จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 741 ฆ่าๆๆ
ห้องหลงเหมินของสำนักฉิวหลง
ผู้อาวุโสใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้เจ้าสำนัก ด้วยใบหน้าภูมิใจ พร้อมจับจ้องไปยังผู้อาวุโสทั้งหลายที่อยู่ในห้องโถง ด้วยอารมณ์ที่กำลังได้ใจ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นด้วยความแก่ชรานั้น เผยอารมณ์ที่ตื่นเต้นออกมา
มีเพียงได้นั่งบนเก้าอี้ตัวนี้แล้วเท่านั้น หลินชื่อถึงรู้ว่า สำนักฉิวหลงได้อยู่ภายใต้กำมือของตนเองแล้วจริงๆ
ช่างเป็นดั่งกงเกวียนกำเกวียนจริงๆ !
ก่อนหน้านี้เขายืนอยู่ที่ห้องหลงเหมิน แต่ตอนนี้เขาได้มานั่งตรงนี้ นี่ก็คือชัยชนะของเขา
คนเขาพูดกันว่า นั่งคุกเข่านานไป ก็ลืมไปแล้วว่าการยืนขึ้นนั้นเป็นอย่างไร แต่คำนี้เอามาวางไว้ตรงหน้าของหลินชื่อ มันไม่มีค่าอะไรเลย ไม่ว่าจะนั่งคุกเข่าไปนานเพียงใด ตอนนี้เขาก็ได้ลุกขึ้นมายืนแล้ว!
หลินชื่อก็จับหนวดเคราถามไปว่า “ผู้อาวุโสรอง หลินเทียนกลับมาหรือยัง?”
“เรียนท่านผู้อาวุโสใหญ่ ยังไม่เห็นหลินเทียนเลยครับ”
หลินชื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย “งั้นก็รอไปอีกหน่อยแล้วกัน เออ ในสำนักฉิวหลงไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม? โดยเฉพาะที่บูชามังกร”
ผู้อาวุโสรองส่ายหน้าเบาๆ “เรียนท่านผู้อาวุโสใหญ่ สำนักฉิวหลงไม่มีใจคิดเป็นอื่น ที่บูชามังกรก็เช่นเดียวกัน”
“ดี ถ่ายทอดคำสั่งเจ้าสำนัก รีบดำเนินการแก้แค้นกับจอมพลโผ้จวินอย่างเต็มกำลัง เพื่อเอาขลุ่ยวิเศษกลับมา และเรียกเทพมังกรออกมา อวยพรให้สำนักฉิวหลงอยู่ยั้งยืนยง!”
ทุกคนก็รับคำสั่ง นี่คือคำสั่งของเจ้าสำนัก ใครจะกล้าขัด
ในตอนนี้เอง มีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องหลงเหมินอย่างกังวล “ผู้อาวุโสใหญ่ แน่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว………”
ผู้อาวุโสรองตวาดไปว่า “บังอาจ เอะอะโวยวายใช้ได้ที่ไหนกัน นี่เป็นการเสียมารยาทต่อห้องหลงเหมินอย่างมาก”
“ขออภัยด้วยครับผู้อาวุโสรอง” คนนั้นก็ใจสั่น แล้วก็ไปยืนข้างๆ อย่างกลัวๆ
หลินชื่อก็พูดออกมาเบาๆ ว่า “มีเรื่องไรถึงได้เป็นกังวลขนาดนั้น?”
คนนั้นก็เลยพูดออกมาว่า “มีคนคนหนึ่งบอกว่าเป็นคนของจอมพลโผ้จวิน บุกเข้ามา ไม่เพียงเท่านั้น มัน มันยังจับพี่ใหญ่มัดไว้อีกด้วยครับ!”
“อะไรนะ!” ใบหน้าแก่ๆ ของหลินชื่อก็เปลี่ยน โกรธขึ้นมาทันที
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ทุกคนในห้องหลงเหมินล้วนตกใจไปตามกัน
จอมพลโผ้จวินที่ทรมานและฆ่าเจ้าสำนักตาย บุกมาถึงที่แล้ว!
