฮุยจะเป็นแค่คนโง่คนหนึ่งเหรอ? จริงสิ แกไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเรื่อง……”
ขณะที่พูด หลินชื่อได้เงียบไป แล้วชี้ไปยังห้องหลงเหมิน
“วางใจเถอะครับ พ่อ ฉันจัดการซ่งหยิงได้น่า”
“เป็นอย่างนั้นก็ดี!”
“ใคร!” จู่ ๆ หลินเทียนก็ร้องออกไปด้วยความตกใจ
เมื่อมองตามไป พบว่าเป็นสาวใช้เสี่ยวหยู่ที่รีบวิ่งไปด้วยท่าทางร้อนรน
“พ่อ จะต้อง……”
หลินชื่อส่ายหน้าเล็กน้อย “แค่สาวใช้คนหนึ่งไม่ต้องไปกลัวหรอก แค่ข่มขู่สักหน่อยก็พอ ฉันเชื่อว่าหล่อนไม่น่ากลัว! อีกอย่างตัวขัดขวางหลักของพวกเราคือซ่งอู่ฮุย!”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะจัดการเอง”
ซ่งหยิงอยู่ข้างโลงศพ จนถึงเวลาฝังศพ
พิธีฝังศพ!
เป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกของคนประเทศหวา ใบไม้ร่วงคืนสู่ราก เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาหลายพันปี นี่เป็นความหมายสุดท้ายที่เหลืออยู่หลังจากที่ทุกคนจากโลกใบนี้ไป เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้แก่คนรุ่นหลังได้ระลึกถึง ไม่เพียงแต่เป็นการสืบทอดเท่านั้น แต่เป็นการสืบสานอารยธรรมต่อไปอีกด้วย
สุสานบรรพบุรุษหลังเขา
ยิ่งถูกฝังอยู่ที่สูงมากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าคนคนนั้นยิ่งมีฐานะสูงส่งมากเท่านั้น
ขบวนแห่ศพได้เดินขึ้นเขาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร เพิ่งขึ้นมาได้ครึ่งทาง กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ คนที่เป็นหัวหน้าก็คือซ่งอู่ฮุยที่เดินกะโผลกกะเผลกนั่นเอง ตามมาด้วยซ่งหัวหลินลูกชายของเขา ส่วนด้านหลังก็คือลูกศิษย์สำนักฉิวหลงที่เลือกอยู่ข้างพวกเขา
ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันที ว่าทำไมถึงไม่เห็นสองพ่อลูกซ่งอู่ฮุย ที่แท้มาดักรออยู่ตรงนี้นี่เอง!
พิธีฝังศพเป็นเรื่องใหญ่ การถูกขวางไว้เดิมทีก็ถือเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างมาก บวกกับพฤติกรรมของสองพ่อลูกในตอนนี้ ทำให้ซ่งหยิงโกรธจนถึงขีดสุด!
“อารอง จะทำอะไรน่ะ?”