จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 732 สำนักฉิวหลง จบลงแล้ว
ซ่งอู่ฮุยเพิกเฉยต่อความโมโหของซ่งหยิง แล้วพูดเข้าประเด็นทันที : “ตอนนี้ยังฝังพี่ใหญ่ไม่ได้ การตายของเขาแปลกประหลาดเกินไป!”
หลินชื่อนัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นมา หันไปมองหลินเทียนอย่างอดไม่ได้ หลินเทียนส่ายหน้าเล็กน้อย
“อารอง พ่อฉันถูกจอมพลโผ้จวินฆ่าตายไม่ใช่เหรอ? เรื่องนี้มีบทสรุปไปแล้ว ทำไมถึงได้มาพูดว่าแปลกประหลาดเกินไปอีกล่ะ? หากเสียฤกษ์ดีไป อาจจะรับผิดชอบไหวเหรอ? ห๊ะ!”
คำพูดสุดท้ายของซ่งหยิงแทบจะตะคอกออกมา มองออกว่าเธอโกรธจริง ๆ แล้ว
“ฤกษ์ดีค่อยเลือกใหม่ได้ แต่จะฝังพี่ใหญ่ไปโดยที่อะไรยังไม่ชัดเจนไม่ได้ หากฝังไปแล้ว เรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดก็จะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดต่อไป!”
“รองเจ้าสำนัก คุณหมายความยังไงครับ?” หลินชื่อเอ่ยถามเสียงเข้ม : “หรือคุณคิดว่าพวกเราสามารถขัดขวางวรยุทธ์ของเจ้าสำนักได้งั้นเหรอ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ?” ซ่งหัวหลินพูดอย่างเย็นชา
หลินเทียนที่เดิมทีเป็นคนมากความสามารถและมีคนคอยเอาใจ เมื่อพ่อของตัวเองถูกต่อว่า เขาจึงทนไม่ได้ เลยหาเรื่องกลับไป เอ่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา : “ทำไม? เจ้าหัวหลิน ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากมีเรื่องใช่ไหม? ถ้ายังวุ่นวายอีก กูจะฉีกปากมึงซะ!”
ทั้งสองคนฟาดฟันกัน สถานการณ์จึงตึงเครียดขึ้นมา ไม่ยอมถอยให้กันแม้แต่ก้าวเดียว
“มึงแม่งลองดูสิวะ!”
“คนไม่เต็มบาทอย่างมึง กูไม่เปลืองมือหรอก ขยะ เหมือนขยะชิ้นหนึ่งจริง ๆ!”
“แม่งเอ้ย มึงแม่งพูดอะไรห๊ะ!”
“เจ้าหัวหลิน ถ้ามึงมีสมองสักนิดตอนนี้คงไม่ถึงขั้นที่ไม่มีแม้แต่ระดับต้าชี่หรอกนะ มึงแม่งจะเอาอะไรมาสู้กับกู? กูฆ่ามึงตายได้ง่าย ๆ เหมือนบี้มด มึงจะขวางกูเหรอ? เชี้ย!”
ซ่งหัวหลินสีหน้าเริ่มไม่ค่อยปกติแล้ว คำพูดของหลินเทียนได้ทำลายศักดิ์ศรีของเขาจนหมดสิ้น ก็จริง ที่เขามีพละกำลังสู้หลินเทียนไม่ได้
“พูดอะไรไม่ออกแล้วหรือไง? คิดจะขวางกูเหรอ? มึงแม่งคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ?”
“หลินเทียน มึงแม่งทำตัวน่าขยะแขยงให้น้อย ๆ หน่อย กล้าทำแต่ไม่กล้ารับใช่ไหม?”
“กูยืนตรงไม่กลัวเงาเอียงหรอกโว้ย ถ้ากูทำ ทำไมจะไม่กล้ายอมรับ แต่ถ้ากูไม่ได้ทำ อย่ามาโยนใส่หัวกู!”
“งั้นก็ได้ มึงกล้าสาบานต่อฟ้าไหมล่ะ โดยเฉพาะเรื่องลุงใหญ่ของกู!”
“กู……”
“พอได้แล้ว!” ซ่งหยิงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
ทั้งสองคนหยุดทะเลาะกันทันที แต่กลับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ดุร้ายโหดเหี้ยม หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ทั้งสองคนอาจจะมีบาดแผลสะบักสะบอมกันทั้งตัวแล้วก็ได้!
ซ่งหยิงเข้าไปอยู่กลางวงล้อมที่วุ่นวาย แล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า : “มีเรื่องอะไร รอให้ฝังพ่อฉันให้เรียบร้อยแล้วค่อยว่ากัน!”
