จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 840 เจอปัญหานิดหน่อย สถานการณ์แย่มาก
การคาดการณ์อันตรายที่จะมาถึงล่วงหน้าเป็นความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของฟางเหยียน แต่ครั้งนี้ เขากลับเหมือนคนตาบอด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอันตรายที่มีอยู่ทุกที่ แต่นี่แม้แต่อันตรายโผล่มาจากทางไหนก็ไม่สามารถมองเห็นได้เลย!
ถูกศัตรูล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน ถูกซุ่มโจมตีจากทุกทิศทาง!
อันตรายเต็มไปหมด!
เหมือนกับทุกทิศทางมีสายตาคอยจับจ้องอยู่ ความรู้สึกที่มีคนคอยจ้องมองอยู่ทำให้รู้สึกหวาดกลัว รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว!
แต่สิ่งที่ทำให้ฟางเหยียนประหลาดใจมากก็คือ อันตรายนี้เห็นได้ทุกที่ แต่กลับไม่สามารถหลีกหนีได้ อันตรายเหล่านี้ไม่โจมตีตรง ๆ เหมือนวางระเบิดไว้ข้างตัวคุณ มันสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา แต่กลับไม่ระเบิดออกมาง่าย ๆ เทียบได้กับอันตรายที่สามารถโผล่ออกมากะทันหัน ความรู้สึกแบบนี้ทำให้คนรู้สึกเหนื่อยล้ากายใจ ทรมารและน่าอึดอันมาก!
ถูกต้อง นี่เป็นการทรมานคุณ เพลินเพลินกับการได้เป็นฝ่ายควบคุมและจัดการ!
ฟางเหยียนโบกมือเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เทียนขุยสงบนิ่งลงหน่อย ขณะที่มั่นใจว่ายังไม่มีอันตรายใด ๆ โผล่มา เขาก็เริ่มสังเกตรอบ ๆ อย่างละเอียด การยืนยันที่มาของอันตรายเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เขาต้องแน่ใจก่อนว่าอันตรายอยู่ที่ไหน? ไม่เพียงเท่านี้ เขายังต้องคลี่คลายวิกฤต เปลี่ยนจากอันตรายให้กลายเป็นความปลอดภัย!
เมื่อสำรวจอยู่ครู่หนึ่งไม่พบสิ่งที่ผิดปกติอะไร เขาก็พบว่าเทียนขุยไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย นี่ถือเป็นข่าวดี แต่อันตรายพวกนี้มันมาจากที่ไหนกันแน่? อดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง สุดท้ายสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้า
นั่นคือไม้กระดานแผ่นหนึ่ง ไม้กระดานไม่มีอะไรแตกต่าง แม้แต่ลวดลายก็ยังเหมือนกันทุกอย่าง สลักเป็นรูปแบบแตกต่างกันไป มีทั้งรูปมังกร รูปเสือ รูปคน แต่ไม้กระดานที่เขาเหยียนอยู่แผ่นนี้ สลักเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง ครึ่งคนครึ่งสัตว์!
รูปครึ่งคนครึ่งสัตว์!
ไม้กระดานนี่มีปัญหา!
นอกจากรูปครึ่งคนครึ่งสัตว์แล้ว ทุก ๆ สามแผ่นจะมีรูปครึ่งคนครึ่งสัตว์อยู่หนึ่งแผ่นคั่นไว้!
สาม?
ตัวเลขนี้เหนือความคาดหมายของฟางเหยียนมาก!
เลขสามที่อยู่ในกว้านี้เหนือความคาดหมายมาก หนึ่ง*กว้าคุมสามสิ่ง มีทั้งหมดแปดทิศ รวมกันเป็นยี่สิบสี่ตำแหน่ง! (*กว้าก็คือตรีลักษณ์ ควบคุมสามสิ่ง)
หรือว่า……
จริงด้วย!
กุ่ยกู๋จื่อบรรพบุรุษของสำนักกุ่ยกู๋ เป็นผู้คิดค้นเรื่องกว้า ออกแบบให้กว้ามียี่สิบสี่ตำแหน่งเพื่อให้มีโชคลาภและหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย หากอยากจัดการกับอันตรายนี้ ขอแค่หากว้าให้เจอ หาสิ่งที่ดีและไม่ดีให้พบ ก็จะสามารถรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้!
