จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 837 ฆ่าชิงตี้
“อย่างน้อยตอนนี้ยังบอกไม่ได้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้คือลดช่องว่างที่เกิดขึ้นกับจอมพล หากเปิดเผยที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเพลิงเสวนออกไป การโจมตีกลับเหมือนหมาจนตรอกของเสวียนเจิ้น จะสร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชนมากที่สุด ฉันเชื่อว่าจอมพลโผ้จวินไม่ยอมเห็นเรื่องแบบนี้แน่ ๆ เธออย่าลืมสิ ว่าเพลิงเสวนกระจายไปทุกพื้นที่ แต่ละพื้นที่ต่างมีสายลับ ถ้าเกิดพื้นที่เหล่านี้ตอบโต้กลับ คนที่ลำบากก็คือประชาชน”
“ดังนั้น เรื่องแบบนี้ต่อไปอย่าพูดอีก กำแพงมีหูประตูมีช่อง ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า!”
ชิงตี้วางสายไป รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก นี่ก็ทำไม่ได้ นั่นก็ทำไม่ได้ ติดอยู่ตรงกลางอย่างนี้ทรมานจริง ๆ!
“จอมพลโผ้จวินครับ เรื่องนี้มีมูลความจริง” เทียนขุยเดินเข้ามาพลางเอ่ยพูดไปพลาง : “จากที่ผมไปสืบข้อมูลมาเมื่อครู่นี้ แก๊งเก้ามังกรประกาศกฎอัยการศึกแล้วจริง ๆ เพียงแต่ว่าไม่ได้เข้าไปในแก๊งเก้ามังกร จึงไม่สามารถยืนยันเรื่องอื่น ๆ ได้”
เทียนพูดจบ ก็รู้สึกว่าคำพูดตัวเองมีความย้อนแย้ง จึงยิ้มออกมาอย่างฝืน ๆ แล้วไม่พูดอะไรต่อ
ฟางเหยียนนิ่งเงียบ
“จอมพลโผ้จวินครับ ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ ยัยจอมมารนั่นพูดไม่ผิดเลย ตอนนี้ไม่ต้องสนเรื่องความเป็นความตายของลูกชายหลงเซี่ยวเทียนก่อน แต่เพลิงเสวนเริ่มพุ่งเป้าไปที่สำนักกุ่ยกู๋แล้ว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อพวกเราอย่างมาก และตอนนี้คุณต้องการสมบัติของสำนักกุ่ยกู๋ เรื่องนี้พวกเราจะนิ่งดูดายไม่ได้นะครับ โดยเฉพาะหลงเซี่ยวเทียน ดูเหมือนเขาตั้งใจตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเพื่อคุณ พวกเรา……”
“เทียนขุย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ นายรู้สึกว่าช่วงนี้ว่างมากเกินไป โดยเฉพาะได้ยินเสียงของเพลิงเสวน ก็จิตใจกระสับกระส่ายขึ้นมา ดังนั้นเลยยอมช่วยชิงตี้ออกหน้า ใช่ไหม?”
เทียนขุยหัวเราะแหะแหะ รู้สึกเขินอายเล็กน้อย : “มีแต่จอมพลโผ้จวินนี่แหละที่เข้าใจผม แหะแหะ……”
“งั้นก็ไปเถอะ เพียงแต่……” ฟางเหยียนเอ่ยพูดเสียงต่ำ : “เรื่องนี้พวกเราจำเป็นต้องไปเพียงลำพัง!”
เทียนขุยกลอกตาไปมา เข้าใจขึ้นมาทันที นี่ฟางเหยียนไม่เชื่อใจชิงตี้กับเสวียนเย่!
——
ทั้งสองคนมาถึงด้านหน้าของหน้าผาที่หลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูกกระโดดลงไป
เทียนขุยเอ่ยพูด : “จอมพลโผ้จวินครับ ที่นี่เป็นจุดที่หลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูกกระโดดลงไป แต่ผมกลับได้รับข่าวอื่นมาอีก ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีไหม!”
