จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 860 หนุ่มน้อยผู้องอาจ
ที่นี่คือดินแดนภาคกลาง แบ่งกลางระหว่างทั้งประเทศหวา กินพื้นที่5มณฑล8เมือง แยกประเทศหวาเป็นสองส่วน เทือกเขาเป็นเหมือนมังกร คอยค้ำชูทั้งประเทศหวา
ได้ครอบครองดินแดนภาคกลาง ก็มีผลไปทั้งประเทศหวา ดึงดูดเอาพลังทั้งฟ้าดิน เป็นสถานที่ที่มียุทธภูมิที่ดี ฮวงจุ้ยดี เป็นดินแดนพยัคฆ์มังกร
ตามตำนาน ที่นี่ถูกหลิวปั๋วเวินมองว่าเป็นพื้นที่ที่มีฮวงจุ้ยดี หลิวปั๋วเวินยอมทำลายเขาคดเคี้ยวอื่นๆ ทั้งหมด แล้วเหลือเพียงเขาคดเคี้ยวในดินแดนภาคกลางที่เดียวเพื่อจักรพรรดิหมิงไท่จู่จูหยวนจาง เพื่อใช้เป็นสิ่งที่คอยปกป้องราชวงศ์หมิงหลายร้อยปี ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ที่กษัตริย์และขุนนางทั้งหลายเชิดชู แต่คนมากมายใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหาเขาคดเคี้ยวนี้ได้พบ พอนานเข้า ต่อให้เป็นกษัตริย์และขุนนางทั้งหลาย ก็ไม่ตามหาเขาคดเคี้ยวนี้กันแล้ว
ที่นี่ก็เลยกลายเป็นพื้นที่ที่ถูกซ่อนไว้อย่างเป็นความลับ ต่อให้มาถึงที่นี่ นอกจากคุณได้เห็นป่าลึกแล้ว ก็ยังมีพวกสัตว์ร้ายทั้งหลาย ที่คอยเฝ้าที่นี่เอาไว้ ไม่ให้คนนอกเข้ามา
และกลายเป็นดินแดนลับที่คนของประเทศหวาพูดถึงกัน และเป็นแดนในอุดมคติของผู้คนทั้งหลาย มันลึกลับจนไม่อยากจะเข้าไป ถูกมองเป็นสวรรค์ของเหล่าเทพ ใครเข้าใกล้ ก็จะตายอย่างผิดธรรมชาติ
ไม่บอกไม่ได้ว่า มีคนเก่งที่ใจกล้า มีเงินมาก และคิดจะเปิดป่าลึกนี้ แล้วเอาทีมสำรวจเข้ามาสำรวจในนี้ แล้วเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างยากจะคาดคะเน 4ฤดูกาลในหนึ่งปี ล้วนเกิดขึ้นในป่านี้ทั้งหมด ตอนนี้โครงการจะเริ่มนั้น คนที่เข้ามาในป่านี้ทุกคน ก็ได้ตายอย่างแปลกประหลาดไปหมดทุกคน คนมากมายเดากันว่าเทพเจ้าในป่านี้โมโห เลยลงโทษทุกคน สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับที่นี่อีก
ตอนหลังจากที่พวกคนรวยพวกนั้นตายกันไปหมดแล้ว ก็มีคนไม่น้อยที่อยากจะเข้ามาเปิดความลับของเทือกเขาแห่งนี้ เสียดายที่คนมากมายที่เข้ามาในเทือกเขานี้ สุดท้ายก็ไม่มีใครกลับออกไปได้สักคน ได้ตายกันไปอย่างลึกลับ มีบางคนที่ต้องตายไปทั้งครอบครัว ทำให้ทางครอบครัวต้องรับกรรมไปด้วย ติดโรคที่รักษาไม่หาย สุดท้ายก็ตายไปอย่างอนาถ!