ทันใดนั้น เขาดูเหมือนเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าต้นเหตุของอันตรายที่เกิดขึ้นมาจากไหน เกรงว่าจะเป็นกุ่ยกู๋ บรรพบุรุษของสำนักกุ่ยกู๋นั่นเอง!
คิดดูแล้วก็จริง แล้วเขาจะกลัวอันตรายไปทำไม?
มีอุปสรรคอันตรายอะไรที่เขาไม่เคยพบเจอบ้างล่ะ?
จะมาขนลุกกลัวอันตรายครั้งนี้ได้ยังไงกันล่ะ?
นอกจากกุ่ยกู๋จื่อที่เป็นคนมากฝีมือจนน่าตกตะลึงแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงคนนั้นแล้วล่ะ!
เมื่อแน่ใจถึงที่มาของอันตรายแล้ว เขาก็วางใจได้สักที สำหรับเรื่องกว้านั้น แม้ว่าฟางเหยียนไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแต่ก็ไม่ใช่คนนอกวงการ จึงทำให้พอรู้มาบ้าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะคนคนนั้น เขาอาจจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยก็ได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ได้พบแล้ว เขาก็อยากลองดูสักหน่อย!
จะไม่ลองได้ยังไงกันล่ะ? ยังไงก็อยู่ท่ามกลางอันตรายอยู่แล้ว!
ฟางเหยียนได้เริ่มท่องขึ้นมา : “ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นเฉียน ทิศเหนือเป็นข่าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเกิ้น ทิศตะวันออกเป็นเจิ้น ทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นซวิ่น……”
ตรงทางเข้า เป็นตำแหน่ง*เหริน จื่อ ขุย พอดี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขายืนอยู่! และเป็นตำแหน่งที่ทำให้เกิดอันตราย! (*เหริน จื่อ ขุย เป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงข่าน)
นี่เป็นตำแหน่งชั่วร้าย!
อันตรายเหล่านี้เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ห้อยอยู่บนหัว แต่มีดเล่มนี้กลับไม่ได้ร่วงหล่นลงมา สาเหตุนั้นง่ายมาก เป็นเพราะเขาเหยียบอยู่ที่ตำแหน่งข่านตลอด ถ้าหากเคลื่อนย้ายเพียงครึ่งก้าว อันตรายเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นทันที อันตรายนี้สามารถทำลายเขาได้ทุกเมื่อ!
ไม่คิดอะไรมากมายแล้ว อันตรายยังไม่ได้รับการแก้ไข!
เขาหยุดความคิดลง แล้วจ้องไปยังตำแหน่ง เหริน จื่อ ขุย ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า จากนั้นก็วิเคราะห์อย่างละเอียด : “กว้าข่าน ควบคุม เหริน จื่อ ขุย ซึ่งจื่อเชื่อมกับ*อู่……” (*กว้าหลี อยู่ตรงข้ามกับกว้าข่าน ควบคุม ปิ่ง อู่ ติง)
หลังอยู่ตรงข้ามกับหอไผโหลว ฟางเหยียนหลับตาลง แล้วมองไปยังฝั่งตรงข้าม จากนั้นนับไปสามแผ่นไม้กระดาน ไม้กระดานแผ่นไหนแกะสลักเป็นรูปมังกร ตำแหน่งนั่นก็คือตำแหน่งปิ่งซึ่งเชื่อมต่อเหริน ตำแหน่ง*ไห้เป็นความชั่วร้าย หากเดินผิดไปก้าวหนึ่ง ก็จะถูกอันตรายนี้ฆ่าได้! (*กว้าเฉียน อยู่ทางด้านซ้ายของกว้าข่าน ควบคุม ซู เฉียน ไห้)
เขามองไปยังไม้กระดานอีกสามแผ่นที่อยู่ด้านซ้าย แผ่นไหนแกะสลักรูปครึ่งคนครึ่งสัตว์ แสดงว่าตำแหน่งนั้นไม่ใช่ตำแหน่งที่ปลอดภัย เขาจำต้องหันไปมองไม้กระดานสามแผ่นทางทิศเหนืออีกครั้ง แผ่นไหนแกะสลักเป็นรูปคน นั่นคือกว้าเฉียน นั่นถือเป็นตำแหน่งที่ดี เพียงแต่คลี่คลายได้เฉพาะอันตรายส่วนนี้เท่านั้น ไม่สามารถถอยออกไปได้หมด
ฟางเหยียนมองติดต่อกันทั้งสี่ด้าน แล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เขายังคงไม่มีทางแก้ไขตำแหน่งชั่วร้ายเหริน จื่อ ขุย ที่เขาเหยียบอยู่!
