จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 755 ฉินเข่อ
“ที่บังเอิญคือ ถ้าหากว่าไม่ได้จอมพลมาเปิดเผยจอมพลปลอมคนนั้น ฉันอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรสัตว์เพลิงแล้วก็ได้ หลังจากที่เคยผ่านเรื่องนี้มา ฉันถึงได้เข้าใจว่า ตัวเองจะทำอะไร”
สถานการณ์พลิกผัน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้น เหมือนกับฝันร้ายครอบคลุมหัวใจของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะจอมพลมาปรากฏตัว ไม่เพียงแต่เขา แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ล้วนจะกลายเป็นคนขององค์กรสัตว์เพลิงจนหมด พวกเขาก็จะกลายเป็นคนบาปของดินแดนตะวันตก
บรรยากาศในห้องโถงยิ่งเงียบกริบมากขึ้น
“แค่กๆๆ…” ผู้ว่าราชการมณฑลทำลายความเงียบ เอ่ยปากพูดว่า “สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ส่วนเรื่องของตระกูลโจว พวกคุณคิดว่ายังไง?”
หยางจิ่งเซียนคิดสักพัก พูดออกมาอย่างจนใจว่า “ถ้าหากว่าหลักฐานชัดเจน พวกเขาก็ถือเป็นการหาเรื่องใส่ตัว!”
ตระกูลโจวมีชื่อเสียงมากในดินแดนตะวันตก เรียกได้ว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะทั้งเงินทองและอำนาจต่างก็ไม่สามารถดูถูกได้ ถ้าหากว่าตระกูลโจวทำเรื่องที่เกิดอันตรายต่อดินแดนตะวันตกจริงๆ ใครก็ไม่สามารถไปขัดขวางได้
ผู้ว่าราชการมณฑลมองไปที่หยางจิ่งเซียน ถามว่า “หยางกง สำหรับตระกูลโจว คุณรู้มากน้อยแค่ไหน?”
“ตั้งแต่ครั้งก่อนที่จอมพลเคยมา ผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลย ตระกูลโจวดูเหมือนว่าจะเก็บตัวถ่อมตนลงเยอะมาก โดยเฉพาะรุ่นเล็กของตระกูลโจว โจวเจิ้ง อยู่ดีๆก็เหมือนกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เหมือนกับเขาในเมื่อก่อนเลยสักนิด แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ….”
“หยางกง พูดได้เลยไม่เป็นไร”
“ทุกท่านรู้ดี โจวปินคางนั้นแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ของตระกูลตัวเองต่อหน้าจอมพล แต่ตอนนี้เขาทำแบบนี้ ทำเอาผู้คนไม่เข้าใจจริงๆ ตำแหน่งตระกูลโจวของพวกเขาในดินแดนตะวันตกนั้นมีความสำคัญ เรียกได้ว่ามีอำนาจทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ทำไมพวกเขาถึงต้องทำแบบนี้?”
ผู้ว่าราชการมณฑลพยักหน้า แสดงออกว่าเห็นด้วย
“ในตอนที่ยังไม่เข้าใจถึงการกระทำของตระกูลโจว ผมคิดว่าพวกเราก็อย่าได้ตัดสินใจโดยไร้เหตุเลย ทุกอย่างค่อยว่ากันตอนที่จอมพลมาถึงแล้ว เป็นยังไงครับ?”
“ก็ทำได้แค่อย่างนี้แล้วละ” ผู้ว่าราชการมณฑลพูดอย่างหมดหนทาง
ดูแล้วการปรึกษาในครั้งนี้ไม่มีข้อดีอะไรเลย ปรึกษาไม่ได้ผลอะไรมาสักอย่าง แต่ผู้ว่าราชการมณฑลเข้าใจดี ว่าเขาเองก็ได้รับผลประโยชน์มาบ้าง เขารู้แล้วว่านอกจากตระกูลโจว ผู้มีอำนาจแต่ละฝ่ายต่างก็อยู่ในจุดที่อันตราย และต่างก็เป็นบุคคลที่องค์กรสัตว์เพลิงเรียกสรรหา
นี่เขาทำหน้าที่ไม่ดีงั้นหรอ?
ไม่ใช่
องค์กรสัตว์เพลิงแทรกแซงทุกมุม จะทำให้ผู้คนพบเจอง่ายดายขนาดนั้นได้ยังไงกัน และครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะจอมพลปล่อยข่าวออกมา พวกเขาคงจะถูกปิดบังอยู่ตลอดแน่นอน
ทุกคนในห้องโถงจากไปด้วยเรื่องกังวลใจ เหลืออยู่เพียงแค่หยางจิ่งเซียนและผู้ว่าราชการมณฑลเพียงสองคน
“หยางกง เรื่องนี้ คุณมีแผนยังไงบ้าง?”