เทือกเขาแห่งนี้มีชื่อเสียงไม่ดีเท่าไรนัก ดังนั้นก็เลยดึงดูดคนที่ชอบการผจญภัย สุดท้ายก็ไม่มีใครใช้ชีวิตที่เหลือของตนเองได้อย่างสุขสบายเลย ดังนั้นก็เลยให้ชื่อเสียงแก่เทือกเขานี้ว่ามีความลึกลับมาก!
ในประเทศหวา เทือกเขาแห่งนี้ถือว่าเป็นดินแดนลึกลับอันดับต้นๆ แม้แต่เขาฉางไป๋ เขาคุนหลุน กระทั้งเขาเทียน ล้วนไม่อาจเทียบกับมันได้เลย นอกจากมันจะมีชื่อเสียงไปทั้งประเทศแล้ว ก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วย แม้แต่พีระมิดของต่างประเทศ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ก็ยังเป็นรองมัน!
เทือกเขาที่มีความลึกลับซ่อนอยู่นี้ มีชื่อที่น่าฟังมาก มันชื่อว่า ภูเขาเสินเจี้ย!
ป่าเขาลึกลับซับซ้อน เขาแต่ละลูกสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนกับเป็นมังกรพาดตัวนอนยาวอยู่ คดเคี้ยวขึ้นลง กระจายไปทั่วทิศ ที่นี่เหมือนถูกลบออกไปจากโลก ต่อให้เป็นดาวเทียมนอกโลกก็ไม่มีทางสำรวจมันได้พบ แต่ละเทือกเขา มันเหมือนกับเส้นเลือดแต่ละเส้น ยืดยาวต่อกันออกมา ไม่รู้ว่ามีระยะทางยาวเท่าไร เทือกเขายังคงสภาพเป็นป่าดึกดำบรรพ์ ผ่าเขียวชอุ่ม ต้นไม้สูงเทียมเมฆ สัตว์มากมายนับไม่ถ้วน
ถ้าคุณมองจากบนอากาศลงไป นอกจากเทือกเขานี้จะเหมือนมังกรที่กำลังเหินฟ้าแล้วนั้น มันยังเหมือนกับสัตว์ในยุคโบราณ ที่มีสีหน้าอำมหิต ปากที่มีเขี้ยวแหลม ทำท่าจะกลืนกินฟ้าดิน ถ้าจะบอกว่าที่นี่เป็นป่าดึกดำบรรพ์ ไม่สู้บอกว่าที่นี่เป็นอีกโลกหนึ่งดีกว่า
ภูเขาเสินเจี้ยที่ชื่อเสียงที่ดังออกไปด้านนอก ว่าเป็นดั่งแดนต้องห้ามลึกลับ แต่กลับมีทิวทัศน์ที่แปลกตา เขาสูงชัน มีสายน้ำไหลและสะพานข้าม มีสิ่งก่อสร้างในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ ล้วนถูกซ่อนอยู่ที่นี่
สิ่งก่อสร้างโบราณที่เป็นกลุ่ม เป็นเหมือนกับเกราะป้องกันแต่ละชั้นให้กับภูเขาเสินเจี้ย ปกปิดความน่ากลัวของภูเขาเสินเจี้ย
บนสะพานที่ยาวราวกับเป็นสะพานสวรรค์ มีเงาคนหนึ่งผ่านเข้ามาอย่างเร็ว บันไดสวรรค์9พันขั้น เขาใช้เวลาไป10นาที ถือได้ว่าก้าวเดินอย่างกับเหยียบเมฆ เงาคนนั้นก็ไม่รอรี ไม่นานก็เข้าไปในสิ่งก่อสร้างโบราณนั้น แล้วก็หายตัวไป
ตำหนักด้านข้าง ในห้องหนังสือ มีคนสวมชุดสง่างามอยู่คนหนึ่ง เป็นวัยรุ่นท่มีหน้าตาดี กำลังตั้งใจอ่านคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่ง และด้านหลังของหนุ่มคนนั้น ก็มีคนแก่คนหนึ่งที่นั่งบังไว้จนมิด คนแก่คนนั้นนั่งนิ่งเหมือนพระเข้าฌาน ไม่ขยับตัวเหมือนหุ่น
