จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 27 หนึ่งวินาทีหนึ่งล้านหยวน
บทที่ 27 หนึ่งวินาทีหนึ่งล้านหยวน
เช้าตรู่ เวลาสองทุ่มตรง ณ มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศในเมือง
รถซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายกันอยู่ข้างทาง แล้วมารับสาวสวยไปทีละคน
“ซูสวน ได้ยินว่าลูกพี่ลูกน้องจะมารับเธอเหรอ?”
“อืม”
“ลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นถึงสาวสวยที่มีชื่อเสียงของเมืองเจียงหนานเลยนะ ในที่สุดวันนี้ฉันก็โชคดีจะได้เจอสักครั้งล่ะ”
ซูสวนส่ายหัว ก่อนจะหันหน้าหนี
ตอนนั้นเอง รถเล็กซัสสีเงินคันหนึ่งก็จอดที่ข้างทาง ซูสวนเห็นแล้วก็จำได้ทันทีว่าเป็นรถลูกพี่ลูกน้องของเธอ
“พี่คะ!”
เธอวิ่งเหยาะๆ เข้าไป ปรากฏว่าพอประตูรถเปิดออก คนที่ออกมาจากรถกลับเป็นชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
“คุณคือ?”
“พี่ชื่อเจียงชื่อ เป็นพี่เขยของเธอน่ะ”
เพื่อนร่วมชั้นของซูสวนทุกคนมายืนล้อมดู พร้อมกับแสดงสีหน้าเยาะเย้ยออกมา
“อ้าว ซูสวน ทำไมพี่ของเธอไม่มาเองล่ะ? ดูท่าทางจะไม่ได้ใส่ใจเธอขนาดนั้นนี่”
“ฉันได้ยินมาว่า พี่เขยของเธอคนนี้เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงนี่ ให้เขามารับเธอแบบนี้ พูดง่ายๆก็เป็นการ ‘ให้เกียรติ’ เธอถึงที่สุดแล้วสินะ”
“จิ๊ๆ ดาวประจำมหาวิทยาลัยของเราถดถอยถึงขั้นเป็นคนพวกเดียวกับลูกเขยแต่งเข้าด้วยล่ะ ช่างน่าสมเพชเวทนาซะจริง”
เพื่อนร่วมชั้นหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ต่างคนต่างก็ทยอยเดินไปขึ้นรถซูเปอร์คาร์
ซูสวนใช้ขากระทืบไปที่พื้นอย่างแรงหนึ่งที
“เจียงชื่อ ใครเป็นคนให้นายมาน่ะ? พี่ฉันเหรอ?”
เจียงชื่อเกาหัว “พี่ของเธอประชุมทั้งคืนเลยน่ะ เหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้วก็เลยไม่มีทางเลือก ให้พี่เป็นคนมารับเธอมันเหมือนกันรึไง?”
“ไม่เหมือนซะหน่อย!”
เจียงชื่อหยักไหล่ “ขึ้นรถก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ซูสวนขึ้นรถอย่างไม่เต็มใจ ตลอดทั้งทางอย่าว่าแต่พูดคุยเลย ซูสวนไม่แม้แต่จะมองหน้าเจียงชื่อสักครั้งด้วยซ้ำ
ซูสวนรู้สึกเสียหน้าเวลาอยู่กับเขา
เมื่อรถขับไปถึงถนนยางมะตอยเส้นหนึ่ง จู่ๆ ก็มีรถออฟโรดคันหนึ่งขับมาเทียบข้าง
เมื่อกระจกรถคันนั้นเปิดออก ก็เผยให้เห็นว่ารถคันข้างๆ มีชายหัวล้านรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่สี่ห้าคน
หนึ่งในนั้นหันมามองทางรถของเจียงชื่อ แล้วพูดตะโกนเสียงดังว่า “ไง น้องซวน พวกพี่ไปรอน้องที่ประตูทิศตะวันออกตั้งครึ่งชั่วโมง แต่น้องดันหนีมาประตูทิศเหนือซะได้ แบบนี้ไม่เข้าท่าเท่าไหร่เลยนะ”
เจียงชื่อขมวดคิ้ว “คนพวกนี้เป็นใครน่ะ?”
