จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 836 สู้กันทุกทาง
เสวียนเจิ้นเจอกับสำนักกุ่ยกู๋ และพบกว่าลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนถูกจับแล้ว!
ข่าวนี้ไม่ได้ร้ายแรงเหมือนอย่างที่ชิงตี้คิดไว้ และไม่ได้น่าตื่นตระหนกขนาดนั้น โดยเฉพาะความแน่นิ่งที่ทั้งสองคนได้แสดงออกมา ไม่ใช่เป็นการเสแสร้งแกล้งทำ ทำให้ชิงตี้คาดเดาไม่ค่อยออก หรือว่าเกิดช่องโหว่ขึ้นแล้ว ทำให้ตอนนี้คำพูดของเธอ ไม่มีความน่าเชื่อถือแล้วงั้นเหรอ?
นิ่งสงบเกินไปแล้วมั้ง?
ชิงตี้รู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าตัวเองฟังผิดและดูผิดไปหรือเปล่า ความแน่นิ่งที่ทั้งสองคนแสดงออกมามันดูสงบนิ่งเกินไปแล้ว เหมือนเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญพอให้พูดถึงเรื่องหนึ่ง?
สำนักกุ่ยกู๋ปรากฏตัว ลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนแห่งแก๊งเก้ามังกรถูกจับตัว ไม่ได้กระทบต่อจิตใจของทั้งสองเลยสักนิด!
ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา!
ครุ่นคิดครู่หนึ่งชิงตี้ได้พูดต่อไปว่า : “เสวียนเจิ้นเจอกับสำนักกุ่ยกู๋ และลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนแห่งแก๊งเก้ามังกรถูกจับตัว นี่เป็นข่าวแรกสุดที่พวกเราได้รับ ตอนที่นายน้อยได้ทราบข่าวนี้ ก็ไม่รีรอให้เสียเวลา รีบให้ฉันมาแจ้งข่าวนี้อย่างเร่งด่วน แต่พวกคุณนิ่งเฉยกันเกินไปหรือเปล่า?”
“อ้อ” ฟางเหยียนตอบกลับเสียงเบา แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ และยังคงนั่งอยู่เงียบ ๆ
ทว่าเทียนขุยกลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาแล้วเอ่ยพูด : “ยัยนางมาร เธอมันเป็นพวกปล่อยข่าวลือหลอกคนอื่น คิดว่าพวกเราโง่จริง ๆ เหรอ? จะส่งพวกเราไปสู้จนตัวตาย? จากนั้นก็นั่งรอรับผลประโยชน์ คิดแผนการได้ดีจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่แผนการของเธอต้องสูญเปล่า พวกเราไม่ใช่คนที่ต้องไปทำงานแทนเธอ คิดจะมาหลอกใช้ก็มาหลอกใช้ง่าย ๆ งั้นเหรอ?
ชิงตี้ขมวดคิ้วเรียวสวยเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม : “สามีคะ คุณไม่สนใจจริง ๆ เหรอ?”
“คิดว่าจอมพลโผ้จวินว่างขนาดนั้นหรือไง? ใครเป็นใครตายก็ต้องไปสนใจ? อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ฉันเองยังไม่อยากสนใจ นอกจากตอนนี้เธอจะบอกฉันว่าสำนักงานใหญ่ของเพลิงเสวนอยู่ที่ไหน มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้ท่าทีที่พวกเรามีต่อเธอเปลี่ยนไป เข้าใจไหม?”
ชิงตี้พอเข้าใจได้แล้วว่า ก่อนคุณนายจะเกิดเรื่องอะไร พวกเขาก็ยังมีโอกาสได้พูด แต่ตอนนี้ เกิดช่องโหว่ขึ้นมา หากคิดอยากอุดช่องโหว่นี้แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่ผิดก็ผิดไปแล้ว บอกไปไม่ได้จริง ๆ น่าอึดอัดมากเหลือเกิน!
“ดูจากสถานการณ์ที่พวกเรารับรู้ สมบัติของแก๊งเก้ามังกรได้อยู่ในมือคุณแล้ว แต่ดูเหมือนมีคนพูดว่า ลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนแห่งแก๊งเก้ามังกรไปยังสำนักกุ่ยกู๋เพื่อโน้มน้าวให้เจ้าสำนักแห่งสำนักกุ่ยกู๋มอบสมบัติของสำนักกุ่ยกู๋ออกมา ดังนั้นเมื่อได้รับข่าวนี้ พวกเราจึงรีบมาทันที เพื่อปรึกษาหารือแผนการที่จะทำได้ เพื่อทำลายแผนชั่วของเสวียนเจิ้น นี่เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งสำหรับพวกเราทั้งสองฝ่าย”
“ใช่ ฉันยอมรับว่ามีความคิดที่จะยืมมือคุณกำจัดเสวียนเจิ้น แต่หลงเซี่ยวเทียนยอมเสียอะไรไปมากมายเพื่อคุณ จะให้เขาเจ็บปวดใจไม่ได้นะคะ ฉะนั้นความตั้งใจของนายน้อยคือ ครั้งนี้พวกเราเตรียมร่วมมือกัน เพื่อให้เสวียนเจิ้นรับมือไม่ทัน นายน้อยบอกแล้วว่าให้ฉันฟังคำสั่งจากคุณ”
ฟางเหยียนยังคงนิ่งเงียบ แต่ดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นกลับลืมขึ้นมา ระหว่างหัวคิ้วมีรังสีอำมหิตเผยออกมา
เทียนขุยพูดเสียงเย็นชา : “ยัยนางมาร อย่าถูกคนอื่นหลอกใช้แล้วยังไปช่วยคนอื่นนับเงินสิ คราวก่อนเรื่องเฒ่าประหลาดตระกูลโจวที่ดินแดนตะวันตกยังไม่ได้รับบทเรียนมากพออีกเหรอ? คิดว่าวัน ๆ พวกเราไม่มีอะไรทำจริง ๆ ใช่ไหม? ถึงต้องหมุนตามพวกเธอไปมาอยู่ได้? ไม่รู้จักจำเอาซะเลย!