และในตอนนี้เอง คนที่หายไปก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องหนังสือ แล้วเคาะประตูอย่างเคารพ
หนุ่มคนนั้นไม่เงยหน้า แล้วพูดว่า “เข้ามา”
น้ำเสียงมีความเกีนงไกล ไม่ต้องโมโหก็ทำให้คนกลัวได้ ดูไม่เข้ากับอายุของเขาเลย
พอได้รับคำตอบ คนคนนั้นก็โน้มตัวเข้ามา แล้วพูดเบาๆ ว่า “ท่านราชา ตามที่สายลับบอกมา หลงเซี่ยวเทียนไปพบฟางเหยียนแล้ว ส่วนพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันนั้น ไม่สามารถรู้ได้ อีกเรื่อง ดูเหมือนว่าหลงเซี่ยวเทียนจะไม่คิดช่วยเหลือลูกชายตนเอง ส่วนของล้ำค่าของทั้งหยินเหมินทั้งห้า ก็ได้อย่ในมือของฟางเหยียนแล้ว ตามที่สายลับจากดินแดนตะวันรายงานมา ฟางเหยียนปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาทิพท์อีกแล้ว ส่วนรายละเอียดนั้นกำลังสืบอยู่”
หนุ่มน้อยคนนั้นเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงหมกมุ่นอยู่ในคัมภีร์ คนนั้นพูดจบ ก็น้อมตัวลงมากกว่าเดิม จน90องศา ถ้ามองดีๆ จะเห็นคนนั้นกำลังเหงื่อตกไปทั้งหน้า ตัวก็เริ่มสั่น ราวกับตรงหน้าไม่ใช่หนุ่มน้อยที่ไหน แต่เป็นทรราชคนหนึ่ง!
หนุ่มคนนั้นก็ยังคงดูคัมภีร์ต่อไป คนนั้นก็พูดเตือนขึ้นมาอีก “ท่านราชา ท่าน……”
คนนั้นก็หยุดส่งเสียงทันที ก็พบว่าที่ท้องตนเองมีรอยแผลขนาดใหญ่ และมีเลือดไหลออกมา!
หนุ่มน้อยจ้องมองคัมภีร์ แล้วพูดเสียงเย็นว่า “ไม่เห็นหรือว่ากำลังอ่านหนังสือ? ติดตามข้ามาตั้งนาน ไม่รู้เรื่องอะไรบ้างเลยหรือไง? ถ้ามีครั้งหน้า ฆ่าไม่เว้น!”
คนนั้นก็ปิดปากเงียบ แล้วพยักหน้าแรงๆ
เที่ยงกว่า หนุ่มน้อยปิดคัมภีร์ แล้วนวดๆ ตา แล้วก็มองคนนั้น พร้อมพูดนิ่งๆ ว่า “เอ็งบอกฟางเหยียนไปที่ภูเขาทิพท์ในดินแดนตะวันตกงั้นหรือ?”
คนนั้นก็ก้มหัวลงไปอีก แล้วพูดออกมาทีละคำว่า “ใช่ครับ ตอนนี้น่าจะขึ้นเขาแล้ว พวกเราได้สืบเส้นทางที่มันเดินทางแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันไปที่ภูเขาทิพท์ทำไม”
“ไร้ประโยชน์!” หนุ่มน้อยคนนั้นพูดเสียงเย็น “จับตามองตั้งนาน ไม่รู้อะไรสักอย่าง แล้วจะเลี้ยงพวกมึงไว้ทำไมกัน? ไส่หัวไป!”
คนนั้นก็กลิ้งตัวออกไปจากห้องหนังสือจริงๆ หนุ่มน้อยก็ตากลมโต แล้วก็มองไปยังคนแก่ที่นั่งไม่ขยับคนนั้น “เรื่องนี้ คุณคิดว่าไง?”
