จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 196 คืนดีกัน
กลางคืนสี่ทุ่มกว่าๆ เจียงชื่อถึงจะกลับมาที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึง ก็เห็นติงฉี่ซาน ผู้ที่เป็นพ่อตานั่งอยู่ที่โซฟาดูโทรทัศน์อยู่ ตาทั้งสองจ้องมองอย่างกลมโต ในบางครั้ง เขาก็เคลื่อนไหวอย่างไร้เดียงสา ซึ่งนั่นดูตลกเป็นอย่างมาก
เจียงชื่อเดินมาที่ด้านข้างของติงเมิ่งเหยนอย่างสงสัยและถามว่า “พ่อเป็นอะไรครับ?ทำไมเหมือนเด็กแบบนี้ล่ะ”
“ไม่รู้เหรอ?”
“ไม่รู้ครับ”
ติ่งเมิ่งเหยนชี้ไปที่โทรทัศน์แล้วพูดว่า “ช่วงสองวันนี้มีละครที่หลิงเหยาแสดง ชื่อ 《คุณพ่อ สวัสดี》เรื่องราวมันประมาณว่าเป็นครอบครัวที่มีลูกชายสองสามคนที่ดื้อรั้น ที่พอโตขึ้นก็กลับมาคืนดีกับพ่อน่ะ เนื้อเรื่องให้อภัยอะไรแบบนี้ พ่อเขาชอบน่ะ โดยเฉพาะนักแสดงที่ชื่อหลิงเหยานี่ พ่อเขาชอบมากเลยล่ะ บอกว่าแบบนี้ถึงจะเป็นมาตรฐานของลูกสะใภ้ที่ดี เนี่ย หลงเสน่ห์เธอมาสองวันได้ละ”
เจียงชื่อแอบมีความสุขในใจ
ล่าสุดทางบริษัทได้ออกละครเรื่องใหม่ แต่ไม่คิดว่ากระแสตอบรับจะดีขนาดนี้
เขาจึงถามอีกครั้งว่า “หลิงเหยาดังมากเลยเหรอครับ?”
ติงเมิ่งเหยนกลอกตามองบน “ไร้สาระน่า ตอนนี้เธอเป็นนักแสดงผู้หญิงคนโปรดของคนสามชั่วอายุคนเลยนะ คนหนุ่มสาวก็อยากจะหาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยา ส่วนคนแก่ก็ต้องการหาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้ มีชื่อเสียงจนไม่รู้จะมียังไงแล้วเนี่ย”นายไม่รู้งั้นเหรอ?ยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เจียงชื่อนั้นกระอักกระอ่วน เหตุผลว่าเขานั้นอยู่กับหลิงเหยาทุกวัน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเธอมีชื่อเสียงมากขนาดนี้
เขามีความสุขแทนหลิงเหยาจริงๆ
นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพียงแค่ทำให้ภาพลักษณ์นี้นั้นมั่นคง หลิงเหยาจะเป็นศิลปินหญิงแนวหน้าในอนาคต เงิน ชื่อเสียง และสถานะของเธอจะดีขึ้นอย่างมาก
ติงฉี่ซานยิ่งดูก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น และพูดอย่างร่าเริงว่า “โอ้ มันจะดีแค่ไหน ถ้าฉันมีลูกสาวแบบนี้”
ติงเมิ่งเหยนขมวดคิ้ว “เหอะ!”
ในชั่วพริบตา เธอมองกลับมาเห็นเส้นผมบนไหล่ของเจียงชื่อ จู่ๆก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา หยิบผมขึ้นมาด้วยสองนิ้ว พร้อมกับถามอย่างเย็นชาว่า “พูดความจริงมา นี่ผมใคร?”
เจียงชื่อตกตะลึง
เมื่อคิดย้อนกลับไปอย่างรอบคอบแล้ว หลิงเหยาน่าจะทิ้งผมไว้เมื่อตอนเธอโอบกอดเขา
แต่ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ?
เจียงชื่อเองก็ไม่ใช่คนแก้ตัวเก่ง ยิ่งพยายามจะหาข้ออ้างเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะหาไม่เจอ
ท้ายที่สุด เขาก็พูดความจริงออกไปว่า “นี่คือ…ผมของหลิงเหยา”
“นาย!!!”
ติงเมิ่งเหยนนั้นคิดไม่ถึง เธอคิดมาเสมอว่าเจียงชื่อนั้นเป็นคนที่ไม่มีอารมณ์ขัน ใครจะไปคิดว่าวันนี้เขาจะมาเล่นตลกกับเธอ
แต่เธอจะไปรู้มาจากไหนล่ะว่าเจียงชื่อนั้นไม่ได้ล้อเล่น แต่มันคือเรื่องจริง
“เหอะ!”
ติงเมิ่งเหยนผลักเจียงชื่อออก “คืนนี้นอนที่พื้นไปก็แล้วกัน!”
เจียงชื่อยักไหล่อย่างเชื่องช้าและตามติงเมิ่งเหยนเข้าไปที่ห้องนอน
หลังจากที่ทั้งสองต่างพาเข้ากันไปในห้องนอน ติงเมิ่งเหยนจึงถอดเสื้อคลุมออก “จริงด้วย ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย พรุ่งนี้เป็นวันย่างเข้าสู่ฤดูหนาว พ่อจะไปกินข้าวกับคุณอาหรง ปีนี้เป็นที่ร้านอาหารเหอหยุน พรุ่งนี้ฉันจะไปกับพ่อ นายก็ต้องมาด้วย เข้าใจไหม?”
“กี่โมง?”
“ไม่ต้องมาเร็วมากหรอก มาถึงก่อนสักประมาณทุ่มหนึ่งก็ได้”
“โอเค”
จากนั้นชั่วครู่ ติงเมิ่งเหยนก็พูดเตือนอีกว่า “อืม…ดีที่สุดก็เตรียมของขวัญมาด้วยนะ”
“เอ่อ แค่ย่างฤดูหนาวเอง ไม่ใช่วันสำคัญอะไรขนาดนั้น ต้องขนาดนี้เลยเหรอ?”
ติงเมิ่งเหยนยักไหล่ “จริงๆก็ไม่จำเป็นหรอก แต่พ่อกับคุณอาหรงเป็นประเภทเสียหน้าไม่ได้น่ะ กินข้าวกันทีไรก็ชอบเปรียบกันทุกที ปีนี้ก็คงไม่ยกเว้นหรอก นายก็เตรียมของขวัญหน่อยก็แล้วกัน อย่าทำให้พ่อเสียหน้าก็โอเคแล้ว มีเงินไหม? ฉันให้นายได้นะ”
เจียงชื่อยิ้ม “ไม่ต้อง เงินเดือนที่ผ่านมาก็พออยู่”