“แล้วทำไมก่อนหน้านี้นายถึงไม่พูด?”
“ที่จริงยมราชไม่ให้ผมบอกคุณครับ” เทียนขุยฝืนยิ้มออกมา : “เพราะเมื่อคุณได้ฟังข่าวนี้ จะรู้สึกย้อนแย้งมาก!”
“ย้อนแย้ง?” ฟางเหยียนเอ่ยอย่างสงสัย : “ข่าวอะไรถึงทำให้ฉันรู้สึกย้อนแย้ง? หรือว่าชิงตี้วางกับดักเอาไว้? นายกลัวว่าฉันจะใจอ่อนงั้นเหรอ?”
“ไม่ได้เกี่ยวกับชิงตี้ครับ แต่เป็นเรื่องอื่น เอาเถอะ ผมเองเป็นพวกท่อตรงเก็บซ่อนอะไรไว้ไม่ได้อยู่แล้ว ฉันบอกคุณตามตรงเลยแล้วกัน”
เทียนขุยบอกข่าวที่ยมราชสืบมาได้ให้ฟางเหยียนฟังอย่างไม่ลังเล เล่าครบถ้วนไม่ขาดไม่เกิน
“ยมราชหมายความว่า การที่หลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูกประสบเคราะห์ร้าย เกี่ยวข้องกับชายชราตาบอดที่เอามีดให้ฉันในตอนนั้น?”
“จอมพลโผ้จวิน เป็นอย่างนั้นแหละครับ” เทียนขุยพยักหน้า : “ยมราชเดาว่า ชายชราตาบอดคนนั้นเป็นคนของสำนักกุ่ยกู๋ และสำนักกุ่ยกู๋เกิดกบฏขึ้น ดังนั้น……”
“ดังนั้น พวกเราเจอเรื่องลำบากแล้ว? ใช่ไหม?”
“ก็ไม่เชิงครับ ความหมายของยมราชคือ นี่เป็นการคาดเดาของเขา ยังไงซะหลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูกก็ต้องทุกข์ทรมานเพราะคุณ หรือเพลิงเสวนอาจรู้ข่าวอะไรแล้วก็เป็นได้ โดยเฉพาะยัยนางมารนั่น เหมือนรู้ความเคลื่อนไหวของคุณอยู่ตลอดเวลา”
“อย่าเอาแต่เรียกยัยนางมารยัยนางมาร ชอบพูดจาว่าร้ายคนอื่นลับหลัง นี่มันเป็นเรื่องไร้คุณธรรมสิ้นดี!”
เสียงพูดเงียบลง ชิงตี้ก็โผล่มาจากด้านหลังของทั้งสองคน!
“จอมพลโผ้จวิน คุณดูสิ พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ!” เทียนขุยเอ่ยพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ
ชิงตี้ขี้เกียจสนใจเทียนขุย เธอหันไปมองฟางเหยียนแล้วเอ่ยพูด : “สามีคะ อ้อ ไม่สิ จอมพล ที่เทียนขุยคาดเดาไม่ถูกต้อง สำนักกุ่ยกู๋ไม่ได้เกิดกบฏ ไม่เพียงแต่ไม่มีการกบฏเท่านั้น แต่ยังมีท่าทีเป็นกลางมากด้วย หลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูกถูกเพลิงเสวนเจอตัวเข้า ที่จริงพูดให้กระจ่างหน่อย ก็คือตั้งแต่ที่พวกเขาปรากฏตัวที่ภูเขาเก้ามังกร ก็อยู่ในการควบคุมของเพลิงเสวนตลอด รวมถึงการที่คุณสองคนเข้าไปที่ภูเขาเก้ามังกร ไปที่แก๊งเก้ามังกร และได้เกราะเทพมังกร ฉะนั้น ทั้งหมดนี่ล้วนอยู่ในสายตาของเพลิงเสวนทั้งสิ้น”
เทียนขุยไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เหมือนอย่างที่เขาเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ คนของเพลิงเสวนจมูกไวมาก การคาดเดาของยมราชเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ตอนนี้ได้รับการยืนยันจากชิงตี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย เพียงแต่ว่าเขารำคาญชิงตี้มากจริง ๆ มีหลายครั้งที่อยากฆ่าเธอให้ตายไปซะ!
