จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 772 ถูกสังหารเกือบหมด
เธอคิดว่าเป็นการฝึกทหาร!
คิดไม่ถึงว่าฟางเหยียนกลับฆ่าตายหมด!
ฆ่าโดยไร้ซึ่งมนุษยธรรมและเหตุผล!
ตอนนี้ชิงตี้ยิ่งรู้สึกผิดต่อความต้องการของนายน้อย!
ทันใดนั้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ!
เมื่อครู่มัวแต่สนใจเรื่องความเป็นความตายของร้อยกว่าคนนั้น ไม่ได้ตระหนักถึงเจตนาที่แท้จริงของฟางเหยียนเลยแม้แต่น้อย!
การที่เขาฆ่าคนแบบนี้ไม่ใช่ต้องการประกาศศักดาข่มขู่เพลิงเสวน แต่มีเจตนาทำเพื่อให้คนบางกลุ่มได้เห็น ว่านอกจากความเกลียดชังที่เขามีต่อเพลิงเสวนแล้ว จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือฆ่าล้างบางคนของเพลิงเสวน!
ศพร้อยกว่าศพอยู่ตรงหน้า นี่ไม่ใช่จุดจบ การที่สำนักไร้หน้าถูกทำลายเป็นเพราะไปมาหาสู่กับเพลิงเสวน เมื่อเลวถึงขั้นเข้ากระดูกดำ สำนักไร้หน้าจึงถูกทำลาย และตอนนี้ฟางเหยียนมาถึงสถานที่แห่งนี้ จะปล่อยโอกาสดี ๆ ในการฆ่าคนของเพลิงเสวนไปได้ยังไงล่ะ?
ทันใดนั้น ชิงตี้ก็เอะใจขึ้นมา!
ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่ได้ยินฟางเหยียนตอบตกลงว่าจะพบนายน้อย เขาถึงได้มีรอยยิ้มที่แปลกประหลาด! จนทำให้เธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ ถึงขนาดปล่อยให้เทียนขุยทำตามใจชอบโดยไม่เข้าไปวุ่นวาย ที่แท้ฟางเหยียนมีเจตนาอย่างนี้ตั้งแต่แรกนี่เอง!
ฆ่าล้างบางคนของเพลิงเสวน!
นี่คือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านอย่างแท้จริง!
ไม่รู้ว่านายน้อยเป็นคนเก่งกล้าสามารถหรือไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกันแน่ ถึงได้เลอะเลือนอย่างนี้!
ขณะที่ชิงตี้ยังดึงสติจากที่ตกใจกลัวไม่ได้ ตำหนักกลางก็มีคนเดินออกมาสองคน เมื่อเห็นสองคนนั้น เธอก็ตัวสั่นเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ใบหน้าสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
จบเห่แล้ว!
ในใจของชิงตี้เหมือนกระจกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ
“ชิงตี้ นายน้อยรอนานแล้ว” มีคนหนึ่งมองไปยังชิงตี้ แล้วเอ่ยพูด ขณะที่เขากำลังชำเลืองมอง นัยน์ตาก็เบิกโพลงขึ้นทันที!
คนร้อยกว่าคนนอนระเกะระกะเหมือนซอมบี้ นอกตำหนักเต็มไปด้วยคราบเลือด ไร้ซึ่งชีวิต!
ฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณ!
อีกคนหนึ่งกัดฟันพูด : “ใครทำ!”
“ฉัน!” หลังพูดจบ จู่ ๆ ฟางเหยียนก็เดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ทำไม? อยากแก้แค้นเหรอ?”
แน่วแน่และตรงไปตรงมา!
คนคนนั้นมองไปที่ฟางเหยียน คิ้วยิ่งขมวดมากเข้าเรื่อย เขาสัมผัสถึงพลังนินจาจากตัวฟางเหยียนไม่ได้เลยสักนิด อีกทั้งนอกจากท่าทางเหมือนคนป่วยของเขาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นใด แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย โดยเฉพาะดวงตาที่ดำลึกและแน่วแน่คู่นั้น จ้องเขม็งเขา เหมือนดั่งพญาเสือลงจากเขาตัวหนึ่ง
คาดเดาได้ยาก!
แปลกประหลาดมากเหลือเกิน!
ในหัวของผู้ชายคนนั้นผุดคำขึ้นมาสองคำ โดยเฉพาะพลังที่ผู้ชายขี้โรคคนนี้แสดงออกมา แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ความหวาดกลัวนี้ไม่ใช่ความหวาดกลัวภายนอก แต่เป็นความหวาดกลัวที่ออกมาจากในใจ โดยเฉพาะจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากชายร่างกำยำที่อยู่หลังชายขี้โรค ทำให้พวกเขาสองคนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา ต้องเหยียบย่ำศพอีกเท่าไหร่ ถึงสามารถเติมเต็มจิตสังหารได้อย่างนี้?
