จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 757 ไม่เมตตาเลยสักนิด
ในเวลาที่ฉินเข่อเจออันตราย ผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏตัวอีกแล้ว ครั้งก่อนอยู่ที่สำนักไร้หน้าในภูเขาลึก ในตอนที่เธอเจออันตรายที่จะตายได้ทุกเมื่อ ผู้ชายคนนี้ปรากฏตัวและช่วยเธอไว้ และในครั้งนี้เขาก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
“เหี้ย!” เมื่อเห็นภาพนี้ เทียนขุยอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา และสะกดกลั้นความโมโหไว้ พูดด้วยความโมโหอย่างหนักว่า “จอมพลโผ้จวินครับ จะจัดการยังไงครับ!”
คนที่เดินมานั่นก็คือพวกฟางเหยียน เขามองไม่เห็นฉินเข่อ จุดที่สายตามองเห็นมีเพียงแค่ผมยุ่งเหยิงสองหัว หญิงสาวที่ร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะ และมีความหวาดกลัวอย่างมาก
ในที่ที่เขาปกป้องดูแล กลับเกิดเรื่องฆ่าแกงและข่มขืนขึ้นกลางถนน เขาโมโหมากจริงๆ!
“เทียนขุย นายจัดการตามสบายเลย!”
เทียนขุยรับคำสั่ง พุ่งเข้าใส่ไอ้นักเลงด้วยความโมโห ไม่มีคำพูดไร้สาระ ส่งฝ่าเท้ากระทืบเข้าใส่โดยตรง
ไอ้นักเลงส่งเสียงกรีดร้องออกมา ไม่มีไข่แล้ว แตกแล้ว!
ฝ่าเท้ากระทืบเข้าใส่อีกครั้ง ได้ยินเพียงแค่เสียงฉึกหนึ่งที กระดูกฝ่าเท้าของไอ้นักเลงหักและก็มีเสียงกรีดร้องอีกครั้ง
เสียงกรีดร้องยังดำเนินต่อไป เทียนขุยตัดแขนขาทั้งสี่ของไอ้นักเลงแล้ว ในขณะที่กำลังจะเหยียบหัวของไอ้นักเลงนี่แตกออก ไอ้นักเลงก็ตะโกนออกมาอย่างพูดไม่ชัดว่า “กูทำงานกับโจวเจิ้ง ถ้ามึงแม่งกล้าฆ่ากูทิ้ง กูจะฆ่ามึงทั้งบ้าน!”
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว บังเอิญจริงๆ!
“ตระกูลโจว โจวเจิ้ง ดีมาก!”
“ทำงานกับใคร วันนี้แกก็ต้องตาย และยังเป็นการตายทรมานด้วย!”
ฝ่าเท้าของเทียนขุยห่างจากไอ้นักเลงเพียงน้อยนิด กลับถูกฟางเหยียนห้ามไว้ เทียนขุยพูดอย่างโมโหไม่พอใจว่า “จอมพลโผ้จวินครับ คุณจะไว้ชีวิตไอ้เลวนี่งั้นหรอครับ?”
“ขยะแบบนี้ตายไปก็ไม่เสียดาย!”ฟางเหยียนพูดอย่างเย็นชา
“งั้นผมทำให้มันพิการครับ!”
“หยุดก่อน ฉันถามคำถามหนึ่งก่อน”
ไอ้นักเลงตอนนี้ตัวเต็มไปด้วยเลือด ท่วมไปทั้งตัว เดิมก็ถอดเปลือยตัวอยู่แล้ว ดูแล้วเหมือนกับคนท่วมเลือด แขนขาทั้งสี่ขาด มีชีวิตอยู่ก็เป็นเพียงแค่คนพิการเท่านั้น
เทียนขุยช่วยไอ้นักเลงปิด “ไอ้นั่น” ไว้ นี่เป็นการช่วยเขาปิดไว้ไม่ให้อายงั้นหรอ? ไม่ใช่! แค่ไม่อยากให้มันทำให้ดวงตาของจอมพลโผ้จวินสกปรกก็เท่านั้น!