“เทียนขุย คุณอย่าให้มากเกินไปนะ!” ชิงตี้โมโหมาก เอ่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา : “ฉันบอกคุณไว้นะ คราวก่อนเป็นกับดักที่เสวียนเจิ้นวางไว้ก็จริง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน พวกเราได้เบาะแสจริง ๆ จึงได้รีบมา เพื่อหารือกัน แน่นอนว่าพวกเราไม่สนใจหินเหล็กนิลของสำนักกุ่ยกู๋เลยสักนิด แต่พวกคุณสนใจมัน สมบัติของสำนักใหญ่ทั้งห้าก็ขาดแค่หินเหล็กนิลของสำนักกุ่ยกู๋เท่านั้น เรื่องนี้สำหรับพวกคุณ แต่มีประโยชน์ไม่มีข้อเสีย”
เทียนขุยไม่หวั่นไหว เอ่ยพูดเสียงเย็นชาว่า : “มีอะไรจะพูดอีกไหม? ถ้าไม่มีเธอก็ไปได้แล้ว กลับดี ๆ ล่ะ ไม่ส่ง!”
ชิงตี้เข้าใจแล้ว ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย!
“สามีคะ คุณจะปล่อยเรื่องใหญ่เรื่องนี้ไปเพราะความแค้นจริง ๆ เหรอ? ใช่ เรื่องที่คุณนายถูกจับตัวไป พวกเรามารู้ทีหลังว่าเป็นความผิดของพวกเรา แต่นี่เป็นแผนการของเสวียนเจิ้น เห็นได้ชัดว่าแผนการนี้ตั้งใจปิดหูปิดตาพวกเราไว้ กว่าพวกเราจะรู้ตัว แผนการของพวกมันก็สำเร็จไปแล้ว เป็นเพราะความผิดครั้งเดียว ก็เลยปฏิเสธพวกเรางั้นเหรอ?”
“แน่นอนว่า การที่คุณนายถูกจับตัวไปพวกเราก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ แต่พวกเราเป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน หรือนี่ไม่ใช่สิ่งที่เสวียนเจิ้นอยากเห็น? ถ้าเกิดพวกเรากลายเป็นศัตรูกัน เขาต่างหากถึงจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ สิ่งที่ฉันอยากบอกก็มีเท่านี้แหละ ฉันเชื่อว่าคุณจะเข้าใจ แต่ครั้งนี้ มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ไม่ใช่แผนการของเสวียนเจิ้นอย่างแน่นอน”
“ที่ควรพูดได้พูดไปหมดแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง”
พูดจบ ชิงตี้ได้หมุนตัวเดินจากไป
เทียนขุยเก็บอารมณ์โหดเหี้ยมเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดเสียงแข็ง : “จอมพลโผ้จวินครับ ผมรู้สึกว่าไอ้เสวียนเย่นี่วัน ๆ เอาแต่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้ามีความสามารถทำไมไม่ออกโรงเอง เอาแต่หลบอยู่หลังผู้หญิง ใช้ได้จริง ๆ ถ้าผมเป็นเสวียนเจิ้น คงฆ่าพี่ชายอย่างเสวียนเย่ไปแล้ว จะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้า!”
ฟางเหยียนกลับค่อย ๆ ยืนขึ้น เทียนขุยเอ่ยถามด้วยความสงสัย : “จอมพลโผ้จวินครับ คุณไม่ได้คิดจะอ่อนข้อให้จริง ๆ ใช่ไหม? คุณอย่าลืมนะครับ ไอ้เสวียนเย่นี่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อพวกเราเลย เป็นตัวภาระตัวหนึ่ง ยังไงก็ตามผมไม่เห็นด้วย ถ้าให้ผมพูด เพลิงเสวนไม่มีดีสักคน นี่มันหลุมพรางชัด ๆ คุณอย่าลืมนะครับ ตอนพวกเราได้พบกับหลิงเซี่ยวเทียน เขาระมัดระวังตัวรอบคอบมากแค่ไหน แม้แต่ให้พูดอะไรหน่อย หลงเซี่ยวเทียนยังปิดปากสนิท หลงเซี่ยวเทียนที่เป็นคนระมัดระวังอย่างนี้ จะถูกคนจับตัวไปได้ยังไง?”