หาเรื่องไม่ได้ หาเรื่องไม่ได้จริง ๆ!
สุดท้ายมองไปยังชิงตี้ พบว่าชิงตี้ส่งสายตาให้พวกเขาสองคนไม่หยุด ไม่ต้องพูดก็เข้าใจความหมายกันดี คือบอกให้พวกเขาไม่ต้องซักถามอีกต่อไปแล้ว ได้เป็นคนที่ใกล้ชิดและไว้วางใจของนายน้อย จะเป็นพวกสำมะเลเทเมาไร้ประโยชน์ได้ยังไงล่ะ? ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจความหมายที่ชิงตี้พยายามสื่อได้ทันที
ทั้งสองคนข่มความสั่นไหวเอาไว้ในใจ หนึ่งในนั้นเอ่ยพูด : “ท่านนี้คงเป็นจอมพลโผ้จวินสินะครับ นายน้อยรออยู่นานแล้วครับ”
ฟางเหยียนไม่ตอบ แต่ได้พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า : “ทำไม? ไม่คิดจะแก้แค้นแล้วเหรอ?”
“จอมพลครับพูดแบบนี้ไม่ใช่กำลังหาเรื่องพวกเราเหรอ? มาจากแดนไกลก็คือแขก ในเมื่อมีคนไม่รู้จักดูให้ดีไปล่วงเกินจอมพลเข้า ฆ่าทิ้งก็สมควรแล้ว ทำไมต้องผิดใจกับจอมพลเพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนั้นด้วยล่ะครับ แบบนี้ได้ไม่คุ้มเสียเลยครับ” พูดถึงตรงนี้ เขาก็ได้ยิ้มอย่างจริงใจออกมา เหมือนไม่ได้เอาเรื่องคนร้อยกว่าคนนั่นมาใส่ใจ เงียบไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยถามต่อว่า : “ว่าแต่ ท่านจอมพลไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
อะไรคือเสแสร้ง!
นี่เรียกว่าแสดงสมบทบาทต่างหาก!
ฆ่าคนของแก แล้วแกยังต้องมาขอโทษอีก โกรธแค้นแค่ไหนก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนไว้ในใจแค่นั้น!
ไม่รู้ว่าไอ้คนที่ทำอวดดีจนมือพิการไปสองข้าง เห็นภาพนี้แล้ว จะโกรธจนฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า
ต้องบอกเลยว่า สองคนนี้สงบนิ่งมาก เก่งกว่าพวกที่ตายไปแล้วเยอะเลย น่าจะมีสถานะไม่ธรรมดา!
ต้องฆ่าด้วยเลยไหม?
ฟางเหยียนครุ่นคิดอย่างจริงจัง!
“ไม่เลว มีสมองดีนี่นา!”
“ขอบคุณจอมพลมากครับที่เอ่ยชม” คนคนนั้นยิ้มหน้าบาน เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ ตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่าพ่อแม่ชมลูกตัวเองอีก มองไม่ออกเลยสักนิดว่าแสร้งทำ เขาโค้งคำนับเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม : “เชิญท่านจอมพลด้านในเลยครับ”
แต่ฟางเหยียนไม่ได้คิดจะเข้าไปด้านใน ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทำเอาทั้งสองคนสับสนไปเลย ชิงตี้ก็ตึงเครียดจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ ไม่รู้ว่าฟางเหยียนทำอย่างนี้มีเจตนาอะไรกันแน่ ตอนนี้เธอกลัวขึ้นมาจริง ๆ ว่าฟางเหยียนจะทำอะไรแผลง ๆ ขึ้นมาอีก! เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองคาดเดา เธอก็ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก
ชิงตี้เอ่ยพูดด้วยความเคารพนับถือ : “จอมพลคะ เชิญคุณหน่อยนะคะ นายน้อยกำลังรออยู่”
มีเธอช่วยเอ่ยปาก ทั้งสองคนก็ทำท่านอบน้อมตามด้วย ท่าทีนั่นดูมีความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ขาดแค่คุกเข่าลงไปขอร้องแล้วล่ะ มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าใครอยู่สูงใครอยู่ต่ำ หากยินยอมล่ะก็ ทั้งสองคงอุ้มฟางเหยียนเข้าไปแล้ว!
ฟางเหยียนยังคงไม่ขยับ ทว่าเทียนขุยกลับยิ้มเยาะในใจ เขารู้ดีว่าฟางเหยียนทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร!