ไม่ใช่ว่าเขาเรียนรู้ได้ไม่ดีพอ แต่คนที่สร้างค่ายกลนี้ต้องเป็นคนที่สูงส่งมากแน่นอน!
พูดง่าย ๆ ก็คือ ค่ายกลนี้ทำให้ฟางเหยียนจนปัญญาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ไม่มีความสามารถที่จะทำลายได้เลย!
อย่าว่าแต่เขาเลย หากเรียกคนคนนั้นก็อาจจะแก้ไขไม่ได้เหมือนกัน!
พูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ จะเข้าไปด้านในนี้ มีเพียงความตายอย่างเดียวเท่านั้น!
โหดร้ายเกินไปแล้ว!
ภายในสำนัก มีลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูอยู่สองคนเอ่ยหยอกล้อด้วยเสียงเบา ๆ ว่า
“ไอ้หนุ่มนั่นน่ะคิดจะใช้หลักการของฮวงจุ้ยที่รู้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ มาทำลายค่ายกลพิฆาตที่บรรพบุรุษสร้างมาหลายพันปีจริง ๆ น่ะเหรอ? น่าขำเกินไปแล้วมั้ง แกเห็นหรือเปล่า ตอนนี้ท่าทางมันเหมือนอัดอั้นตันใจ หมดอาลัยตายอยากเลย เห็นได้ชัดว่ามันจนปัญญาแล้ว!”
“คิดจริง ๆ เหรอว่าหาสำนักกุ่ยกู๋เจอแล้วจะสามารถเข้ามาได้ง่าย ๆ น่ะ? เพ้อฝันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ น่าตลกขบขันจริง ๆ อย่าว่าแต่มันที่เป็นแค่คนไม่เต็มบาทคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นไหล้ปู้ยี(ปรมจารย์ฮวงจุ้ย)มาเอง ก็ยังต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ถูกอันตรายของบรรพบุรุษฆ่าตาย! ได้แต่ต้องไว้อาลัยให้ไอ้หนุ่มคนนี้แล้วล่ะ คนที่มาสำนักกุ่ยกู๋มีไม่น้อย บุกเข้ามาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้หนุ่มนี่เหยียบโดนตำแหน่งเหริน จื่อ ขุย ที่เป็นตำแหน่งชั่วร้าย ตำแหน่งชั่วร้ายนี้ ไม่มีทางแก้ไขได้ มีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น!”
“จริงด้วย ที่ผ่านมามีคนบุกฝ่าค่ายกลมากมาย นอกจากผู้ชายคนนั้นแล้ว ยังมีใครสามารถบุกเข้ามาได้อย่างปลอดภัยได้อีก? โชคดีบุกฝ่าเข้ามาได้ถ้าไม่แขนขาดก็ขาขาด สามารถเข้าไปถึงหอไผโหลวได้ ถึงจะเป็นผู้สูงส่งที่มีสติปัญญาอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แต่ไอ้หนุ่มนี่ ถึงเวลาคงต้องลำบากพวกเราคอยเก็บศพอีกแล้ว!”