“เทียนขุย ฉันเข้าใจว่านายคิดอะไรอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ฉันยังคิดไม่ตกพอดี ความระมัดระวังตัวของหลงเซี่ยวเทียนฉันก็เห็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่พวกเราแอบเจอหลงเซี่ยวเทียนอย่างลับ ๆ อย่างนี้ เขาจะถูกจับไปได้ยังไง? นี่ทำให้ฉันคิดไม่ตก”
“ก็ใช่ไงครับจอมพลโผ้จวิน ต่อให้หลงเซี่ยวเทียนมีโอกาสพบกับคนของสำนักกุ่ยกู๋ จากฝีมือของเขาก็ไม่น่าทำให้ลูกชายของตัวเองถูกจับไปได้? ฉะนั้นสำหรับพวกเราแล้ว นี่เป็นกับดัก ถ้าหากพวกเราติดกับ ถึงจะเป็นสิ่งที่เสวียนเจิ้นอยากเห็น อย่าให้คำพูดของยัยนางมารชิงตี้นั่นหลอกลวงเราได้เด็ดขาด”
ฟางเหยียนค่อย ๆ นิ่งเงียบ จากที่หลงเซี่ยวเทียนทำให้เขารู้สึก คือคนคนนี้เป็นคนระมัดระวังตัวเอง ไม่มีทางประมาทเลินเล่อ และยิ่งไม่มีทางให้คนอื่นจับจุดอ่อนตัวเองได้!
แต่เมื่อกลับมาคิดทบทวน เพลิงเสวนเป็นพวกฉวยโอกาส แม้แต่หน่วยข่าวกรองของสำนักเจ็ดพิฆาตก็ไม่ทันรู้ตัว พอจะเห็นได้ว่าเพลิงเสวนนั้นลึกลับมาก หากมองจุดนี้ ที่ชิงตี้พูดอาจจะเป็นจริงก็ได้?
ฟางเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยพูด : “เทียนขุย มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องการให้นายไปจัดการทันที”
เทียนขุยเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แล้วรีบพยักหน้า : “วางใจเถอะครับ ผมจะจัดการให้สอดคล้องกับความเป็นจริงแน่นอน”
เมื่อเทียนขุยจากไป คิ้วของฟางเหยียนก็ขมวดแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ!
ไม่ว่าคำพูดของชิงตี้เป็นจริงหรือเท็จ อย่างน้อยทำให้ได้รู้สิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง นั่นคือเพลิงเสวนที่แอบซุ่มอยู่ในที่ลับได้มีการเคลื่อนไหวแล้ว นี่อาจเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ นี้
สำหรับเย่ชิงหยู่ การไม่มีข่าวอะไรคือข่าวที่ดีสุดแล้ว!
ตอนนี้นอกจากรอคอย ก็ทำอะไรไม่ได้อีก
——
ชิงตี้เดินออกมาจากโฮมสเตย์ แล้วหาโอกาสแจ้งท่าทีของฟางเหยียนให้เสวียนเย่รับรู้ เสวียนเย่ทุกข์ใจแต่ก็พูดอะไรไม่ออก หากเอาใจเขามาใส่ใจเราก็จะดูออกได้ไม่ยาก ตัวเองอยู่ในฐานะคนของเพลิงเสวน แต่กลับได้รู้ข่าวเป็นคนสุดท้าย ยังมีอะไรน่าเก็บไว้อีกล่ะ? แต่เขาไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของฟางเหยียนได้ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เสวียนเย่ทั้งทุกข์ใจและสับสนมาก!
“หากจะพูดโน้มน้าวจอมพลโผ้จวินให้ได้ ต้องรีบสร้างความเชื่อใจที่เสียไปขึ้นมาใหม่ และครั้งนี้ฉันจะพยายามรีบไป เพื่อขอโทษจอมพลต่อหน้า”
ชิงตี้ครุ่นคิดแล้วเอ่ยพูด : “นายน้อยคะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาขอโทษ พวกเราควรจะรีบสืบหาเบาะแสของคุณนาย ไม่ใช่มามัวทำเรื่องอะไรแบบนี้ จอมพลไม่ต้องการและไม่คาดหวังให้พวกเราทำแบบนี้ ฉะนั้นนายน้อยคะ ฉันแนะนำให้คุณคิดแผนการอื่นเถอะค่ะ”
“นายน้อย ฉันจะพยายามติดตามเรื่องนี้ แต่ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าจอมพลจะหวั่นไหว แต่จากที่ฉันรู้จักเขา เขาไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ไม่ได้เตรียมการเอาไว้ก่อน ดังนั้นเขาต้องให้คนไปสืบให้แน่ชัดว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ สิ่งที่พวกเราทำได้คงมีแต่รอคอยเท่านั้น”
“ไม่อย่างนั้นก็บอกตำแหน่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเพลิงเสวนให้จอมพลรู้ไปเลย?