ความโกรธท่วมทั่วไปทั้งห้องหลงเหมิน จนแทบจะคว่ำทั้งห้องโถงไปได้เลย แต่ใครก็ไม่ได้สังเกตสีหน้าอันอึมครึมของหลินชื่อ
“ผู้อาวุโสใหญ่ พวกเรายังรออะไรอยู่อีก ไอ้เวรนั่นมันกล้าบุกมาถึงที่นี่ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังจับลูกของท่านไว้อีกด้วย นี่มันเป็นการดูถูกเหยียดหยามว่าสำนักฉิวหลงของเราไม่มีใครสู้มันได้”
“ผู้อาวุโสรองพูดถูกต้อง ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน คิดว่าสำนักฉิวหลงของเราไม่มีใครสู้มันได้หรือไง? ฆ่ามันเสียก็จบ!”
“……”
ตั้งแต่ผู้อาวุโสรองจนถึงผู้อาวุโสห้าล้วนโมโหกันเต็มที่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือ สู้!
คิดๆ ดูก็จริงอยู่ สำนักฉิวหลงจะต้องมันอดกลั้นอะไรแบบนี้เสียตอนไหนกัน!
ถูกคนอื่นบุกเข้ามาก็ไม่เท่าไร แต่ยังถูกคนอื่นเหยียบย่ำอยู่ใต้แทบเท้า มันเป็นการเหยียดหยามอย่างมาก เหยียดหยามเกียรติของสำนัก!
โอกาสดีแบบนี้ ใครจะยอมไปปล่อยง่ายๆ?
ความโกรธทั้งหลายค่อยๆ ลดหายไป แล้วทุกคนก็มองไปยังหลินชื่อ เห็นผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้านิ่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้อาวุโสทั้ง4คนและคนอื่นๆ ในห้องหลงเหมินก็ไม่พูดอะไรอีก
ทุกคนได้สังเกตเห็นใบหน้าที่นิ่งเย็นของผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อ แต่กลับไม่เห็นว่าเขากำลังกำหมัดไว้อย่างแน่น
นั่นน่ะสิ!
เขาเพิ่งได้ตำแหน่งมาหมาดๆ จอมพลโผ้จวินก็โผล่ออกมาอย่างกับทหารสวรรค์!
เขาไม่ยอมที่จะให้สิ่งที่เพิ่งได้มากทุกอย่าง เสียไปต่อหน้าต่อตา
“เปิดประตูรับมือกับศัตรู!”
กำลังใจของนักรบพลุ่งพล่าน ปลุกใจคน บรรยากาศในห้องหลงเหมินเริ่มคึกครื้นขึ้น
บนลานด้านนอกของห้องโถงสำนักฉิวหลง มีกำลังพลของสำนักฉิวหลงมารวมตัวกันทั้งหมด นินจาระดับต้าชี่มีแค่ผู้อาวุโสทั้ง5คน นอกนั้นเป็นระดับที่ต่ำกว่านินจาระดับต้าชี่ ประมาณ300กว่าคน ตอนที่ทั้ง300คนปรากฏตัวขึ้นมานั้น ก็เหมือนกับมีกำแพงใหญ่ มาขวางช่องทางที่จะเข้าไปในห้องโถงไว้
และตรงหน้าของพวกเขา มีเพียง5คน
แต่พอทุกคนเห็นสภาพอันน่าอนาถของหลินเทียนแล้วนั้น ก็โกรธขึ้นภายในใจ จนอยากจะฆ่าจอมพลโผ้จวินทันที เพื่อแก้แค้นให้กับเจ้าสำนัก ทุกคนได้ละเลยเหมินถงและเสี่ยวหยู่ไป แต่ก็ยังมีคนคิดในใจว่า เหมินถงไปอยู่กับคนใช้ของเจ้าสำนักได้อย่างไรกัน? ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาไปอยู่กับพวกที่มาทำร้ายเจ้าสำนักได้อย่างไรกัน?
ปัญหาทั้งหลายไม่ถูกอธิบายให้ชัดแจ้ง
แต่ก็ไม่ต้องการคำอธิบายอะไรแล้ว!
