จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 764 ขึ้นอยู่กับเธอทั้งนั้น
เมื่อเห็นฟางเหยียนออกมาแล้ว ชิงตี้จึงเอ่ยถามอย่างอดใจรอไม่ไหว: “ที่รัก เป็นไงบ้าง คุณฆ่าเฒ่าประหลาดนั่นแล้วหรือยัง?”
เทียนขุยก็อยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน เพราะแรงสั่นสะเทือนสองครั้งเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารับรู้ได้ถึงคลื่นกำลังภายในอันแข็งแกร่งยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
ฟางเหยียนจ้องชิงตี้ตาเขม็ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ถึงเวลาบอกจุดประสงค์ของเธอให้ฉันรู้แล้วนะ”
ชิงตี้เข้าใจโดยทันที ทว่าฟางเหยียนไม่ได้เอ่ยตรงๆ กลับทำให้เธอเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง: “ที่รัก คุณฆ่าเฒ่าประหลาดแล้วเหรอ?”
ชิงตี้ก็รับรู้ได้ว่าฟางเหยียนแปลกๆ ไป ถูกต้อง เขาเย็นชายิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก เย็นชาราวกับน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว โดยเฉพาะความเย็นชาที่อยู่ในสายตาของเขา ช่างทำให้ผู้ได้เห็นต้องหวาดกลัว สัมผัสได้ถึงความเย็นที่เข้าไปลึกถึงกระดูกดำ
ความเย็นชาในครานี้ของเขานั้น ราวกับหมาป่าตัวหนึ่งที่หิวกระหาย กำลังจับต้องเหยื่อล่าอันอวบอิ่มน่ารับประทานอยู่
“พูด!”
ชิงตี้ได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งทันที และเอ่ยขึ้นด้วยความกล้าๆ กลัวๆ: “ฉันอยากให้คุณเข้าร่วมเพลิงเสวน!”
ฟางเหยียนขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม!
นี่น่ะหรือจุดประสงค์ที่ชิงตี้ต้องการให้เขากำจัดเฒ่าประหลาดตระกูลโจวแห่งดินแดนตะวันตก?
เขาเข้าร่วมเพลิงเสวนได้หรือ?
นี่กำลังเป็นการล้อเล่นอยู่มิใช่หรือ?
เพลิงเสวนฆ่าเทียนหม่า สหายของเขา แถมยังทำให้ผู้กล้าแห่งสำนักเจ็ดพิฆาตพันกว่าคนต้องมาประสบหายนะล้มตายกันเป็นระนาว เขาและเพลงเสวนนั้นมีความเคียดแค้นกันชนิดที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ เขาจำต้องโค่นล้มเพลงเสวนทั้งหมดให้จนได้ ทว่าบัดนี้จะมาบอกให้เขาเข้าร่วมเพลิงเสวน ช่างเป็นความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนเสียจริง สหายเหล่านั้นต้องมาตายเสียเปล่าอย่างนั้นหรือ? ความแค้นของพวกเขาผู้ใดจะมาแก้แค้นให้?
บัดนี้ไม่เพียงแต่เป็นความแค้นของสหายเขาที่ต้องแก้แค้น ทว่าเพลิงเสวนได้ทำการวางหมากไว้ยกใหญ่แล้ว ไม่ทราบว่าคิดจะทำอะไรกันแน่ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องการที่จะกำจัดเพลิงเสวนยิ่งขึ้น ไม่มีทางที่จะให้พวกเขาทำเรื่องเลวทราม ทำลายประเทศชาติต่อไปได้อีกแล้ว ก้อนเนื้อร้ายนี้เขาจำต้องกำจัดทิ้งให้จนได้ ไม่เพียงเท่านี้ ฟางเหยียนยังจะทำให้พวกเขาเพลิงเสวนหายสาบสูญไปจากประเทศหวาอีกด้วย!
หากเพลิงเสวนไม่ถูกกำจัดไป ฟางเหยียนก็จิตใจไม่สงบ!
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นพูดละก็ บัดนี้ก็คงมีหญ้าขึ้นเต็มสุสานสูงชะลูดแล้ว!
เทียนขุยได้ยินก็ตัวสั่น เกือบจะเอ่ยด่าทอไปแล้ว!