“ไม่มีแผนครับ แต่พวกเราต้องกระทำตัวให้ถูก ครั้งนี้นอกจากจอมพลจะทำให้องค์กรสัตว์เพลิงหวาดกลัวแล้ว ยิ่งมากกว่านั้นก็คืออยากจะเตือนทุกตระกูลที่คิดจะเป็นองค์กรสัตว์เพลิง ให้พวกเขารู้ว่า บางเรื่องเพียงเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะทำให้เกิดเรื่องใส่ตัว
“แน่นอน คุณเองก็ไม่ต้องกังวล จากที่ทำความรู้จักกับจอมพลมา เขาไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยม และก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล”
ผู้ว่าราชการมณฑลสบายใจขึ้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก แม้ว่าตัวเขาจะรับตำแหน่งนี้ แต่ความน่าเกรงขามของจอมพลกลับกดดันเขาจนหายใจไม่ออก ตอนนี้ได้ยินที่หยางจิ่งเซียนพูด เขาก็แอบสบายใจลงมาก ก่อนหน้านี้ที่อยู่บ้านตระกูลโจว เขามีปัญหากับจอมพลเล็กน้อย เขากลัวจริงๆว่าจอมพลจะใช้โอกาสนี้มาหาเรื่อง เส้นทางชีวิตของเขาเองก็จะถึงจุดจบ
“งั้น หยางกง ฉันไม่รบกวนแล้วละ”
หยางจิ่งเซียนพยักหน้าเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน มองตามเพื่อส่งผู้ว่าราชการมณฑลจากไป ส่วนหยางซงเดินไปส่งผู้ว่าราชการมณฑลขึ้นรถด้วยตัวเอง แล้วค่อยกลับไปยังห้องโถง
“พ่อครับ นี่เป็นโอกาสที่ตระกูลหยางของเราจะสูงขึ้นนะครับ!”
“เจ้าสอง เรื่องนี้หยุดคิดซะ อย่าได้คิดเชียว” หยางจิ่งเซียนจะไม่เข้าใจความคิดของหยางซงได้ยังไงกัน ถ้าหากว่าตระกูลโจวล่มสลาย ตระกูลหยางของพวกเขาก็จะกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งโดยปริยาย และกลายเป็นตระกูลโจวที่สอง แต่เขากลับไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ความสำเร็จและล่มสลายของตระกูลโจวล้วนผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ได้รับความอิจฉาต่อว่าด่าทอ!
หยางจิ่งเซียนอย่างเขาไม่ยินดีที่จะกลายเป็นผู้นำ
เรื่องราวของเสี่ยวหงได้กลายเป็นคำเตือนอย่างหนึ่งให้เขา ตระกูลที่ยิ่งมีความยิ่งใหญ่ จะยิ่งถูกองค์กรสัตว์เพลิงจ้องมอง ตอนนี้เขาไม่ขาดอะไรสักอย่าง เงินทองอำนาจตำแหน่ง เขาไม่ขาดอะไรเลย
“ใช่สิ เจ้าสอง ตอนนี้ตระกูลโจวมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”
“พ่อครับ ตระกูลโจวนอกจากถ่อมตนลงเยอะแล้ว ก็อยู่เฉยๆไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยครับ หรือว่าจะเป็นอย่างที่จอมพลพูดจริงๆ ตระกูลโจวเป็นลูกน้องขององค์กรสัตว์เพลิงแล้วจริงๆงั้นหรอครับ?”
“คำพูดของจอมพล ยังจะปลอมด้วยหรอ?”
“พวกเขาทำเพื่ออะไรครับ?”
“เพื่ออะไร? มีเยอะเลย สิ่งที่ตระกูลโจวอยากจะได้ คงจะไม่ใช่แค่ดินแดนตะวันตกเพียงแค่นั้น!” เมื่อพูดถึงนี่ สายตาของหยางจิ่งเซียนก็มีความกังวลเพิ่มเข้ามา “รู้จักคนหนึ่งนั้นง่าย แต่จะรู้ใจเขานั้นยาก รู้หน้าไม่รู้ใจ!”
“พ่อครับ งั้นพวกเราควรจะทำยังไง?”
“รอ!” จู่ๆหยางจิ่งเซียนก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วถามว่า “เข่อเข่อ ยัยหนูนั่นไปไหนแล้ว?”
“เมื่อกี้ยังอยู่เลยครับ ไม่รู้ไปไหนแล้ว”
“แย่ละ!” หยางจิ่งเซียนตัวกระตุก สำหรับหลานสาวคนนี้ของเขาแล้ว เขารู้จักดีมาก ตอนนี้จะต้องหนีไปหาจอมพลแล้วแน่ๆเลย จะต้องแย่แน่ๆแล้ว!