คนแก่คนนั้นก็พูดเสียงแหบๆ ว่า ราวกับใกล้จะตายแล้ว พูดช้าๆ ว่า “ท่านราชา ไม่ต้องกังวลไป ผู้หญิงของมันยังอยู่ในมือเรา คนที่ควรกังวลควรจะเป็นพวกมัน อีกอย่าง มันเสียเวลารวบรวมของล้ำค่าทั้งหยินเหมินทั้งห้า คงจะมีแผนอยู่ ที่ไปภูเขาทิพท์ครั้งนี้ ก็คงจะไปหาพรรคพวก เอามาช่วยผู้หญิงของมัน จากนั้นก็เปิดสงครามกับเรา”
“คนอย่างมันน่ะหรือ?” หนุ่มน้อยพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงต่อจ้าวขุมนรก ข้าจะขยี้มันแหลกง่ายกว่าบี้มดตัวหนึ่งเสียอีก!”
“ท่านราชา อย่าชะล่าใจไป บุ่มบ่ามไม่ใช่สิ่งที่ราชาควรจะกระทำ เสวียนเย่เป็นผู้ใหญ่และนิ่ง แต่ยังขาดใจที่เสี่ยงอันตราย ดังนั้นก็เลยลงโทษให้เข้าไปวังเย็น ไม่ได้รับการใช้งาน ข้าไม่อยากเห็นราชาของข้าเป็นแบบนั้น แน่นอนว่า ตอนนี้ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา ข้าเองก็คิดมากเกินไป”
“ในเมื่อมันอยากไปหาพรรคพวกมัน งั้นก็ให้มันไปเถอะ ช่วงนี้จ้าวขุมนรกในแดนต้องห้าม เหมือนจะมีร่องรอยแห่งการฟื้นคืนชีพ ดังนั้นพวกเราจะรอช้าไม่ได้ จะต้องรีบควบคุมสัตว์ร้ายนี้ให้ได้โดยเร็ว จะต้องควบคุมทุกอย่างก่อนที่จ้าวขุมนรกจะออกจากการฝึกวิชา เพื่อป้องกันไม่ให้เราเป็นฝ่ายรับ” พูดถึงจุดนี้ คนแก่คนนั้นก็นิ่งไป แล้วพูดว่า “ช่วงนี้ เสวียนเย่ก็ดูเหมือนจะสงบเสงี่ยมขึ้นมาก แต่สำหรับข้าแล้ว อาจจะเป็นปัจจัยที่ไม่มั่นคงก็ได้ ดังนั้น ท่านราชา ควรจะรีบควบคุมอำนาจในมือของมันให้หมดโดยเร็ว”
หนุ่มน้อยพยักหน้าเบาๆ “พูดได้ไม่เลว เรื่องที่เสวียนเย่สมคบคิดกับฟางเหยียน ข้าก็ยังไม่ได้คิดบัญชีเลย พอดีเลย ตอนนี้ก็จะได้ลดอำนาจในมือของมันเสีย ให้มันไม่มีวันโงหัวขึ้นมาได้”
“ท่านราชา สิ่งที่พวกเราต้องทำ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ นอกจากจะจับตาดูฟางเหยียนแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือกำจัดหนามยอกอกอย่างฟางเหยียนเสีย เพราะว่ามันเป็นอุปสรรคใหญ่ และเป็นปัญหาที่เราจะรวบรวมประเทศหวาให้เป็นหนึ่ง จะต้องรีบจัดการมันโดยเร็ว ข้ารู้สึกว่าครั้งนี้ที่มันไปยังภูเขาทิพท์ ทำให้ข้าจิตใจไม่สงบสุข พวกเราจะต้องเร่งฝีเท้ามากขึ้น!”
หนุ่มน้อยนิ่งไปครู่หนึ่ง “ข้าเองก็เล่นมามากพอแล้ว มันสมควรตายได้แล้ว!