“ช่างเถอะ สำหรับคนหนุ่มที่บุ่มบ่ามวู่วามอย่างนี้ ฉันไม่อยากดูเลยด้วยซ้ำ เอางี้แล้วกัน ฉันของีบสักพัก ไว้รอมันตายแล้วค่อยเรียกฉันไปเก็บศพ” ไม่รอให้เขาตอบรับ คนคนนั้นก็บ่นด่าขึ้นมา : “น่ารำคาญจริง ๆ ต้องขอบคุณบรรพบุรุษเลยนะ หมาแมวที่ไหนก็กล้าบุกฝ่ายค่ายกลได้งั้นเหรอ? ดีที่ค่ายกลนี่ช่วยลดปัญหาเหล่านี้ไปได้ไม่น้อย คำพูดของคนโบราณนี่ไม่หลอกลวงเลยจริง ๆ จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้มาจำกัดพวกคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
คนเฝ้าประตูอีกคนได้แต่หัวเราะ แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เหตุการณ์อย่างนี้เขาเห็นมามากแล้ว พวกคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มักคิดว่าตัวเองเป็นคนที่สามารถบุกฝ่าทะลวงเข้ามาได้ แต่ผลที่ได้คือ คนที่เข้ามาล้วนบาดเจ็บสาหัสปางตายกันแทบทุกคน ยกเว้นคนคนนั้น!
เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น สีหน้าเยาะเย้ยของเขาก็หายไปทันที แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคารพยำเกรงแทน ความเคารพยำเกรงระดับนี้ไม่น้อยไปกว่าตอนทีเห็นเจ้าสำนักคนปัจจุบันเลย ความเคารพยำเกรงแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งออกมา แต่เป็นความเคารพยำเกรงที่ออกมาจากในจิตใจ แต่ในความเคารพยำเกรงนี้กลับมีความฝืนใจปนอยู่
ผู้ชายคนนั้นถอยออกไป แล้วก็บุกฝ่าเข้ามาได้อย่างปลอดภัย และตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนั้นกำลังเหยียบอยู่ตำแหน่งชั่วร้ายเหริน จื่อ ขุย เหมือนกับผู้ชายคนนั้นในตอนนั้นไม่มีผิด เพียงแต่ว่าถึงจะเป็นคนเหมือนกันแต่คนละชีวิต มองดูอยู่สักพัก เขาก็ละสายตาคู่นั้นไป ไม่คิดจะมองดูต่ออีก
สาเหตุนั้น ไม่ซับซ้อนเลย เพราะเห็นมามากแล้วจึงไม่รู้สึกแปลกใจ คนแบบนี้มีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น ถึงจะมองดูมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหลีกหนีตำแหน่งชั่วร้ายนี้ไปได้!
มีเพียงแค่ปัญหาเรื่องเวลาเท่านั้น มากสุดก็สิบห้านาที เขาก็สามารถไปเก็บศพได้แล้ว!
ทางฝากฟางเหยียน เมื่อแน่ใจว่าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เขาก็ไม่ได้รีบร้อนตื่นตระหนก หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะร้อนรนจนเหมือนมดในกะทะร้อนแล้ว แต่อาจารย์เคยบอกไว้ว่า ให้สงบนิ่ง คิดไตร่ตรองและอดทน ทำให้เขาไม่ตื่นตระหนก และนี่เป็นเหตุผลที่เขาเป็นคนสงบนิ่งไม่หวั่นไหวต่อเรื่องใด ๆ!
ยามว่างจิตใจต้องมั่นคง ยามมีเรื่องจิตใจต้องฟุ้งซ่าน หากมีเรื่องใหญ่ต้องมั่นใจกล้าหาญ หากเป็นเรื่องเล็กต้องไม่ชักช้ารีรอ!
ตอนที่รู้ว่าไม่สามารถแก้ไขกว้านี้ได้ เขาก็รู้แล้วว่ากว้านี้ไม่มีวิธีแก้ไข!
โดยเฉพาะอันตรายรอบทิศยังคงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น รู้สึกกดดันเหมือนถูกภูเขาไท่กดทับลงมา เขารู้ดีว่า เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว!
เทียนขุยที่อยู่ด้านข้างร้อนใจจนอยู่นิ่งไม่ไหว หลายครั้งที่คิดอยากจะพุ่งเข้ามา แต่หากฟางเหยียนไม่เอ่ยปาก เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้ จึงได้แต่ตะโกนอย่างร้อนใจ : “จอมพลโผ้จวิน คุณเป็นอะไรกันแน่? ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับเลย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?”
ฟางเหยียนยังคงเอ่ยพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉย : “เจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย สถานการณ์แย่มาก!”
ได้ยินประโยคนี้ เทียนขุยถึงกับฟุ้งซ่านทันที!