ไอ้นักเลงกรีดร้องอย่างหนัก จ้องมองชายหนุ่มที่เดินมาหาเขาอย่างอ่อนแรง เขายังแอบดีใจ ที่เขาอ้างชื่อโจวเจิ้งออกมาช่วยชีวิตเขาในเวลาที่สำคัญได้ทัน และเขาก็ไม่ต้องตายแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาของเขาแล้ว!
เมื่อนึกถึงว่าเขาต้องทรมานไปทั้งชีวิต เขาก็ตัดสินใจแล้วว่า จะให้สองคนนี้ลิ้มลองความเจ็บปวดที่เขาได้รับ!
จินตนาการนั้นสวยงาม แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้าย!
ในตอนที่เขาแอบคิดไปเอง จู่ๆรองเท้าบูตคู่หนึ่งก็ทำลายจินตนาการของเขาจนหมด
ปึก!
รองเท้าบูตเหยียบลงที่หัวของไอ้นักเลง ไม่ว่าเขาจะพยายามขัดขืนยังไง ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากรองเท้าบูตคู่นั้นได้
ขัดขืนไปสักพัก ไอ้นักเลงก็ตะโกนด่าออกมา “แม่มึงเอ้ย ยังไม่ปล่อยกูอีก กูจะฆ่ามึง มึงเชื่อมั้ยห๊ะ กู อ๊าก….”
เสียงของไอ้นักเลงถูกขัด และเสียงที่มาแทนที่ก็คือเสียงกรีดร้องที่เหมือนหมูโดนเชือด เขารู้สึกเพียงแค่ว่าหัวกำลังจะถูกเหยียบแบนแล้ว!
“ฉันถาม แกตอบ!”
“ตอบแม่มึงสิ….”
ฟางเหยียนออกแรง ไอ้นักเลงรู้สึกเพียงว่าโลกหมุนไปหมด และสมองก็รู้สึกขาดอากาศ
“ผม จะเชื่อฟัง”
เมื่อไอ้นักเลงพูดจบ เขาถึงรู้สึกได้ว่าแรงเหยียบบนหัวเบาลงเยอะ
เทียนขุยยิ้มเยาะ “กล้าอวดเก่งต่อหน้าจอมพลโผ้จวิน เป็นการหาเรื่องไม่ใช่หรือไง!”
“โจวเจิ้งเป็นคนสั่งให้แกทำแบบนี้?”
“ไม่ใช่ครับ ผมปล้นร้านทอง แล้วมาชนใส่ผู้หญิงคนนี้ แล้วหน้ามืดตามัวความโลภขึ้นสมอง ถึงได้ไร้สติทำเรื่องผิดครับ” ไอ้นักเลงพูดจบ ก็ร้องขอความเมตตา “พี่ใหญ่ ไม่ ท่านครับ ไม่ คุณท่าน ปล่อยผมไปได้มั้ยครับ เลือดของผมจะไหลหมดตัวแล้ว ผมจะตายแล้ว ถ้าหากว่าคุณชายโจวรู้เขาจะต้องขอบคุณคุณแน่นอนครับ จริงๆครับ!”
ไอ้นักเลงนี่เก่งจริงๆ จนตอนนี้ยังมองสถานการณ์ไม่ออกอีก ยังจะข่มขู่? ก็จริง ตระกูลโจวถือว่ามีอำนาจครอบคลุมมหาศาลในดินแดนตะวันตก มีปัญหากับตระกูลโจวยังจะอยากมีชีวิตอยู่มั้ย?
“ดีมาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นแกก็ไปตายได้แล้ว!”