“เจ้าสอง รีบไปพาตัวเข่อเข่อกลับมา จำไว้ว่าห้ามทำให้จอมพลโมโหเด็ดขาด เข้าใจมั้ย?” หยางจิ่งเซียนนึกคิด แล้วก็เรียกหยางซง “ช่างเถอะ ฉันไปเองดีกว่า จำไว้ นายจะต้องสังเกตการเคลื่อนไหวของตระกูลโจวให้ดี มีเรื่องอะไรก็ให้บอกกับฉันตลอด เข้าใจมั้ย? ใช่สิ เรียกเจ้าใหญ่กลับมาด้วย ให้เขาควบคุมดูแลธุรกิจทั้งหมดอย่างเข้มงวด เพื่อภาพรวม”
หยางซงพยักหน้า เขาไม่เคยเห็นพ่อของตัวเองกังวลขนาดนี้มาก่อน เขาเองก็สัมผัสได้ว่าครั้งนี้ดินแดนตะวันตกจะเกิดความสั่นสะเทือน ไม่เพียงเท่านี้ ดินแดนตะวันตกคงจะเกิดการพลิกผันด้วยแล้ว
เขาาคาดเดาไม่ผิด ดินแดนตะวันตกเกิดการพลิกผันจริงๆ!
ผู้มีอำนาจทั้งเก้าที่ออกจากจวนหยาง เริ่มเก็บตัวทำตัวดีๆแล้ว!อย่างแรกเลยก็คือเก็บอำนาจของตัวเอง โดยเฉพาะที่มีการทำธุรกิจกับตระกูลโจว ต่างก็หยุดทั้งหมด ไม่ก็ทิ้งทั้งหมดไม่เอาอะไรแล้ว
ผู้มีอำนาจทั้งหลายในดินแดนตะวันตก ต่างก็มีอันตราย กลัวว่าจะถูกโดนไปด้วย
ถนนแห่งหนึ่งในดินแดนตะวันตก ถนนที่เดิมทีมีผู้คนคึกคัก ได้กลายเป็นผู้คนน้อยและสงบเงียบในทันตา จากผู้คนมากมายกลายเป็นพื้นที่ไร้คน
การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงทำเอาผู้คนตื่นกลัวไม่น้อย ในนั้นรวมทั้งฉินเข่อและหลินยียีที่แอบหนีออกจากบ้าน
“เข่อเข่อ ทำไมผู้คนในถนนถึงได้มีท่าทางร้อนรนแบบนั้นละ?”
“ใช่สิ” ฉินเข่อจ้องมองผู้คนรอบข้างที่สีหน้าตื่นตกใจ เธอเองก็ตกใจไปด้วย แม้ว่าดินแดนตะวันตกจะเทียบไม่ได้กับเมืองใหญ่ แต่ที่ผ่านมาการค้าขายก็รุ่งเรือง นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวมีเข้ามาไม่ขาดสาย และมีจำนวนไม่น้อยเลย ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูตื่นตกใจขนาดนี้กัน?
สิ่งที่พวกเธอผู้หญิงสองคนไม่รู้คือ เรื่องราวแบบเดียวกันกำลังเกิดขึ้นในทุกท้องถนนของดินแดนตะวันตก!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?” หลินยียีถามอย่างหวาดกลัว เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ความหวาดกลัวจึงห้ามไม่ได้ “คุณหนูเข่อเข่อ พวกเราไม่รอคนในใจของคุณแล้วดีมั้ย พวกเรากลับบ้านกันก่อน ฉันกลัวอยู่นิดหน่อย”
อย่าว่าแต่หลินยียีที่กลัวเลย แม้แต่ฉินเข่อเองก็ตกใจไม่น้อย ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกเลย
ใบหน้าของฉินเข่อตื่นตกใจ แต่เธอพยายามให้ตัวเองดูนิ่งเฉยมากที่สุด “ยียี พวกเรารอสักพักเถอะ นี่คือถนนเส้นเดียวที่เข้าสู่ดินแดนตะวันตก ฉันจะต้องรอจนเขาเข้ามาให้ได้”
“โอเค….” จู่ๆหลินยียีก็อุทานออกมา อยากจะเตือนฉินเข่อแต่ก็ไม่ทันแล้ว ร่างกายหนึ่งชนเข้าใส่เธออย่างแรง!
ปึง!
ฉินเข่อถูกชนล้มลงกับพื้น ส่วนผู้ชายที่ชนเธอก็เซไปหลายก้าว แล้วก็ด่าทอออกมาว่า “เหี้ย ใครที่ไหนที่ไม่มีตามันมาขวางทางกูวะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึไง”
หลินยียีตกใจจนหน้าซีด พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
นี่คือนักเลงคนหนึ่ง ใช้โอกาสที่วุ่นวายไปปล้นร้านทอง แล้วถูกคนไล่จับจึงได้รีบร้อนลนลานจนชนเข้าใส่ฉินเข่อ นักเลงที่เดิมทีกำลังด่าทออยู่ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที บนใบหน้าปรากฏความโลภและความปรารถนาออกมา!