ตั้งแต่โบราณมา เพลิงเสวนก็คือองค์กรที่พวกเขาจำต้องสังหารทิ้ง จะไปเข้าร่วมอยู่ข้างในด้วยได้อย่างไร เทียนขุยเป็นชายชาตรีที่ตรงไปตรงมาผู้หนึ่ง จึงไม่สามารถอภัยให้ได้โดยปริยาย เขาก้าวเท้าหมายจะต่อสู้ ชิงตี้สีหน้าถอดสี ยกมือตั้งการ์ด
โครม!
มุมปากเทียนขุยเผยเป็นรอยยิ้มอันเย็นชา เขามองข้ามสิ่งหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง ชิงตี้ก็คือนินจาเช่นกัน และเขาแน่นอนว่ามิใช่คู่ต่อสู้ของชิงตี้เลย การปะทะเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย!
“นายบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมมาโจมตีฉัน!” ชิงตี้ตะคอกน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันควรที่จะกำจัดแกทิ้งไปตั้งนานแล้ว จะได้ไม่ให้แกมาปล่อยข่าวลือที่ทำให้คนเข้าใจผิดอยู่ที่นี่ ใช้แผนการหลอกล่อให้คนอื่นเชื่อ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เทียนขุยก็พุ่งเข้าไปอีกรอบ ทว่าฟางเหยียนห้ามปรามไว้ได้ทัน
“พอได้แล้ว!”
ทั้งสองคนชักมือกลับทันที ทว่าก็ยังคงจับจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างระมัดระวังเช่นเคย แรงอำมหิตที่อยู่ในดวงตาของเทียนขุยแข็งกร้าว มองชิงตี้ด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวกราดเย่อหยิ่ง มองดูฝั่งชิงตี้กลับมีสีหน้าเกรี้ยวกราดและหยิ่งผยอง ไร้ซึ่งความกลัวต่อแรงอำมหิตของเทียนขุยแม้แต่นิดเดียว
“โผ้จวิน ยัยปีศาจคนนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นก็ควรที่จะฆ่ายัยปีศาจคนนี้ไปซะ ที่แท้การที่เขาเข้าใกล้คุณทีละก้าวแบบนี้ ก็เพื่อต้องการให้คุณเข้าร่วมเพลิงเสวนด้วยนี่เอง การกระทำที่ราวสติฟั่นเฟือนแบบนี้ เขาก็กล้าพูด โผ้จวิน คุณสั่งการเลยเถอะ ให้ผมกำจัดยัยปีศาจนี้ซะ!”
เห็นได้ชัดว่า เทียนขุยที่ความเกรี้ยวกราดสะสมมาเนิ่นนาน ได้ปะทุขึ้นมาโดยสิ้นเชิงแล้ว!
โดยเฉพาะความแค้นต่อการตายของเทียนหม่าสหายรัก ได้สะเทือนเข้าไปในจิตใจของนักรบ!
และบัดนี้จะมาให้เขาถวายกายไปอยู่ฝั่งศัตรู ลืมความแค้นของเหล่าสหาย เขาจะไปทนได้อย่างไร!
“เอาละเทียนขุย ฉันเข้าใจความคิดของนายดี ความแค้นของสหายไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกับศัตรูได้ ฉันจะลืมความแค้นของสหายได้อย่างไร? เพลิงเสวนต้องถูกกำจัดเท่านั้น จะให้มันอยู่เพื่อเป็นภัยต่อเราไม่ได้!”
เทียนขุยฝืนระงับโทสะเอาไว้ เขาเชื่อในสหายของเขา และเชื่อในโผ้จวินยิ่งกว่า ทว่าชิงตี้กลับมีสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อย
ฟางเหยียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เย็นชาจนทำให้คนได้ยินสัมผัสได้ถึงแรงลมอันเย็นยะเยือก: “บอกฉันมา ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอคืออะไร”
“ฉัน…”
ชิงตี้กำลังจะตอบกลับ ทว่าบัดนี้ โจวปินคางอยู่ๆ ก็เดินออกมา อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยว่า: “จอมพล คุณออกมาแล้วเหรอ? ไม่ทราบว่าคุณได้รับคำตอบที่คุณต้องการแล้วหรือยัง?”
