จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 748 เรียกเทพมังกร
“กระจอกงั้นหรือ?” เทียนขุยยิ้มเย็นพูดว่า “มึงยังสู้จอมพลโผ้จวินไม่ได้เลย ยังจะกล้าเรียกเขาว่ากระจอกอีกงั้นหรือ? ใครมาดูถูกจอมพลโผ้จวิน ฆ่าไม่เว้น!”
“ฆ่ากูงั้นหรือ?” หลินชื่อหัวเราะตัวโยก “ไอ้นายว่าขี้ข้าพลอย เมื่อครู่ใครไปมุดหัวหลบอยู่ข้างหลังวะ? มึงจะให้กูขำตายเลยหรือไง? ฮ่าๆๆ …….”
“มึงคงจะมีชีวิตอยู่นานเกินไปแล้วล่ะ” ฟางเหยียนพูดนิ่งๆ “ตอนนี้กูขอถามมึงหน่อย เพลิงเสวนให้มึงมาควบคุมสำนักฉิวหลง มีจุดประสงค์อะไรกันแน่? พูดออกมา บางทีกูอาจจะไว้ชีวิตมึง!”
“มึงขอร้องกูสิ คุกเข่าขอร้องกูสิ ฮ่าๆๆ ……..”
เทียนขุยก็หัวร้อนบุกเข้าไป ใช้มือข้างเดียวดึงคอเสื้อหลินชื่อมาข้างหน้า สองเท้าออกแรง แล้วหลินชื่อก็ลงไปคุกเข่าต่อหน้าฟางเหยียน
“ขอร้องกูสิ ขอร้องกู รีบขอร้องกูสิ ฮ่าๆๆ …..”
“จอมพลโผ้จวิน ผมว่าไอ้จิ้งจอกแก่นี่มันแกล้งทำ มันไม่ได้บ้าจริงหรอก”
ฟางเหยียนก็พยักหน้าเบาๆ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นกูก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะ”
พอฟางเหยียนใช้นิ้วกดไป หลินชื่อที่บ้าคลั่งก็เงียบไป สายตาก็จ้องมองฟางเหยียนไปอย่างเหม่อลอย
“เพลิงเสวนนอกจากจะให้กูมาควบคุมสำนักฉิวหลงแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นก็คือไปที่บูชามังกร เพื่อเรียก………..”
หลินชื่อพูดถึงตรงนี้ ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงล้มลงพื้นไป แล้วก็ตาย!
เทียนขุยตกใจ มีคนกล้าฆ่าปิดปากต่อหน้าจอมพลโผ้จวินเชียวหรือ!
ฟางเหยียนก็มองด้านหลัง แล้วก็เผยรอยยิ้มเย็นๆ ออกมา
“จอมพลโผ้จวิน จะต้องเป็นพวกเพลิงเสวนแอบมาฆ่าปิดปากแน่นอน เดี๋ยวผมไปตามพวกมัน” พูดจบเทียนขุยก็รีบตามออกไป แต่กลับถูกฟางเหยียนห้ามไว้
“เทียนขุย ในเมื่อพวกมันกล้าทำแบบนี้ ก็บอกได้จุดหนึ่งว่า พลังของพวกมันอยู่เหนือพวกเรา ไม่ต้องไปเสียสละอย่างไร้ประโยชน์แบบนี้”
เทียนขุยก็สะบัดมืออย่างไม่พอใจ แล้วพูดโมโหว่า “ไอ้พวกชั่วช้าสามานย์ ได้แต่ใช้อาวุธลับมาฆ่าคน!”
“วางใจเถอะ เรากับมันต้องได้เจอกันสักวัน ผมเชื่อว่าห่างจากวันนั้นไม่ไกลแล้ว”
หลินชื่อตายแล้ว!
คนทั้งสำนักฉิวหลงยังตั้งสติกลับมาไม่ได้ ทุกอย่างมันเหมือนกับฝันไป
“ยินดีต้อนรับ จอมพลโผ้จวิน。”
เสียงของซ่งหยิงทำให้ทุกคนเลิกคิดอะไรกันต่างๆ นานา แล้วก็ยืนตัวตรงเรียงแถวเป็นสองแถว ลำตัวโน้มโค้งลงเล็กน้อย สีหน้าจริงจัง
ฟางเหยียนก็ไม่วางมาด แล้วเดินตามซ่งหยิงเข้าไปในห้องหลงเหมิน
พอนั่งลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซ่งหยิงก็ให้ทุกคนออกไป ทั้งห้องหลงเหมินเหลือเพียงพวกเขา3คน
คนที่ตรงไปตรงมาอย่างซ่งหยิง ตอนนี้ก็ได้เคอะเขินทำตัวไม่ถูกขึ้นมา ในที่สุดเธอก็ได้พบกับผู้ชายที่อยากจะพบมานาน เวลานี้ เธอไม่ใช่เจ้าสำนักของสำนักฉิวหลงที่ยืนวางมาดมั่นคงอยู่ด้านนอกอีกแล้ว ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขินอาย เพราะได้พบเจอกับผู้ชายที่แอบชอบ
“จอมพลโผ้จวิน ให้ผมออกไปก่อนไหมครับ? ผมรู้สึกว่าในห้องโถงนี้ มีกลิ่นความรักเหม็นคลุ้งไปหมดเลย!”