“คุณท่านครับ คุณจะปล่อยผมไปไม่ใช่หรอ? อ๊า คุณไม่รักษาคำพูด อ๊า”
“สำหรับขยะอย่างแกแล้ว ยังอยากมีชีวิตอยู่ แกคู่ควรงั้นหรอ?”
พูดจบ ฟางเหยียนเหยียบลงอย่างแรง แต่กลับถูกเสียงหนึ่งห้ามขึ้น ในน้ำเสียงนี้มีความโมโหอย่างมากแฝงอยู่ด้วย
“ชีวิตของมันฉันขอจัดการครับ!”
ไม่รอให้ฟางเหยียนตั้งตัว ฉินเข่อก็ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดเธอกลับไม่สนใจสักนิด แล้วยกขาขึ้นเหยียบใส่หัวไอ้นักเลงนั่นรัวๆ ไม่นาน ไอ้นักเลงก็เลือดท่วมตัว ระบาดความโกรธออกอย่างมาก
คิดดู รองเท้าส้นสูงเหยียบใส่หัวเป็นความรู้สึกยังไง?
“ไอ้สารเลว ฉันจะฆ่าแก ฆ่าคุณลุงคุณป้า แล้วยังอยากจะข่มขืนฉัน ฉันเหยียบ เหยียบแกให้ตาย….”
ทุกครั้งที่ฉินเข่อเหยียบลง หัวของไอ้นักเลงก็จะมีรูเพิ่มขึ้น แต่เธอกลับไม่สนใจสักนิด จนกระทั่งหมดแรง ไอ้นักเลงนั่นก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
หลินยียีอึ้งตาค้างไปแต่แรกแล้ว ฉินเข่อในด้านนี้ทำเอาเธอตกใจ
หยางจิ่งเซียนพาลูกน้องรีบเดินเข้าไป เดินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “เข่อเข่อ มันตายไปแล้ว”
เสียงที่คุ้นเคย ยังไม่ทันหันหลัง หยางจิ่งเซียนก็กุมมือโค้งคำนับอย่างเคาะ “ขอบคุณที่จอมพลช่วยฉินเข่อไว้ครับ ขอบคุณมากครับ”
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย “หยางกง ไม่เจอกันนานเลย”
หยางจิ่งเซียนเงยหน้า ใจกระตุกไปหนึ่งที ใบหน้าแก่ๆถึงกับกระตุกด้วย ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวไปหลายก้าว เพราะว่าเขาเห็นชายหนุ่มที่สร้างเรื่องในจวนของเขาในวันนั้น และผู้ชายคนนี้ก็เป็นผู้ช่วยของเสี่ยวหง ชายหนุ่มที่เกือบจะทำลายตระกูลหยางจนหมด และชายคนนี้ก็ทำร้ายจอมพลด้วย
แน่นอนว่าชายคนนี้ก็คือเทียนขุย!
เทียนขุยเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติของหยางจิ่งเซียน อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ผมหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรอครับ? คุณท่าน?”
ฟางเหยียนยังเรียกว่าหยางกง นั่นคือให้เกียรติ เทียนขุยอย่างเขานั้นไม่กล้าเรียกไอ้แก่หรอก
หยางจิ่งเซียนมองเทียนขุยอย่างหวาดกลัว ฟางเหยียนจึงได้อธิบาย พูดถึงสิ่งที่เทียนขุยต้องพบเจอให้ฟังง่ายๆ เขาจึงได้สบายใจมากขึ้น
เขาหยางจิ่งเซียนกลัวจริงๆ
เทียนขุยเป็นถึงรองผู้นำของสำนักเจ็ดพิฆาต และก็เป็นคนที่เกือบจะทำลายตระกูลหยางทิ้ง
หยางจิ่งเซียนค่อยๆปล่อยวางความกลัว แต่ในแววตาก็ยังมีความหวาดกลัวอยู่
ฟางเหยียนทำลายความเงียบ “คุณบอกว่านี่คือฉันเข่อ?”