ซูสวนกังวลอย่างเห็นได้ชัด พูดติดอ่างว่า “ป..เป็นคนเลวน่ะ! ย…อย่าไปส…สนใจพวกมันนะ รีบไปสิ”
เจียงชื่อเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว
แต่อีกฝ่ายก็คาดไว้แล้วว่าพวกเขาจะหนีแน่ ทันใดนั้นก็มีรถขับตรงมาจากฝั่งตรงข้าม แล้วขวางทางเจียงชื่อไว้
ในเวลาเดียวกัน ด้านหลังก็มีรถขับเข้ามาอีกสองคัน
ทั้งด้านหน้าและด้านหลังถูกปิดทางเอาไว้ทั้งหมด เจียงชื่อต้องเหยียบเบรกและจอดรถที่ข้างทาง
รถหลายคันจอดในเวลาเดียวกัน ชายหัวล้านกลุ่มใหญ่ลงจากรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แล้วพากันล้อมรถของเจียงชื่อเอาไว้
“ลงจากรถซะ!”
“ลงจากรถ เร็วสิ!”
อีกฝ่ายทำเสียงดังเอะอะโวยวาย ในขณะเดียวกันก็ใช้ค้อนและประแจเคาะที่หน้าต่างรถ ทำเสียงโครมครามจนซูสวนตกใจล็อกประตูรถ แล้วไปนอนขดตัวอยู่ที่เบาะหลัง
“รออยู่บนรถ อย่าขยับ”
เจียงชื่อปลดสายคาดเบลท์ แล้วเปิดประตูลงจากรถ
“พวกนายเป็นใคร?” เจียงชื่อถามอย่างใจเย็น
ในตอนนั้นเอง ชายหัวล้านรูปร่างแข็งแรงคนหนึ่ง บนตัวมีรอยสักรูปมังกรสองตัวและมีความสูงเกือบหนึ่งเมตรเก้าสิบ ก็เดินออกมาจากกลุ่มคน
เขายิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “อะไรกัน ทั้งเมืองเจียงหนานยังมีคนไม่รู้จักหัวล้านหลงคนนี้อยู่อีกเหรอ?”
เจียงชื่อถามขึ้นว่า “พวกนายมีปัญหาอะไรกับซูสวนเหรอ?”
“ปัญหา?” หัวล้านหลงหยิบใบเสร็จขึ้นมาใบหนึ่ง “เมื่อเดือนก่อนนังเด็กนี่ยืมเงินจากพวกข้าไปสองหมื่น บอกว่าจะคืนให้วันนี้ ปรากฏว่าดันหลอกให้พวกข้าไปรอที่ประตูทิศตะวันตก แต่ตัวเองกลับหนีออกทางประตูทิศเหนือ แกว่าเรื่องนี้จะจัดการยังไงฮะ?”
เจียงชื่อหันกลับไปมองซูสวนที่อยู่ในรถ ก่อนจะส่ายหัว
“สองหมื่นหยวน ผมจะคืนให้แทนเธอเอง”
“ฮะ? แกพูดว่าอะไรนะ?”
หัวล้านหลงหัวเราะเสียงดัง พวกหัวล้านคนอื่นๆ อีกสิบกว่าคนก็พากันหัวเราะตาม แล้วมองไปที่เจียงชื่อเหมือนกับมองคนบ้า
“แกปัญญาอ่อนเหรอ? ยืมสองหมื่นคืนสองหมื่น? แกเห็นแก๊งหัวล้านของพวกข้าเป็นโครงการการกุศลรึไง? แกยืมเงินธนาคารก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีดอกเบี้ยใช่ไหม?”
เจียงชื่อพยักหน้า “พูดได้มีเหตุผล”
ซูสวนยกมือปิดหน้าอย่างหมดคำจะพูด พี่เขยคนนี้จะขี้ขลาดกว่านี้ได้อีกไหมเนี้ย?
เจียงชื่อถามว่า “ถ้างั้นรวมดอกเบี้ยแล้วต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่?”
หัวล้านหลงยื่นนิ้วออกมาห้านิ้ว
“ห้าหมื่น?” เจียงชื่อยิ้มเจื่อน “ดอกเบี้ยนี่สูงเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
“ถุย!” หัวล้านหลงด่าขึ้นว่า “ห้าหมื่นกับปู่แกน่ะสิ ห้าแสนเว้ย!”
เจียงชื่อไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ยังถูกทำเอาซะหัวเราะ “ห้าแสน? ดอกเบี้ยเจ้าไหนกันครับสูงขนาดนี้? นี่ต่างกับปล้นกันตรงไหน?”