โจวปินคางจ้องหน้าฟางเหยียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการตั้งตารอคอย แม้แต่ชิงตี้ก็เป็นเช่นนั้นด้วย เธอต้องการทราบยิ่งว่าฟางเหยียนได้ฆ่าเฒ่าประหลาดแล้วหรือยัง ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็สัมพันธ์ถึงว่าภารกิจของเธอจะสำเร็จหรือไม่
“ตระกูลโจวเป็นตระกูลที่จงรักภักดี”
สิ้นเสียง ก็มีทั้งคนปีติและคนที่โศกเศร้า!
ผู้ที่ปีติยินดีแน่นอนว่าต้องเป็นโจวปินคาง เขาตื้นตันใจจนน้ำตาเอ่อ ทว่าผู้ที่โศกเศร้านั้นแน่นอนว่าเป็นชิงตี้ ราวกับว่าเธอเข้าใจอะไรบางอย่าง ทว่าก็ราวกับไม่เข้าใจอะไรเลย สรุปก็คือเธอมึนงงสับสนจนหาที่เปรียบไม่ได้
โจวปินคางคุกเข่าลงเบื้องหน้าฟางเหยียน พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้งใจ: “จอมพลช่างเป็นนักรบผู้กล้า ความสามารถโดดเด่น สายตาแหลมคม คุณคืนความบริสุทธิ์ใจให้กับตระกูลโจวผม คืนความบริสุทธิ์ใจให้กับตระกูลโจวผมแล้ว”
ฟางเหยียนประคองโจวปินคางขึ้นมา เอ่ยเสียงทุ้ม: “เจ้าตระกูลโจว เรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ต้องขออภัยด้วย ขอให้เจ้าตระกูลโจวอย่าได้ถือโทษโกรธ ผมก็จำใจต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน”
โจวปินคางเอ่ยด้วยอารมณ์ซาบซึ้งใจ น้ำเสียงสั่นเครือ: “จอมพลพูดอะไรกัน ผมจะไม่ให้อภัยกับเรื่องแค่นี้ได้อย่างไร? ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ผมก็คงไม่ยอมเชื่อแน่นอน แต่ว่าตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้จอมพลเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว นั่นมันก็เพียงพอแล้วละ”
ฟางเหยียนใช้มือขวากำหมัดมือซ้ายวางบนหมัดขวา เอ่ยว่า: “เจ้าตระกูลโจว การเข้าใจผิดครั้งนี้ได้คลี่คลายแล้ว อีกทั้งผมก็จะคืนชื่อเสียงให้แต่ตระกูลโจว กอบกู้ความเสียหายที่เกิดจากการถูกปรักปรำที่ประสบแก่ตระกูลโจว”
ผิดไปแล้วก็แล้วกันไป ลูกผู้ชายสามารถผ่อนปรนกันได้ ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด แล้วส่งผลเสียหายให้แก่ตระกูลโจว คำขอโทษสักคำก็เป็นสิ่งสมควร และนี่ก็คือหลักการและขอบเขตของการเป็นมนุษย์ของฟางเหยียน
โจวปินคางดีใจที่ผลลัพธ์ดีกว่าที่คาดหวังไว้ จึงได้เอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ: “เป็นแบบนี้ก็ดีๆ การที่ประเทศหวามีคุณอยู่ มันช่างโชคดีเสียจริง ช่างโชคดีเสียจริง”
“จริงสิ จอมพล ท่านปรมาจารย์ได้สั่งการอะไรหรือไม่?”