ฆ่าจอมพลโผ้จวินเสีย แล้วค่อยไปถามก็ไม่สาย
หลินเทียนก็หายใจโรยรินแล้ว ก้มหน้าฟุบอยู่ เห็นได้ชัดว่าสลบไปแล้ว แต่ทุกอย่างก็ถูกหลินชื่อจับจ้องไว้ในสายตาทั้งหมดแล้ว เขาเจ็บใจมาก แต่ตอนนี้จะวู่วามไม่ได้ แม้แต่คำสั่งก็ยังไม่กล้าสั่งออกไป ฉลาดมาทั้งชีวิต ก็คงจะไม่ยอมให้เรื่องตรงหน้ามาทำให้ในใจสับสนได้เป็นอันขาด
อีกจุดที่สำคัญคือ เขาไม่เคยเห็นจอมพลโผ้จวินมาก่อน เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนคนนี้แสร้งใช้ชื่อจอมพลโผ้จวินมาหรือเปล่า และเขาก็ไม่กล้าจะดูถูกศัตรู และไม่กล้ามองสองคนตรงหน้านี้ต่ำไป คนที่สามารถทำให้หลินเทียนบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกัน?
“ผู้อาวุโสใหญ่ ออกคำสั่งเถอะครับ ฆ่าจอมพลโผ้จวินนั้นเสีย แค่นี้ก็สามารถแก้แค้นให้กับเจ้าสำนักได้แล้ว”
มีคนเอ่ยขึ้นมา ก็ต้องมีคนเห็นด้วยเป็นธรรมดา จนเสียงของการพูดเสนอนั้นดังขึ้นกระหึ่ม
เทียนขุยเอามือปิดหู แล้วยิ้มเย็นพูดว่า “จอมพลโผ้จวิน ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับที่เสี่ยวหยู่บอกไว้ สำนักฉิวหลงเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้พวกเราด้วย”
“กลัวหรือไง?”
“จอมพลโผ้จวิน พี่น้องสำนักเจ็ดพิฆาตของพวกเรา มีคนขี้ขลาดที่ไหนกัน? ถ้าผมกลัว ผมก็คงไม่มาที่นี่หรอก” ตอนที่เทียนขุยพูดประโยคนี้อยู่นั้น ก็เต็มไปด้วยความตั้งมั่น เพราะว่าเขาเชื่อว่า ขอเพียงมีฟางเหยียนอยู่ด้วย ก็จะไม่มีอันตรายใดๆ นี่ไม่ใช่การคิดว่าพวกตัวเองนั้นเก่ง และไม่ใช่การพูดเยินยอจนเกินไป แต่นี่เป็นการให้เกียรติอย่างจริงใจ เป็นการให้เกียรติที่ส่งออกมาจากใจจริง
เพราะว่ามีเขาอยู่ ก็จะไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใดๆ ทั้งสิ้น เขาเชื่อแบบนี้
ออกสู้รบมานับไม่ถ้วน เลือดอาบทั่วร่าง เป็นตายไปด้วยกัน มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ต้องล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาจากความตาย? ถึงแม้หยินเหมินจะมีรากฐานที่มั่นคงยาวนาน ฟังแล้วดูเหมือนจะโค่นล้มได้ยาก แต่จะสามารถต้านทานต่อนักรบที่คลานขึ้นมาจากกองศพทหารด้วยกันไหวอย่างนั้นหรือ?
“ใครมาขวางจอมพลโผ้จวิน โทษตายสถานเดียว!” เทียนขุยพูดเสียงดังลั่นราวกับฟ้าผ่า ส่งเสียงดังไปทั่วทั้งลานกว้าง
ทันใดนั้นก็มีคนอดใจไม่ไหว ชี้หน้าด่าเทียนขุยออกมาว่า “อะไรกันวะ คิดว่าสำนักฉิวหลงเป็นสถานที่แบบไหนกัน? จะให้ใครมาพูดจาถ่อยๆ ก็ได้หรือไงวะ? ทางสวรรค์ดีๆ มีให้เดินมึงไม่ไป นรกไร้ประตูกลับเลือกที่จะบุกเข้ามา ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับออกไปเลยมึง!”
