จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 191 ช่วงเวลาคับขัน
คางคกถอนหายใจ “โอ้ ในเมื่อพูดด้วยดีๆไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับแล้วล่ะ แต่ช่างมันเถอะ ในเมื่อเธอไม่อยากจะหาเงิน ฉันก็จะไม่ให้อีกต่อไป ไส้เดือน คืนนี้นายก็ลองลิ้มรสก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะกินที่เหลือต่อจากนายเอง”
“เฮ้เฮ้ ในที่สุดก็พูดอะไรที่เป็นคนสักทีนะ”
ไส้เดือนคว้าผมของหลิงเหยาพร้อมกับเดินตรงไปที่ห้อง
หลิงเหยาได้แต่ดิ้นรนและคร่ำครวญอยู่บนพื้น
“ปล่อยฉัน แกปล่อยฉันนะ”
“ขอร้องเธออย่าทำแบบนี้ ฉันทำไม่ได้หรอกนะ”
ยิ่งผู้หญิงกรีดร้องมากเท่าไหร่ ฝ่ายชายก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ฮอร์โมนในร่างกายถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ทันใดนั้นสมองก็ถูกครอบงำด้วยสัตว์ป่าที่กระหาย
ค่ำคืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ และไม่มีดวงดาว
ดูมืดเป็นพิเศษ
แต่ก็ยังคงมีเสียงเล็กๆที่สว่างขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือแสงของหิ่งห้อยนั่นเอง แม้แสงจะไม่ได้มีมากมาย แต่มันก็เพียงพอที่จะเป็นเหมือนความหวังให้ในยามที่มืดมิดเช่นนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเล็กน้อย ได้ทำลายบรรยากาศในที่แห่งนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
ดวงตาและมือของไส้เดือนนั้นก็ช่างว่องไว รีบเอาไปปิดปากของหลิงเหยาในทันที เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เธอได้ขอความช่วยเหลือใดๆ
คางคกขยิบตาให้กับโม่ซ่าวหง
โม่ซ่าวหงพยักหน้า พร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าของเขาสักครู่ จากนั้นก้าวเดินไปที่ประตูเพื่อเปิดออกและมองออกไป
จึงได้เห็นชายร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านนอก
“นายเป็นใคร?”
“เจียงชื่อ”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มีอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันมาหาหลิงเหยา”
“วันนี้หลิงเหยาไม่ได้มาที่นี่ นายไปเถอะ”
สีหน้าของเจียงชื่อนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย “โอเค งั้นฉันไปก่อนแล้วกัน แล้วเมื่อเธอกลับมา ฝากคุณไปบอกเธอที่ว่าฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“โอเคโอเค รู้แล้ว รีบไปเถอะ”
ในขณะที่เจียงชื่อทำท่าว่าจะกลับไปแล้วนั้น โม่ซ่าวหงเองก็เตรียมกำลังจะปิดประตู
จังหวะนี้เอง!
เจียงชื่อหันหลังกลับมาครึ่งตัว จากนั้นเตะเข้าไปอย่างแรง ทำให้ประตูได้พาคนล้มเข้าไปในห้องข้างในด้วยกัน!
โม่ซ่าวหงได้แต่นอนตะโกนร้องอยู่ที่พื้น ประตูได้กดทับร่างของเขา
เจียงชื่อก้าวไปที่ประตู เหยียบโม่ซ่าวหงเข้ามาเข้าไป จนเดินมาถึงในห้อง ก็พบกับคางคกที่นั่งอยู่บนโซฟาและตัวของไส้เดือนที่กำลังจะทำร้ายหลิงเหยา
คางคกขมวดคิ้ว “หนุ่มน้อย ทางสวรรค์มีให้ไปไม่ไป กลับมาหาประตูนรกที่ปิดอยู่ถึงที่เลยงั้นเหรอ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแกเลย รนหาที่ตายจริงๆ จะเข้ามายุ่งทำไมกัน?”
ขณะที่พูด คางคกก็กระโดดขึ้นมา มือที่ถือกริชอยู่นั้น ก็พุ่งตรงไปที่หัวใจของเจียงชื่อ
ที่นี่คางคกนั้นก็ถือว่ามีชื่อเสียงมากอยู่
ขอเพียงไม่ลงมือ เมื่อได้ลงมือแล้วนั่นหมายถึงชีวิต และบ่อยครั้งในการลงมือ ก็มักจะลงมือระหว่างการสนทนา ตอนที่หัวเราะอยู่นั้นจะทำให้ยากที่จะป้องกันได้
แต่ต่อให้เก่งแค่ไหนเขาก็เป็นแค่นักเลง
เมื่อเอามาเปรียบกับเทพแห่งสงครามชูร่าที่เคยผ่านหลากหลายสงครามมานั้น มันก็เปรียบได้ราวกับเมฆและโคลนตม!
เจียงชื่อไม่จำเป็นที่ต้องกะพริบตาแต่อย่างใด ขณะที่กริชกำลังจะแทงหัวใจของเขานั้น เขาได้ใช้มือจับกริชด้วยความเร็วที่แทบมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า!
การที่คางคกต้องการที่จะทำแต้มนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝัน
เขากัดฟัน พยายามอย่างสุดแรงที่จะแทงมันเข้าไป เขาใช้แรงจากมือทั้งสอง
แต่เจียงชื่อยังคงใช้มือเดียวในการจับกริชนั้นไว้ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ไส้เดือนที่อยู่ด้านข้างได้เห็นจุดแข็งนี้ จึงทำให้ไม่กล้าที่จะไม่สนใจ จึงปล่อยตัวจากหลิงเหยาทันที พร้อมกับหยิบไม้เบสบอลตีไปที่หัวของเจียงชื่ออย่างแรง
ขณะเดียวกัน โม่ซ่าวหงก็ได้เปิดประตูเข้ามา หยิบแท่งเหล็กขึ้นบนพื้น ลอบโจมตีจากด้านหลัง
หนึ่งคนด้านข้างกำลังจะทุบเข้ามา
หนึ่งคนด้านหลังเองก็กำลังจะเคลื่อนเข้ามา
นอกจากนี้ก็ยังมีคางคกที่พยายามจะแทงกริชเข้าไป ไม่มีทางไหนให้หลบหนี
หลิงเหยากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ “ประธานเจียง ระวัง!