“เฮ้ย อย่าพูดให้ดูแย่ขนาดนั้นสิ การปล้นน่ะมันผิดกฎหมาย พวกข้าน่ะเป็นพลเมืองดี เพราะงั้นอะไรที่ขัดต่อกฎหมายพวกข้าไม่ทำหรอก”
เจียงชื่อรู้สึกชอบใจสุดๆ คนกลุ่มนี้ช่างน่าสนใจซะจริง
แต่เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมซูสวนถึงต้องแอบหนี
คนกลุ่มนี้เอาราคาแบบไร้ขอบเขต แถมดูจากท่าทางแล้ว ถ้าไม่ให้เงินน่าจะถูกต่อย อีกอย่างถ้ายืมเงินจากพวกเขาแล้ว ก็คงจะชดใช้กันไม่สิ้นสุดเหมือนกับเป็นหลุมไร้ก้นล่ะนะ
สำหรับซูสวนที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กอ่อนแอแบบนี้ นอกจากหนีแล้ว ก็คงไม่มีทางเลือกอื่น
เจียงชื่อส่ายหน้า “พวกนายจะเอาเงินเยอะขนาดนี้ พวกเราคงจ่ายให้ไม่ไหวน่ะสิ”
หัวล้านหลงไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะเหอๆแล้วพูดว่า “จ่ายไม่ไหวก็ไม่เป็นไร จริงๆ พวกแกไม่ต้องคืนเงินหรอก”
เขาใช้แววตาละโมบโลภมากมองไปยังซูสวน
“น้องซวนเป็นถึงดาวของมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศในเมือง โตมาน่าสนุกขนาดนี้ ขอแค่ยอมมาเป็นแฟนกับข้า เล่นเป็นเพื่อนข้านิดหน่อย เงินห้าแสนนั่น หัวล้านหลงคนนี้จะไม่เอาก็ได้”
เจียงชื่อพยักหน้า “อืม เป็นคำแนะนำที่ไม่เลวนะ”
เขาแนบหน้าเข้ากับกระจก แล้วพูดกับซูสวนว่า “ได้ยินหมดแล้วนี่ มาเป็นแฟนของหัวล้านหลงซะ เงินห้าแสนก็ไม่ต้องคืนแล้ว”
ซูสวนกระวนกระวายใจจนเกือบร้องไห้ “เจียงชื่อ นายมันเป็นผู้ชายประสาอะไรกัน? ทุกคนพูดว่าพี่ของฉันแต่งงานกับคนขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถ แล้วมันก็ไม่ผิดไปเลยจริงๆ นายไม่ช่วยฉันก็มากพอแล้ว ยังร่วมมือกับพวกมันรังแกฉันอีก ไอ้ลูกเต่าสารเลวเอ้ย!”
“แฟนเหรอ? ถ้านายอยากเป็นก็ไปเป็นเองสิ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ!”
หัวล้านหลงเกิดไม่พอใจขึ้นมา “ไม่อยากเป็นเหรอ? งั้นก็คืนเงินมา!”
“เงิน? ฉันยืมแกสองหมื่น แค่หนึ่งเดือนก็จะให้คืนห้าแสนเนี้ยนะ มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน?”
หัวล้านหลงหัวเราะ “วันนี้น้องมีแค่สองทางเลือก หนึ่งคือคืนเงิน สองคือมาเป็นแฟนพี่ พี่ให้สิบวินาทีในการตัดสินใจ ถ้าน้องไม่ออกมา พี่จะทุบรถเอาน้องออกมาถอดเสื้อผ้าออกให้หมด จากนั้นก็แบกน้องกลับไป แล้วอย่ามาโทษว่าพี่ไม่เตือนนะ”
ซูสวนทั้งร้อนใจทั้งโมโห น้ำตาคลออยู่ในเบ้า
ในเวลาแบบนี้แท้ๆ กลับไม่มีใครเลยที่สามารถยืนหยัดปกป้องเธอ พูดแทนเธอได้ ทำไมชีวิตของเธอถึงขมขื่นได้ขนาดนี้?
เจียงชื่อยิ้มพร้อมกับส่ายหัว
เขาหาวไปหนึ่งครั้ง แล้วยื่นมือไปที่หัวล้านหลงพร้อมพูดว่า “คือว่านะ ก่อนจะมาอยู่ตรงนี้ ช่วยคืนเงินที่ติดผมไว้ก่อนได้ไหมครับ?”
หัวล้านหลงทำหน้ามึนงง “แกพูดเรื่องโง่อะไรฮะ? ฉันไปยืมเงินแกตอนไหน?”
เจียงชื่อชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อของเขา หัวล้านหลงคลำดูและพบว่ามีตั๋วเงินใบใหญ่มูลค่าหนึ่งร้อยอยู่ใบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ถูกเจียงชื่อเอามันมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
เจียงชื่อหัวเราะเหอๆแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ผมให้คุณยืมไปหนึ่งร้อยหยวน คิดดอกเบี้ยตามที่ผมให้ยืมล่ะก็ หนึ่งวิหนึ่งล้านหยวนนะครับ คุณยืมไปแล้ว 1 นาที 32 วินาที ก็ต้องคืนผมเป็นเงินเก้าสิบสองล้าน รูดบัตรหรือว่าเงินสดดีครับ?”