“ไปจัดการมันเลยไหม? ถ้าวันนี้ไม่ได้เอาชีวิตของจอมพลโผ้จวินมาสังเวยให้กับเจ้าสำนักในปรโลก พวกเราก็จะผิดต่อเจ้าสำนัก และผิดต่อสำนักฉิวหลงที่เลี้ยงดูพวกเรามา ดังนั้นวันนี้จะต้องเอาหัวของจอมพลโผ้จวินมาสังเวยให้กับเจ้าสำนักให้ได้!”
“เอาหัวของจอมพลโผ้จวิน มาสังเวยให้ท่านเจ้าสำนัก!”
“เอาหัวของจอมพลโผ้จวิน มาสังเวยให้ท่านเจ้าสำนัก!”
“……”
เสียงที่ตะโกนออกมา สะเทือนเลื่อนลั่น ความโกรธที่พลุ่งพล่าน ไม่นานก็เข้าสู่ใจของคนทั้งสำนักฉิวหลง!
หลินชื่อขมวดคิ้ว เขาพบว่าผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าจอมพลโผ้จวินนั้น ดูจะนิ่งมากเกินไป สำหรับคนฉลาดอย่างเขาแล้วนั้น ก็รู้ได้ว่าไอ้หมอนี่มีสองสิ่งที่ช่วยให้ตัวมันเองนิ่งได้ขนาดนี้ หนึ่งคือ คุ้นเคยกับเหตุการณ์ใหญ่ๆ แบบนี้ ก็เลยไม่รู้สึกอะไร ส่วนอีกด้านก็คือ หมอนี่คงจะตกใจจนเอ๋อไปแล้วหรือเปล่า?
จะมีใครที่ไหนที่เกิดมาเพื่อเหตุการณ์ใหญ่ๆ แบบนี้?
ดังนั้นเขาเชื่อมากกว่า ว่าหมอนี่จะต้องตกใจกับกำลังพลของสำนักฉิวหลงจนเอ๋อไปแล้ว!
ทั้งชีวิตของหลินชื่อ ก็เพิ่งเคยเห็นสำนักฉิวหลงรวมกำลังพลทั้งหมดแบบนี้เป็นครั้งแรก ฟางเหยียนก็แค่เด็กอายุ20กว่าเท่านั้น จะมีความกล้าแบบนี้ได้อย่างไรกัน? จะมีท่าทางไร้สีหน้าความรู้สึกงั้นหรือ? จะต้องตกใจกับบารมีของสำนักฉิวหลงจนบ้าไปแล้วแน่ๆ
แต่จากนั้นก็มีอีกสองปัญหาตามมา หนึ่ง ทำไมไอ้หมอนี่จะต้องอ้างว่าเป็นจอมพลโผ้จวินด้วย? สอง ทำไมหมอนี่จะต้องช่วยเหมินถงและคนรับใช้ชื่อเสี่ยวหยู่ด้วย แถมยังจับลูกชายตนเองมัดไว้อีก?
หมอนี่มันกินอิ่มแล้วว่างจนไม่มีอะไรทำหรือไง?
เรื่องเกิดขึ้นผิดปกติ จะต้องมีอะไรแน่ๆ ตอนที่ยังไม่อาจจะรู้ตัวตนที่แท้ของคนคนนี้ได้นั้น เขาจะลงไปเลยไม่ได้ แต่ก็สงสารลูกชายตนเอง ที่ต้องมารับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแบบนี้
ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นใคร ถ้ากล้ามาทำร้ายลูกชายของเขาแบบนี้ ก็จะต้องรู้เสียบ้างว่าความตายคืออะไร!
สีหน้าของหลินชื่อก็นิ่งขรึมไป รังสีการฆ่าเผยออกมาทางสายตา!
“ฆ่ามันเสีย เพื่อแก้แค้นให้กับเจ้าสำนัก เอาเลือดของมันมาสังเวยเจ้าสำนัก ฆ่ามัน!”