ฟางเหยียนก็มองตาขวางใส่เทียนขุย “ผมรู้สึกว่าคุณชักจะเอาใหญ่แล้วนะ!”
“จอมพลโผ้จวินอย่าโมโหไปครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่รู้สึกทำตัวไม่ถูกก็เท่านั้นเอง”
ฟางเหยียนกไม่พูดกับเขาอีก แล้วหันหน้าไปมองซ่งหยิง คิดไม่ถึงว่าซ่งหยิงก็เงยหน้ามามองเขาพอดี จ้องมองตากันไม่พูดอะไร เวลานี้มันเหมือนมีคำพูดที่หมื่นคำ ที่ส่งออกมาโดยไม่ต้องพูด
ฟางเหยียนก็ไม่เท่าไร สีหน้านิ่งไม่เผยอะไรออกมา แต่ซ่งหยิงไม่เป็นแบบนั้น เธอหน้าแดง แล้วก็ถามออกมาจนได้ว่า “เอ่อ ครูฟาง คุณตั้งใจมาที่นี่เพื่อฉันใช่ไหมคะ?”
“ไม่ใช่ครับ” ฟางเหยียนปฏิเสธไปทันที “ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นเจ้าสำนักของสำนักฉิวหลงแล้ว งั้นผมก็พูดตามตรงเลยแล้วกัน”
ซ่งหยิงรู้สึกผิดหวัง พอได้เจอกับชายที่รักอีกครั้ง แต่กลับดูห่างเหินกันมากกว่าเดิม กลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยไปเสียได้!
ซ่งหยิงก็ยิ้มหวานๆ “ครูฟาง เชิญพูดมาเลยค่ะ”
ซ่งหยิงยังคงเคารพต่อเขาเหมือนก่อน ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะมันคู่ควร
“ก่อนหน้าที่ช่วยคุณไว้ ผมเคยบอกคุณไว้ว่า จุดประสงค์ที่ผมมาที่สำนักฉิวหลง ก็เพื่อมาทำลายแผนชั่วของเพลิงเสวน”
ซ่งหยิงพยักหน้า แล้วก็หวนคิดไปถึงตอนที่เธอลืมตามา แล้วเห็นชายที่ฝันอยากจะพบมานาน เวลานั้น เธอมีความสุขมาก เพราะว่าตอนที่เธอคิดอะไรไม่ออกแล้วนั้น ผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงปรากฏตัวออกมาเท่านั้น แถมยังช่วยเธอให้กองมาจากอันตรายทั้งปวงอีกด้วย
แต่ที่เธอติดใจก็คือฐานะของกันและกัน ซ่งหยิงพบว่า ฐานะของทั้งสองคนนั้นมันต่างกันมาก! เธอเป็นนายน้อยของสำนักฉิวหลง มีฐานะสูงส่ง ตอนั้นฟางเหยียนยังเป็นแค่ครูของมหาวิทยาลัยซีหนาน แต่ตอนนี้ เธอเพิ่งรู้ว่า ตัวตนเองฟางเหยียนนั้น เป็นเธอเองต่างหากที่ไม่อาจจะอาจเอื้อมได้ ฟางเหยียนมีฐานะเป็นถึงจอมพลโผ้จวินผู้เกรียงไกรของประเทศหวา ตำแหน่งใหญ่โต ฐานะก็สูงส่ง
ผู้หญิงทุกคนล้วนอยากจะได้พบกับเจ้าชายขี่ม้าขาวที่เป็นของตนเอง และฐานะของฟางเหยียนก็เป็นแบบนั้นพอดี
ฟางเหยียนเปิดอกถามว่า “ขลุ่ยวิเศษ มันมีเอาไว้ทำอะไรครับ?”
ตามองขลุ่ยวิเศษ ซ่งหยิงก็มีสีหน้าไม่ปกติ นี่มันเป็นของล้ำค่าที่สุดของสำนักฉิวหลง สมควรจะกลับมาอยู่ที่สำนักฉิวหลง
ซ่งหยิงส่ายหัว “ครูฟางคะ ฉันเพิ่งได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักฉิวหลง ไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้เลย แต่ว่าขลุ่ยวิเศษเป็นของล้ำค่าที่สุดของสำนักฉิวหลงเรา”
ฟางเหยียนพยักหน้า แล้วก็เหมือนจะนึกคำพูดที่หลินชื่อพูดไม่จบก่อนตาย แล้วก็ถามไปอีกว่า “หลินชื่อเอ่ยถึงที่บูชามังกร แล้วก็จะเรียกอะไรสักอย่าง มันหมายความว่าอย่างไรครับ?”