“สูงส่งนักนะ จอมพลแห่งประเทศหวาผู้ยิ่งใหญ่มาเยือน กลับส่งคนไม่ได้เรื่องพวกนี้ออกมาต้อนรับ? ทำไม? นายน้อยของพวกแกแขนขาดหรือว่าขาขาดหรือไง? สูงส่งขนาดไหนเชียว ถึงต้องให้จอมพลโผ้จวินของพวกเราเดินเข้าไปด้วยตัวเอง?”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา สองคนนั้นไม่กล้าปริปากพูดอะไรทันที โดยเฉพาะชิงตี้ได้หน้าบูดหน้าบึ้ง นี่จงใจหาเรื่องกันชัด ๆ!
คำโบราณกล่าวไว้ ไม่ตีคนที่ยิ้ม แต่คำนี้ใช้กับเพลิงเสวน คงไม่เหมาะเป็นอย่างมาก!
“นี่……”
ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา บ่งบอกให้รู้ว่าทำตัวกันไม่ถูกแล้ว
พวกเขาต่างขัดใจทั้งสองฝ่ายไม่ได้ เป็นคนกลางช่างลำบากใจยิ่งนัก ทำเอาทั้งสองคนร้อนใจดั่งไฟสุมอก เหงื่อเย็นบนหน้าผากไหลออกมาเรื่อย ๆ จนค่อย ๆ จับตัวกันเป็นหยดน้ำเหมือนกับเม็ดฝน รินไหลลงมา ทำให้ชุดฉางซานของพวกเขาเปียกชุ่มในชั่วพริบตา หยาดเหงื่อไหลออกมาเป็นสองแถว ทำให้เหมือนกำลังสวมใส่ชุดเอี๊ยมยังไงยังงั้น
พวกเขาร้อนใจขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้พวกเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก!
ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชิงตี้ ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกัน นั่นคือต้องการขอร้องเธอ แต่พวกเขาพบว่าชิงตี้มีสีหน้าขมขื่นไม่น้อยไปกว่าพวกเขาสองคนเลย อีกทั้งดูย่ำแย่กับพวกเขาสองคนอีกด้วย!
“ทำไม?” เทียนขุยมีสีหน้าประหลาดใจมาก : “พวกแกคิดว่านายน้อยที่พวกแกเรียก มีสถานะสูงส่งกว่าจอมพลโผ้จวินจริง ๆ งั้นเหรอ?”
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทำให้สถานการณ์ที่น่าอึดอัดจนถึงขีดสุดกลายเป็นสถานการณ์ตึงเครียด ดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมาอย่างมาก!
เห็นได้ชัดว่า เทียนขุยจงใจหาเรื่องแล้ว!
ทำยังไงดี?
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าหาเรื่องที่นี่ นี่มันต่างอะไรกับหาเรื่องตายล่ะ?
แต่เรื่องยุ่งยากก็คือ คนคนนี้กลับเป็นจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวา ผู้ชายที่เป็นเหมือนดั่งเทพเจ้า และเป็นคนที่นายน้อยหมายหัวเอาไว้!
“ทำไม? รู้หรือเปล่า ว่าการไม่สนใจและเพิกเฉยต่อจอมพลโผ้จวิน โทษตามกฎหมายคือถูกตัดหัว!”
เทียนขุยพูดประโยคนี้ออกมา ทำให้ผู้ชายสองคนตัวสั่นสุดขีด!
นี่เรียกว่า แข็งกร้าวและไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย คิดจะจัดการพวกเขาให้ได้อย่างแน่นอน!
ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัดใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห!
ถูกคนอื่นยั่วยุในที่ของตัวเองขนาดนี้ แม้แต่ผายลมเขายังไม่กล้าเลย!
คิดไปคิดมา ผู้ชายหนึ่งในนั้นได้เอ่ยพูดขึ้นมากะทันหัน : “ท่านจอมพลใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ อนุญาตให้ผมเข้าไปรายงานนายน้อยได้ไหมครับ?”
“รายงานทำซากอะไรห๊ะ!” เทียนขุยตวาดอย่างโมโหทันที : “ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดอยู่ได้ งั้นก็อย่าเจรจาเลย ลงมือเลยเถอะ!”
ขณะที่พูด เทียนขุยมีท่าทีพร้อมรบตลอดเวลา ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำขึ้นมาทันที มุมปากแสยะรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาออกมา!
ขณะที่เขากำลังจะลงมือ ได้มีเสียงหัวเราะสบายใจดังออกมาจากตำหนักกลาง
“จอมพลปล่อยให้พวกเรารออย่างทรมานจังเลย หากต้อนรับไม่ดีพอต้องขออภัยด้วยนะครับ!”
เทียนขุยไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เหมือนกับลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออกไม่มีผิด
หลังจากสิ้นเสียงนี้ ก็มีเสียงประหลาดดังกระหึ่มขึ้นมา จากนั้นได้เงียบสงบลง สุดท้ายก็ตาเบิกกว้างด้วยความโกรธแค้น เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ!