จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 835 หายนะเข้ามาเยือน
“โผ้จวิน นี่มันก็ผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว พวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?”
แม้ว่าฟางเหยียนจะอยู่ที่จินโจว แต่กลับไม่ได้กลับมาพักที่บ้าน เขากำหนดเป้าหมายให้ตนเองแล้ว ก่อนที่จะช่วยเหลือเย่ชิงหยู่มาได้ เขาไม่มีทางที่จะเข้าบ้านแม้แต่ก้าวเดียว นี่ไม่ใช่เพียงการตั้งเป้าหมายให้ตนเอง และก็เป็นคำสัจสัญญาของลูกผู้ชายด้วย!
เทียนขุยร้อนรน ฟางเหยียนยิ่งร้อนรน เย่ชิงหยู่เป็นผู้หญิงของตน ถูกศัตรูจับตัวไปแล้ว เป็นการล่วงเกินสถานะที่สูงศักดิ์ของเขา เขาเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง และเหมือนดั่งที่จางไห่เฟิงกล่าวเอาไว้ ผู้ชายที่ปกป้องไม่ได้แม้แต่ผู้หญิงของตัวเอง ยังถือเป็นผู้ชายได้อย่างไร? ความรุ่งโรจน์ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น!
เพลิงเสวนหายไปหนึ่งสัปดาห์ในรวดเดียว เสวียนเย่ก็ไม่ได้บอกข่าวอันใดเลย ราวกับก้อนหินหล่นลงไปในมหาสมุทร
หลายวันนี้นอกจากที่เขารอคอย นอกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ช่วงเวลาที่ว่าง นอกจากนั่งสมานอาการบาดเจ็บแล้ว ก็ศึกษาเกราะเทพมังกร
พูดถึงเกราะเทพมังกร ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ ว่าในเกราะเทพมังกรนั้นมีไอพิฆาตอยู่มหาศาล นี่เป็นสัญญาณที่ส่งผลดีต่ออาการบาดเจ็บเก่าของเขาเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่เปิดเกราะเทพมังกร ฟางเหยียนก็จะรับรู้ได้ถึงภายในใจที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและร้อนแรงอยู่ภายในร่างกาย รวมถึงเลือดที่เดือดดาล เมื่อยามเริ่มต้นเขายังสามารถต่อต้านกับมันได้ ทว่าเมื่อความยึดติดขององค์ชายน้อยที่อยู่ในเกราะเทพมังกรเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขากลับไม่สามารถรับมือกับมันได้ขึ้นมาอยู่ลึกๆ !
ตอนเริ่มต้นยังสามารถรับมือกับเกราะเทพมังกรได้เป็นชั่วครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อจ้องนานขึ้นเรื่อยๆ ไอพิฆาตที่อยู่ในเกราะเทพมังกรก็ราวกับเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลแรงอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ฟางเหยียนต้องคลายข่ายพลังลงมาโดยไม่รู้ตัว ทว่าภายในแรงกดดันของไอพิฆาตนั้น ฟางเหยียนก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้รับผลดีอะไรเลย อาการบาดเจ็บแต่เดิมนั้นราวกับปลาได้น้ำ ร่าเริงกระโดดไปมา
แม้ว่าพละกำลังในตอนนี้ จะกำลังรับการรักษาด้วยน้ำไร้หน้ากลับมาได้เจ็ดขั้นแล้ว ทว่าสามขั้นต่อมาราวกับเป็นหมอกอันมืดมน สัมผัสไม่ถึงตลอดกาล
อีกทั้งแม้เกราะเทพมังกรจะบำบัดรักษาบาดแผลเก่าอยู่ ทว่าไม่สามารถที่จะฟื้นคืนพละกำลังได้โดยตรง นี่ก็คือส่วนที่ทำให้ฟางเหยียนทั้งรักและเกลียด!
เมื่อเห็นว่าฟางเหยียนไม่ขยับไปไหน เทียนขุยจึงเดินไปเดินมาหลายรอบ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า: “โผ้จวิน ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นจูงจมูกเดินแบบนี้ไม่ไหวเอาเสียเลย คุณยังทนไหวได้ยังไง ถ้าเป็นผมนะ จะพุ่งเข้าไปหาไอ้เสวียนเย่นั่นแล้ว แล้วบังคับให้มันบอกมาว่าสำนักกลางของเพลิงเสวนอยู่ที่ไหน ถ้าเขากล้าไม่ฟัง งั้นผมก็ไม่ว่าอะไรถ้าจะทำให้มันตายไปซะ ถึงยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว!”
“แหมๆๆ ใครกันเนี่ย พูดจาใหญ่โตจริงๆ เลยนะ อยู่ๆ จะไปฆ่าใครตายเหรอ? เช้าตรู่แบบนี้ไม่กลัวว่าจะเป็นลางไม่ดีหรือไง!”
เทียนขุยขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงของผู้หญิง? ใครกันที่กล้าขนาดนี้?
ไม่รอให้เขาได้คิดวิเคราะห์ต่อไป เขาก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อมองเห็นแล้ว โทสะที่อยู่เต็มท้องก็ปะทุขึ้นมาทันที!
ชิงตี้!
เธออีกแล้ว!
เมื่อเห็นเธอ เทียนขุยก็มีสีหน้าเย็นชาเหี้ยมโหด เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก: “นังปีศาจ มาทำอะไรที่นี่?”
วันนี้ชิงตี้เปลี่ยนเป็นฮั่นฝูทั้งตัว ดูเหมือนอยู่บนสวรรค์ ราวกับเป็นนางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์ลงมาอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะเพียวไต้บนมวยผมของเธอ ช่างเหมือนนางฟ้าที่บำเพ็ญเพียรไม่มีผิด แต่งหน้าแต่งตาโดยใช้สีขาวและสีดำ ช่างแลดูงดงามเสียจริง
ทว่าก็เป็นนางฟ้าที่ราวกับเดินออกจากรูปภาพ บนใบหน้ากลับยังคงมีความหยิ่งผยองที่ไม่อาจเข้าใกล้ได้เช่นเคย ทำให้ความสงสัยของเทียนขุยหายไปทันที ขณะที่มองไปยังฟางเหยียน ความหยิ่งผยองของสาวงามผู้เย็นชานั้นก็หายไปพริบตา ยังคงเหมือนแฟนคลับสาวผู้คลั่งไคล้เช่นเคย!
เทียนขุยขวางทางของชิงตี้เอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ถ้ากล้าเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว จะฆ่าทิ้งทันที!”
ชิงตี้ทำเป็นหูทวนลม เดินมุ่งหน้าไปแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชาว่า: “ภักดีจริงๆ เลยนะ แค่ว่าอารมณ์ร้ายนี่ต้องกักเก็บสักหน่อย คนที่ไร้ความสามารถที่สุดก็ชอบก่อกวนมากที่สุด ถ้ามีความสามารถก็คงไม่ก่อกวนอยู่ที่นี่! อย่างเช่นที่รักของฉัน นายดูสีหน้าที่สงบนิ่งของเขาสิ ไม่สั่นคลอนใดๆ นี่ถึงจะเป็นท่าทางที่ลูกผู้ชายพึงมีนะ เพียงแต่ว่านายเถอะ…”
ชิงตี้แค่นหัวเราะขึ้นมา ไม่เอ่ยก็รู้ว่าหมายถึงอะไร เทียนขุยอย่างเขาไม่ผ่านเกณฑ์!
พอเจอหน้ากันก็ประจันหน้ากัน บรรยากาศคลุกกรุ่นอย่างแท้จริง ราวกับถังยาระเบิดจะระเบิดได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น!
ทว่าฟางเหยียนยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม ไม่มีท่าทีอันใด ปล่อยให้ทั้งสองคนประจันหน้ากันไป!
“นังปีศาจ เธอรู้ไหมว่าฉันควรฆ่าเธอทิ้งตั้งนานแล้ว เก็บเธอไว้มีประโยชน์อะไร? คุณนายหายตัวไป อีกทั้งพวกเธอก็เป็นคนของเพลิงเสวน กลับไม่สามารถรู้ที่อยู่ของคุณนาย ใครไร้น้ำยา? ใครไม่มีความสามารถแค่นี้ก็ดูรู้แล้วไม่ใช่หรือไง? ยังมีหน้ามาว่าฉันอีกเหรอ? จะบอกอะไรเธอให้นะ ถ้าไม่ใช่เพราะโผ้จวินเป็นคนมีเมตตา ตอนนี้ป้ายหน้าหลุมศพของเธอคงมีหญ้าขึ้นสูงกว่าตัวเธอแล้วละ!”
“คนที่ไร้น้ำยาชอบข่มขู่คนอื่นที่สุดแล้ว ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับนายละ!” ชิงตี้หมายจะเดินหน้าต่อ เทียนขุยกลับขวางร่างของตัวเองเอาไว้ไม่ขยับ ราวกับภูเขาลูกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “หมาที่ดีจะไม่ขวางทาง!”
“นังปีศาจ ยังหน้าตายด้านไม่เสื่อมเลยนะ จมูกไวเหมือนกันนะ อยู่ไกลขนาดนั้นก็ยังได้กลิ่นรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน บอกว่าฉันเป็นหมางั้นเหรอ? มันจะเป็นการหลอกลวงตัวเอง หลอกคนอื่นเกินไปหรือเปล่า!”
ไม่เจอกันนานเพียงนี้ ‘ฝีปาก’ ของเทียนขุยพัฒนาแล้ว!
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาประลองฝีปากกัน เธอคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเขาเต็มทน
ชิงตี้คิ้วขมวดเข้าหากัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ถ้านายกล้าหาเรื่องก่อกวนโดยไม่มีเหตุผลอีก เสียเวลาเรื่องสำคัญ ผลตามมาก็รับผิดชอบเองนะ!”
“นังปีศาจอย่างเธอ นอกจากจะเที่ยวปล่อยข่าวลือให้คนอื่นเข้าใจผิดไปทั่วทั้งวี่ทั้งวันแล้ว ยังทำเรื่องสำคัญอะไรออกมาได้อีก? นอกจากว่าต้องการที่จะยืมมือของโผ้จวินแย่งชิงอำนาจก็เท่านั้นละ ฉันขอแนะนำเธอนะว่าให้คิดแผนการอื่นเถอะ ถ้าฉันพบเค้าโครงแค่เล็กน้อยเมื่อไร อย่าว่าแต่โผ้จวินเลย ต่อให้เป็นฉัน ก็จะทำลายทิ้งได้ทันที ทำให้มันตายก่อนวันอันสมควร!”
ชิงตี้ไร้คำพูดไปสักพัก เจ้าตัวใหญ่นี่ช่างตัวโตอย่างเดียวแต่สมองไม่โตตามเสียจริง ช่างเป็นผู้ชายที่โง่เขลาเบาปัญญา!
พูดไร้สาระกับเขาก็มีแต่จะโมโหจนต้องการลงไม้ลงมือ!
ช่วยไม่ได้ สำหรับเทียนขุยที่จ้องมาด้วยสายตาอาฆาตนั้น ชิงตี้จึงทำได้เพียงมองฟางเหยียนเพื่อขอความช่วยเหลือ เอ่ยว่า: “ที่รัก ฉันมีธุระสำคัญจริงๆ นะถึงได้มาหา อย่าปล่อยให้เขาทำลายบรรยากาศนะ”
ฟางเหยียนเอ่ย น้ำเสียงราบเรียบ: “เทียนขุย ให้เธอเข้ามาเถอะ”
เทียนขุยครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่ง จึงเอ่ยว่า: “โผ้จวิน นังปีศาจคนนี้จะหลอกล่อความคิดของคน คุณห้ามถูกมันหลอกล่อนะ ไม่แน่ครั้งนี้มันอาจจะมีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่ เพื่อความปลอดภัยของคุณ ผมตอบตกลงไม่ได้”
นับตั้งแต่ที่คุณนายถูกลักพาตัวไป และเสวียนเย่รวมถึงคนอื่นๆ ไม่ได้ทำอะไรแล้วนั้น เทียนขุยก็เคียดแค้นฝังใจ แค้นอยู่เต็มอก ไม่สามารถปล่อยวางได้ โดยเฉพาะตอนนี้ชิงตี้ยังกล้ามาถึงที่ นี่ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายหรืออย่างไร? เขากลับอยากจะหยิบยืมโอกาสครั้งนี้ ทำให้ชิงตี้ตายไปเลย จึงจะสามารถระบายความอึดอัดใจออกไปได้บ้าง!
ใช่แล้ว ทำแบบนี้ มันมีความเสี่ยง การขัดต่อคำสั่งเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงที่สุด ทว่าเขาไม่สนใจแม้แต่น้อย คิดเพียงต้องการที่จะระบายโทสะที่อยู่ในใจเท่านั้น!
ยังคงไม่ขยับตัวไปไหน ดวงตาจ้องเขม็ง อดไม่ได้ที่จะฆ่าชิงตี้ทิ้งไปเสียตอนนี้!
ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างเอือมระอา: “งั้นก็พูดมาเลยแบบนี้เถอะ”
ผู้หญิงและสหาย แน่นอนว่าฟางเหยียนแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน เขาเองก็เข้าใจว่าเทียนขุยที่กำลังโมโหขึ้นสมองอยู่ จะให้สหายของตนเองต้องผิดหวังเสียใจไม่ได้!
ชิงตี้เข้าใจดี ฟางเหยียนไม่สามารถปล่อยวางได้ เธอเองไม่กล้าไปต่อล้อต่อเถียงแล้ว ต่อล้อต่อเถียงมากเพียงใด ก็เกรงว่าจำทำให้ฟางเหยียนเคียดแค้นในใจเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะพวกเธอยังไม่ได้พยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถได้ โดยเฉพาะเสวียนเจิ้นที่แอบเล่นไม้นี้ลับหลัง เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ทำให้พวกเธอรับมือไม่ทันท่วงที! นี่ถึงทำให้พวกเขารับรู้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถูกกระทำจนถึงที่สุด ถูกฟางเหยียนจดจำความแค้นฝังใจเรียบร้อย
พูดตามจริง แม้แต่ชิงตี้เองก็รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ เดิมทีพวกเธอก็ไม่ได้ทำอะไร จึงทำให้คุณนายถูกลักพาตัวไป นี่จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่!
ครุ่นคิดชั่วครู่ ชิงตี้จึงเอ่ยขึ้นว่า: “สำหรับเรื่องที่คุณนายถูกลักพาตัวไป ฉันต้องขอโทษจากใจจริง ฉันกับนายน้อยต่างก็ไม่หวังว่าคุณจะให้อภัยพวกเราได้ แต่พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยข้อผิดพลาดนี้…”
“ถ้าเธอมาเพื่อยอมรับผิดละก็ ฉันไม่สนใจฟังหรอกนะ” ฟางเหยียนตัดคำพูดของชิงตี้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถ้าสิ่งที่รอคอยมาเป็นเพียงความรู้สึกผิดและคำขอโทษ ฉันคิดว่าพวกเธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีชีวิตต่อไปแล้ว!”
น้ำเสียงเย็นชาอย่างยิ่ง อุณหภูมิทั้งที่พักเปลี่ยนเป็นติดลบทันที!
ภายในใจของชิงตี้หล่นตุ้บลง หรือว่ามี…ช่องว่างแล้ว?
เทียนขุยยิ้มเย็นชา พร้อมเอ่ยว่า: “ได้ยินหรือยังนังปีศาจ ถ้ามีแค่เรื่องนี้ ก็อย่ารอให้โผ้จวินลงมือเลย ฉันจะฆ่าแกตอนนี้แหละ หนึ่งสัปดาห์ก็ยังหาที่อยู่ของคุณนายไม่ได้ ยังมีหน้าจะมาจริงๆ งั้นเหรอ? ถ้าฉันเป็นเธอคงอดไม่ได้ที่จะซื้อเต้าหู้แล้วชนจนตายไปตั้งนานแล้ว!”
ชิงตี้ยิ้มอย่างข่มขื่น สถานการณ์เธอเข้าใจชัดเจนดี และเป็นเพราะคนทางของตัวเองทำผิด ทำให้ถูกคนอื่นเคียดแค้น ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว เธอเอ่ยขึ้นมา โดยไม่ลังเลสักนิด: “คนของเสวียนเจิ้งพบที่ตั้งของสำนักกุ่ยกู๋แล้ว อีกทั้ง…ลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนก็ยังถูกจับอีกด้วย!”