โดยเฉพาะสถานะของชิงตี้ ทำให้เทียนขุยยากที่จะปล่อยวาง บวกกับเรื่องที่คุณนายถูกจับตัวไป ทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัดใจเหมือนมีก้างติดอยู่ที่คอ!
“คำพูดนี้ นายเชื่อถือมากแค่ไหน?”
ชิงตี้ขมวดคิ้วเรียวสวย เห็นได้ชัดว่าฟางเหยียนไม่เชื่อใจพวกเขาอีกแล้ว
ก็ไม่แปลก ใครพบเจอเรื่องแบบนี้ ก็ยากที่ปล่อยวางได้ทั้งนั้นแหละ!
“จอมพล สำนักกุ่ยกู๋เป็นสำนักที่ลึกลับมากที่สุดในบรรดาสำนักใหญ่ทั้งห้าสำนัก และพวกเขามีชื่อเสียงเรื่องความลึกลับมาตลอด เพลิงเสวนตามหาเบาะแสร่องรอยมานานหลายสิบปีแต่ก็หาไม่พบ แน่นอนว่า หลงเซี่ยวเทียนมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ด้วย เพราะยังไงระหว่างสำนักใหญ่ทั้งห้าสำนักก็ได้ครอบครองเบญจธาตุทั้งห้าซึ่งได้แก่ ธาตุโลหะ ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุดินของประเทศหวาเอาไว้ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ ไม่งั้นจะเกิดความไม่สงบสุข และสำนักกุ่ยกู๋ได้ครอบครองธาตุโลหะไว้ พวกเขาลึกลับยิ่งกว่าเพลิงเสวนเสียอีก”
“แทนที่จะกล่าวว่าพวกเขาเป็นสำนักกุ่ยกู๋ สู้กล่าวว่าพวกเขาเป็นสำนักที่แยกตัวออกมาดีกว่า ทุกคนต่างรู้ดีกว่าพวกเขารอบรู้เรื่องทุกอย่างในโลกนี้ ค้างมีดและวิธีปากั้ว(แผนผังแปดทิศ) ดังนั้นหากต้องการตามหาต้นตอแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย และนี่เป็นความเป็นเจ็บปวดที่สุดของเพลิงเสวน ที่ไม่สามารถสืบหาตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาได้มาตลอด ลึกลับที่สุด แต่หลงเซี่ยวเทียนกลับเอาบันทึกโบราณออกมา เพื่อโน้มน้าวให้สำนักกุ่ยกู๋มอบสมบัติให้ ดูเหมือนเร้นลับมาก แต่ความเป็นจริงกลับไม่ใช่อย่างนั้น ตั้งแต่ที่พวกเขาออกจากภูเขาเก้ามังกร ก็ถูกคนสะกดรอยตามมาตลอด”
“จุดนี้ ฉันจำเป็นต้องบอกให้รู้ว่า ด้านล่างเป็นที่อยู่ของสำนักกุ่ยกู๋จริง ๆ แต่ฉันก็เคยโชคดีมีโอกาสได้พบกับชายชราตาบอดค้างมีดคนนั้น แต่เห็นได้ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้รู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนไม่มีตัวตนอยู่เลย”
“เขาปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ ขนาดนั้น แล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่คนของเพลิงเสวนในตอนนั้นยังไม่รู้เรื่อง เนื่องจากไม่กล้าเข้าใกล้ เลยไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับหลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูก จากนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคนที่จับจ้องอยู่ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดมากเหลือเกิน”
เทียนขุยก็พยักหน้าแล้วเอ่ยพูด : “ยมราชรู้เพียงแค่ว่ามีคนคนหนึ่งปรากฏตัวแล้วหายตัวไป ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เบาะแสที่มีทั้งหมดสิ้นสุดที่หน้าผาแห่งนี้แหละครับ”
ฟางเหยียนครุ่นคิดเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยพูด : “บอกจุดประสงค์ที่เสวียนเย่ส่งเธอมาสิ”
“กำจัดกองกำลังของเสวียนเจิ้น ฆ่าคนร้ายที่มายังที่นี่!”