“ใช่ครับ” หยางจิ่งเซียนพูด “ยัยหนูนี่ได้ยินว่าจอมพลจะมาที่ดินแดนตะวันตก จึงได้แอบหนีออกจากบ้านมารอจอมพลครับ”
หยางจิ่งเซียนเองก็มีชีวิตอยู่มานานแล้ว เขาเองก็คาดหวังว่าหลายสาวของตัวเองจะได้มีความสัมพันธ์กับจอมพล เพียงแค่ได้คบกับจอมพล ตระกูลหยางของเขาก็จะได้ยกสูงขึ้นอีกระดับ ดังนั้นเขาจึงจงใจพูดอย่างนี้
เมื่อได้ยินคำนี้ เทียนขุยก็อึ้งไปอีกครั้ง ดวงผู้หญิงของจอมพลนี่มันแรงจริงๆเลย!
ฟางเหยียนสีหน้านิ่งเฉย เขาฟังความหมายในคำพูดของหยางจิ่งเซียนออก แต่มีคนๆหนึ่งไม่พอใจแล้ว นั่นก็คือชิงตี้!
เห็นเพียงว่าเธอควงแขนของฟางเหยียนไว้ พูดอย่างสนิทสนมว่า “ที่รัก นายโดดเด่นเกินไปก็เหมือนว่าจะเป็นความผิดนะ! ก็จริง สามีของฉันเก่งขนาดนี้ จะต้องมีผู้หญิงไม่น้อยอยากมอบตัวให้อยู่แล้ว!”
สามี!
ใบหน้าของหยางจิ่งเซียนกระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง เขารู้สึกเพียงแค่ว่าใบหน้าแก่ของเขาเจ็บแสบร้อนไปหมด นายหญิงตัวจริงมาแล้ว แล้วยังหน้าตาสะสวยสวยงามมากด้วย เขากลับยังอยากผลักดันหลานสาวของตระกูลตัวเองให้กับจอมพล นี่มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆไม่ใช่รึไง?
ช่างน่าละอายจริงๆ!
ไม่เพียงแต่หยางจิ่งเซียนที่รู้สึกตกใจ คนที่ตกใจยังมีฉินเข่อ คำว่าสามีก็เหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงใส่เธอ ทำให้เธอนิ่งค้างอยู่กับที่ทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อเธอเห็นผู้หญิงที่ควงแขนของฟางเหยียนอย่างสนิทสนม เธอกลับแอบรู้สึกด้อยค่า เธอเป็นถึงอันดับหนึ่งในสามสาวดาวมหาวิทยาลัยซีหนาน ความสวยงามมากมาย แต่ต่อหน้าของชิงตี้กลับถูกบดบังจนหมด
ชิงตี้สวยขนาดนั้น เสื้อสีขาวเหมือนดั่งเทพธิดา เหมือนกับเทพธิดาที่ไม่ใช่โลกมนุษย์ สวยงามมากมาย ไม่ว่าทำอะไรก็ทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้
ความสวยของเธอ ทำเอาผู้คนลุ่มหลง ทำให้คนไม่สามารถต้านทานได้ ทำเอาผู้คนหวั่นไหวและหลงใหล
หยางจิ่งเซียนเก็บกดความขมขื่น พูดอย่างเคารพว่า “สวัสดีครับคุณนาย ตาแก่อย่างผมพูดผิดไปแล้วครับ”
ชิงตี้เหลือบมองหยางจิ่งเซียน และหันหน้าไปพูดกับฟางเหยียนว่า “ที่รัก พวกเราควรไปกันแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าชิงตี้ไม่อยากสนใจหยางจิ่งเซียน และก็กลัวว่าฟางเหยียนจะเปิดโปงเธอ
“จอมพลรอก่อนครับ ผมมาที่นี่เพื่อมาต้อนรับจอมพลครับ”
“ทำไม? ตระกูลหยางเองก็อยากเข้ามาแทรกงั้นหรอ?”