“เรียก งั้นหรือคะ?” ซ่งหยิงส่ายหัวอีก
ในตอนนี้เอง สองพ่อลูกซ่งอู่ฮุย ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องหลงเหมิน ถึงแม้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว แต่ใบหน้าก็ยังคงอ่อนล้าและทรุดโทรม
ซ่งอู่ฮุยกับมือคำนับ แล้วโน้มตัวพูดว่า “ซ่งอู่ฮุยขอทำความเคารพจอมพลโผ้จวิน ผมติดอยู่ในคุก เลยไม่ได้มาต้อนรับ ขอภัยด้วยครับ”
ฟางเหยียนกำลังจะเข้าไปช่วยพยุงตัวของซ่งอู่ฮุย แต่ถูกซ่งอู่ฮุยส่ายหัวปฏิเสธ แล้วฟางเหยียนก็ยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องขนาดนี้หรอกครับ คุณทำเพื่อสำนักฉิวหลงมามากมาย แค่นี้ก็รับโทษมากเกินไปแล้วครับ”
“จอมพลโผ้จวิน วันนั้นผมเสียมารยาทกับคุณ เพราะไม่รู้ว่าคุณคือจอมพล พูดจาอะไรไม่ดีต่อคุณ ก็ขออภัยด้วยนะครับ ให้อภัยที่ผมเสียมารยาทด้วย”
เห็นได้ชัดว่า เมื่อก่อนนี้ที่ซ่งอู่ฮุยอยู่ที่มหาวิทยาลัยซีหนาน แล้วก็เคยดูถูกฟางเหยียนไป ก็เลยรู้สึกผิด
“คนไม่รู้ย่อไม่ผิด ท่านผู้อาวุโสก็ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอกครับ”
ซ่งอู่ฮุยก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พอให้ซ่งหัวหลินทักทายแล้ว ก็ไปยืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากคุก ซ่งอู่ฮุยก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าไม่ได้จอมพลโผ้จวินที่เก่งกาจอย่างกับทหารสวรรค์มาช่วยล่ะก็ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสำนักฉิวหลงจะถูกหลินชื่อก่อความวุ่นวายไปถึงไหนแล้ว สำหรับตัวจอมพลโผ้จวินนั้น เขามีความเคารพอย่างมาก ฟางเหยียนเป็นคนช่วยเหลือสำนักฉิวหลงจากอันตราย ถือได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อสำนักฉิวหลง มารยาทที่ต้องปฏิบัติด้วยนั้น ก็จะขาดไปเสียไม่ได้
“อารอง ขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้อารองกับพี่ได้รับโทษแบบนี้” ซ่งหยิงโค้งคำนับตัว90องศา เป็นท่าทางที่ขอโทษอย่างจริงใจ
“ซ่งหยิง อารองไม่โทษหนูหรอก จะโทษก็ต้องโทษที่ใจคนมันไม่ดี คาดเดากันยาก คนบ้านเดียวกันจะเกรงใจกันทำไม อะไรมันผ่านไปแล้ว ก็ให้ผ่านไป” เห็นได้ชัดว่าซ่งอู่ฮุยก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก แล้วก็หันหน้าไปหาฟางเหยียน แล้วถามอย่างเคารพว่า “ไม่ทราบว่าจอมพลโผ้จวินมาที่สำนักฉิวหลง มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ต้องทำท่าเกรงใจขนาดนี้หรอกครับ ผมมาที่นี่ก็เพื่อ…….”
ซ่งอู่ฮุยพยักหน้า “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าจอมพลโผ้จวินมาที่สำนักฉิวหลงของเรา จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สำนักฉิวหลงของเราก็ต้องขอบคุณจอมพลโผ้จวินที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
ฟางเหยียนก็พยักหน้า และในตอนนี้เอง ซ่งอู่ฮุยก็เห็นว่าซ่งหยิงจ้องมองฟางเหยียนตลอดเวลา เขามีหรือจะไม่รู้ว่าหลานสาวตัวเองคิดอย่างไร แล้วก็พูดออกมาอย่างไม่เผยไต๋ว่า “จอมพลวางใจได้เลย ขอเพียงสำนักฉิวหลงยังมีผมอยู่ จะไม่มีทางไปเป็นหมารับใช้ให้กับพวกเพลิงเสวนเด็ดขาด และจะไม่เป็นคนชั่วที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนด้วย”
“ท่านผู้อาวุโส คุณพูดแบบนี้ ผมก็วางใจครับ ครั้งนี้ถือว่าผมมาไม่เสียเที่ยว”
“ท่านจอมพล ที่คุณพูดถึงหน้าที่ของขลุ่ยวิเศษนั้น ผมคิดว่าคุณก็ไม่ใช่คนนอกอะไร ผมสามารถบอกคุณได้บ้างครับ”
พอได้ยิน ฟางเหยียนก็สนใจขึ้นมา แล้วก็จะน้อมรับฟังอย่างจริงใจ “ช่วยเล่ามาเลยครับ”
“ขลุ่ยวิเศษมีหน้าที่เอาไว้เรียก เทพมังกร จากใต้ที่บูชามังกร!