“นี่ค่อนข้างเข้ากับสไตล์การทำงานของเสวียนเย่หน่อย แต่เธอคิดว่าฉันควรจะทำยังไง?”
ชิงตี้เงียบไป
“ไม่มีอะไรที่มีราคาเท่ากันมาแลก แล้วเธอจะรับสิ่งตอบแทนได้ยังไง? จะจับเสือมือเปล่างั้นเหรอ?”
ชิงตี้ยังคงนิ่งเงียบ เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าราคาที่ต้องจ่ายที่ฟางเหยียนหมายถึงคืออะไร ตอนนี้ราคาที่ต้องจ่ายเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเพลิงเสวน แต่เธอจะพูดมันออกมาได้ยังไงกันล่ะ? เรื่องนี้เธอได้เสนอเสวียนเย่ไปแล้ว แต่ถูกเขาปฏิเสธกลับมา
“กลับไปซะเถอะ ความร่วมมือระหว่างพวกเราจบลงเท่านี้ ต่อไปหากเจอหน้ากันอีกก็คือศัตรู!”
ได้ยินคำพูดนี้ ใจของชิงตี้เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง นี่ถือว่าแตกหักกันแล้วใช่ไหม?
เทียนขุยจ้องมองฟางเหยียนอย่างประหลาดใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเข้าใจดี ว่าฟางเหยียนปล่อยวางไม่ได้!
ในที่สุดก็สามารถตัดขาดกับพวกเขาได้แล้ว ต่อไปเจอหน้ากัน ก็สามารถยืดเส้นยืดสายจัดการได้อย่างเต็มที่แล้ว!
“ยังมัวอึ้งอะไรอยู่ได้? อยากตายอยู่ที่นี่จริง ๆ ใช่ไหม?” เทียนพูดเสียงเย็นชา
“จอมพลคะ คุณจำเป็นต้องมีพวกเราจริง ๆ นะคะ ขอโทษที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่นายน้อยพยายามชดเชยให้มาตลอด แม้แต่เรื่องครั้งนี้ ที่ได้ฝากฝังให้ฉันจัดการทุกอย่าง ให้ฟังคำสั่งคุณ คุณมีสิทธิ์ตัดสินความเป็นความตายของฉัน แต่ว่า……” พูดถึงตรงนี้ ชิงตี้ก็น้ำตารื้นเบ้าตา : “แต่ว่า ถ้าเกิดเสวียนเจิ้นได้สมบัตของสำนักกุ่ยกู๋ไป โอกาสชนะก็ยิ่งมีมากขึ้น มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคุณแน่นอน ดังนั้นฉันหวังว่าจอมพลจะสามารถไตร่ตรองให้รอบคอบกว่านี้ แล้วค่อยตัดสินใจ”
“น้ำตาไม่มีค่าขนาดนี้เลยเหรอ?” เทียนขุยเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา : “อย่ามาใช้ลูกไม้น่าสงสารแบบนี้กับจอมพลโผ้จวิน เธอไม่คู่ควร! ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง ไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอไปไหนไม่ได้อีก ในเมื่อขีดเส้นชัดเจนแล้ว งั้นเธอก็เป็นศัตรู ศัตรูเวลาเจอหน้ากันจะโกรธแค้นกัน เตรียมตัวตายแล้วหรือยัง?”