“ลุกขึ้น!” ผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อพูดเสียงดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง
ขบวนแห่ศพได้ยกเจ้าสำนักขึ้นอีกครั้ง แล้วเดินหน้าต่อไป แต่ซ่งอู่ฮุยกลับไม่ยอมหลีกทางให้ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังได้ให้ลูกน้องของตัวเองขัดขวางทุกคนไว้อีกด้วย
“ซ่งหยิง แกเชื่ออารองสักครั้งนะ พ่อแกตายอย่างน่าประหลาดมากจริง ๆ จากที่ฉันรู้มา ถึงแม้จอมพลโผ้จวินจะเผด็จการ แต่คนที่เขาฆ่ากลับไม่ถูกทรมานเลย นี่ยังน่าสงสัยไม่พออีกเหรอ? อีกอย่าง จอมพลโผ้จวินกับเจ้าสำนักมีความแค้นบาดหมางอะไรกันขนาดนั้น? ถึงได้ทรมานพี่ใหญ่ได้โหดร้ายอย่างนี้?”
ถึงแม้ซ่งหยิงกำลังโมโหมาก แต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ ที่ซ่งอู่ฮุยพูดมานั้นไม่ผิดเลย
กลับมาอยู่ที่สำนักฉิวหลงนานขนาดนี้ ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของจอมพลโผ้จวินมาบ้าง แต่ทุกครั้งคือฆ่าให้ตายในทันที มีทรมานกันซะที่ไหนล่ะ? เมื่อนึกถึงสภาพที่น่าอนาถของพ่อ ในใจเธอก็สับสนขึ้นมา
จริงด้วย!
เธอไม่รู้ว่าควรเชื่อใครแล้ว
แต่สุดท้ายเธอก็มองไปยังผู้อาวุโสหลินชื่อ หลินชื่อเข้าใจทันที จึงได้เดินหน้าขึ้นมา มองไปยังซ่งอู่ฮุย แล้วพูดด้วยเสียงดุดัน : “นายน้อยบอกแล้ว ว่ามีเรื่องอะไรก็รอให้ฝังศพเจ้าสำนักก่อนแล้วค่อยว่ากัน หรือว่ารองเจ้าสำนักคิดจะขัดคำสั่งของนายน้อย?”
ซ่งอู่ฮุยสายตาแข็งกร้าว สีหน้าดูดุดันขึ้นมา
หลินชื่อเป็นเฒ่าสารพัดพิษจริง ๆ!
แค่ประโยคเดียว อ้างถึงเรื่องคำสั่ง ไม่ว่าสำนักฉิวหลงหรือสำนักอื่น ๆ คำสั่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อต้านได้ หากคิอจะขัดคำสั่งมีเพียงข้อสันนิษฐานเดียว นั่นคือไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
คำสั่งเปรียบเหมือนศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของสำนัก!
ใครกล้าขัดคำสั่ง!
“รองเจ้าสำนัก คิดดูให้ดี ๆ แล้วกัน!” หลินชื่อมองหน้าซ่งอู่ฮุย “พวกเราไปได้!”
“ลูกสาวเขายังไม่รีบร้อนแล้วคนอื่นเดือดร้อนอะไรด้วย เจ้าหัวหลิน ฉันว่าถ้าแกมีเวลาว่างนักก็อ่านหนังสือให้มันเยอะ ๆ หน่อย คนอื่นจะได้ไม่หัวเราะเยาะเอา พูดก็ไม่ชนะ ครั้นจะลงไม้ลงมือแกก็เป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง ฉันไม่รู้จะว่าแกยังไงแล้ว คนหนุ่มเนี่ยนะ ทำให้ตัวให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ!”
หลินเทียนพูดจาโอหังทำตัวเป็นใหญ่ ทำให้ซ่งหัวหลินโกรธจัด : “หยุดนะ!”
“ทำไม? คิดจะลงมือเหรอ? อย่าคิดว่าพ่อแกเป็นรองเจ้าสำนัก แล้วแกคิดว่าตัวเองเก่งกาจนะ!”
“เดิมทีฉันไม่อยากหักหน้า แต่ในเมื่อแกหน้าด้านไม่เกรงกลัวอะไร ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าแกอีก!”
ซ่งอู่ฮุยตกใจกลัวจนหน้าถอดสี อย่าห้ามปรามซ่งหัวหลินแต่ห้ามไม่ทันแล้ว
“เอาขึ้นมา!”
มองไปยังคนที่ถูกพาตัวมา ไม่เพียงแต่หลินชื่อที่ตกตะลึงเท่านั้น แม้แต่หลินเทียนก็อึ้งไปหลายวินาที
คนคนนี้ไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงอะไร แต่เป็นเพียงคนเฝ้าประตูคนหนึ่งที่คอยเฝ้าประตูใหญ่ของสำนักฉิวหลงเท่านั้น!”
ซ่งหัวหลินไม่แม้แต่จะมองสองพ่อลูกหลินชื่อนั่นสักนิด เขามองไปยังคนเฝ้าประตู แล้วพูดอย่างเดือดดาลว่า : “แกพูดเรื่องที่ได้ยินและได้เห็นในคืนนั้นออกมาให้หมด!”