ฟางเหยียนส่ายหน้าเบาๆ เอ่ยเสียงทุ้ม: “เขาแค่บอกว่า ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็เรียกเขาได้ ตระกูลโจวจะช่วยเหลือเต็มที่”
โจวปินคางพยักหน้า: “ความรุ่งโรจน์ของประเทศ คือความรับผิดชอบของประชาชน นี่คือสิ่งที่พวกเราควรจะทำ”
“จอมพล ได้โปรดเชิญทางนี้ ผมเตรียมสุรารสดีพร้อมนางบำเรอไว้ต้อนรับจอมพลแล้ว น้ำใจนี้จอมพลอย่าได้ปฏิเสธเลย จะได้ให้ผมต้อนรับแขกอย่างสมเกียรติเสียหน่อย”
เดิมทีก็รู้สึกผิดต่อตระกูลโจวอยู่แล้ว แน่นอนว่าเขาจึงไม่กล้าที่จะหักหน้าเจ้าตระกูลโจว จึงได้พยักหน้าเบาๆ โจวปินคางเห็นดังนั้นจึงดีใจออกนอกหน้า พร้อมทั้งไปจัดเตรียมสถานที่ด้วยความร่าเริง ทว่าเพิ่งเดินจากมาได้ไม่กี่ก้าว อยู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงตบศีรษะตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นจึงนำทางฟางเหยียนและที่เหลือไปนั่งที่ห้องรับรอง และค่อยไปเตรียมอาหารเย็น
ภายในห้องรับรอง
ฟางเหยียนดื่มน้ำชาเข้าไป จากนั้นเอ่ยว่า: “ชิงตี้ เธอไม่คิดจะบอกที่มาที่ไปของเรื่องกับฉันเลยเหรอ?”
ชิงตี้นิ่งเงียบไม่เอ่ยอันใด ภายในหัวของเธอรู้สึกทรมานยิ่งราวกับแป้งเปียกที่เละ จากคำพูดของฟางเหยียน เธอวิเคราะห์ไม่ยากเลยว่า เธอถูกคนอื่นหลอกใช้เสียแล้ว อีกทั้งผู้ที่หลอกใช้เธอ ก็คือเพลิงเสวน มีเพียงเธอเท่านั้นที่ทราบว่าข้างในนั้นมีวิธีเช่นไรซ่อนเร้นอยู่ ทว่าเธอไม่กล้าพูดอะไรมากในตอนนี้
คนเราก็เป็นเช่นนี้ ยามมีวิธีในการเอาชีวิตรอดก็จะไม่เกรงกลัวเนื่องจากมีที่พึ่งพิง ทว่าหลังจากไร้วิธีเอาชีวิตรอดแล้ว ก็ต้องยอมให้ผู้อื่นย่ำยี
ชิงตี้เข้าใจแจ่มแจ้งดีว่า คนเราทุกคนต่างก็มีขีดจำกัดในอารมณ์กันทั้งนั้น หากเธอไร้คุณค่าในการใช้ประโยชน์แล้วนั้น เกรงว่าคงต้องถูกฟางเหยียนสังหารโดยตรงเป็นแน่ สถานการณ์ของเธอนั้นอันตรายอย่างยิ่ง หากเดินพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ก็จำต้องถึงจุดจบที่กู่ไม่กลับอย่างแน่นอน!
“ที่รัก ความหมายของคุณคือ เฒ่าประหลาดแห่งตระกูลโจวไม่ได้คบค้าสมาคมกับเพลิงเสวนเลย? หรือว่า คุณไม่เชื่อภรรยาของคุณแต่เลือกที่จะเชื่อคนนอก?”
ฟางเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ชิงตี้ จนถึงป่านนี้แล้ว เธอยังคิดที่จะนำความลับลงหลุมไปด้วยงั้นเหรอ!”
ชิงตี้ตกใจ เธอทราบว่าฟางเหยียนมีความคิดที่จะเข่นฆ่าแล้ว!
ชิงตี้จ้องฟางเหยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก “ที่รัก คุณคิดจะฆ่าฉันจริงๆ เหรอ?”
“ฆ่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเธอทั้งนั้น!”
เย็นชา ไร้เยื่อใย ราวกับเป็นคนที่ไร้ความรู้สึก!
รอยยิ้มของชิงตี้แข็งทื่อ จนทำให้เธอสั่นเทาขึ้นโดยควบคุมไม่ได้ หากเธอเปิดเผยเรื่องอื่นของเพลิงเสวน นี่มันจะทำให้เธอน่าเวทนายิ่งกว่าฆ่าเธอเป็นร้อยเท่า
ขณะที่พูดอยู่ เธอก็หลับตาลงช้าๆ : “ที่รัก ได้ตายในน้ำมือคุณ ทั้งชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้เสียดายแล้ว”