ที่มุมตาของหลินชื่อมีความตระหนกเผยออกมาแวบหนึ่ง ตามด้วยหลินเทียนที่ส่งสายตามาหา แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
คนเฝ้าประตูมองไปที่หลินชื่อ สุดท้ายละสายตากลับมามองที่ซ่งหัวหลิน
เมื่อเห็นคนเฝ้าประตูไม่กล้าเปิดปากพูด ซ่งหัวหลินก็ลนลานร้อนใจ “พูดสิ มีพ่อฉันอยู่ แกจะกลัวอะไร! แม้จะเป็นผู้อาวุโสใหญ่แต่ต้องพิจารณาถึงสถานะของตัวเองด้วย!”
คนเฝ้าประตูกลัวจนตัวสั่นแล้วพูดออกมาว่า : “ได้ครับ ผมจะพูด!”
“กลางดึกคืนหนึ่งเมื่อครึ่งเดือนก่อน มีคนเคาะประตูใหญ่ที่ผมเฝ้าอยู่จากด้านนอก ผมถามไปว่าเขาเป็นใคร เขาบอกว่ามาหาซ่งอู่ฮุย! หลังจากที่ได้ยินว่ามาหารองเจ้าสำนัก ผมจึงไม่กล้าชักช้า รีบเข้าไปต้อนรับทันที ตอนที่ผมกำลังจะจากไป ผมได้ถูกคนทำร้ายจนสลบ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เมื่อผมฟื้นขึ้นมา กลับได้ยินประโยคหนึ่ง เป็นประโยคที่รองเจ้าสำนักพูดขึ้นว่า เขาอยากเป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลง จำเป็นต้องให้เพลิงเสวนช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง!”
เกิดความโกลาหลขึ้นทันที!
ทุกคนในที่นั้น : “……”
รองเจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลงกล้าสบคบคิดกับเพลิงเสวน!
นี่เป็นข่าวร้อนแรงเลยนะ!
ทรยศหักหลังสำนักมีโทษถึงตาย!
เขาเป็นถึงรองเจ้าสำนักแต่ไม่เข้าใจเหตุผลเลยหรือไง?
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ซ่งอู่ฮุยกำลังรวบรวมกำลังคนอยู่ตอนนี้ ทุกคนในที่นั้นก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาทันที!
ก่อความวุ่นวายภายในยังพอทน!
แต่สมคบคิดกับคนนอก นี่เป็นการทรยศชัด ๆ!
ต้องถูกคนประณามด่าว่าลับหลัง!
สิ่งที่ทุก ๆ สำนักเกลียดมากที่สุดก็คือการถูกทรยศ!
แต่ซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกกลับสมคบคิดกับคนนอก เพื่อแย่งตำแหน่งเจ้าสำนัก ใครจะรับได้กันล่ะ?
คนที่ติดตามเขามาตั้งแต่แรกก็สับสนกันชั่วขณะ ตอนแรกซ่งอู่ฮุยไม่ได้พูดอย่างนี้ บอกว่าติดตามเขามีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นคือรักษาสำนักฉิวหลงเอาไว้ไม่ให้ถูกคนนอกตระกูลควบคุม และไม่ต้องการให้แผนชั่วของผู้อาวุโสใหญ่สำเร็จได้! แต่ตอนนี้ล่ะ? ซ่งอู่ฮุยกลับกล้าสมคบคิดกับคนนอก เพื่อแย่งตำแหน่งเจ้าสำนัก!
ทั้งสับสน ทั้งโมโห ทั้งถูกหลอกใช้ จนอารมณ์ที่ดูซับซ้อนปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา!
นอกจากซ่งหัวหลินที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง คนที่ช็อกที่สุดก็คงเป็นหลินเทียน เขามองไปทางพ่อของตัวเองเงียบ ๆ อยากถามว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พบว่าพ่อของเขาไม่ได้หันมามองเขาเลย
ซ่งหัวหลินที่ช็อกไปดึงสติกลับมาได้ “เหลวไหล! แกรู้หรือเปล่าว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่!”
“คุณชายซ่ง ผมจะกล้าพูดเหลวไหลได้ยังไงล่ะ” คนเฝ้าประตูตกใจกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัว : “ผมก็แค่คนเฝ้าประตูคนหนึ่ง จะกล้าล่วงเกินพวกคุณได้ยังไง ขอให้คุณโปรดมีเมตตา อย่ารังแกผมเลย อย่าทำร้ายครอบครัวของผมด้วย ผมยอมตาย แต่ขอร้องให้คุณปล่อยครอบครัวผมไปเถอะนะครับ ขอบคุณครับ!”
ประโยคนี้เป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟชัด ๆ!
ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันที!
จนถึงตอนนี้พวกเขาได้เข้าใจธาตุแท้ของซ่งอู่ฮุยแล้ว เข้าใจแล้วว่าเพื่อแย่งชิงอำนาจ ซ่งหัวหลินถึงกับใส่ร้ายป้ายสีผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขาเสียสติไปแล้ว ถึงได้ทำเรื่องน่ารังเกียจ!
“พ่อครับ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้พูดจามั่วซั่วแบบนี้!”
ซ่งอู่ฮุยค่อย ๆ หลับตาลง แล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่น ๆ : “สำนักฉิวหลง จบลงแล้ว!”