จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 282 ยังคิดที่อยากจะฆ่าเทพแห่งสงคราม?
จริงๆแล้วสำหรับฉีหยาง ต่อให้เจียงชื่อจะเก่งมากแค่ไหนก็มีเพียงคนเดียว หนึ่งคนต่อศัตรูนับร้อย?จะสู้ได้อย่างไรกันล่ะ
เพราะงั้น เขาคิดว่าอย่างมากขอเวลาเพียงหนึ่งนาทีก็สามารถจัดการเจียงชื่อได้แล้ว หลังจากนั้นค่อยไปจัดการท่านทวดก็ยังไม่สาย
จำเป็นจะต้องพูดว่า เขาดูถูกเจียงชื่อมากเกินไปแล้ว
มุมปากของเจียงชื่อเผยรอยยิ้มออกมา
ในตอนนี้มีคนคนหนึ่งกระโจนขึ้นมา เขาพุ่งตัวกระโดดลงจากรถแล้ว
มีคนข้างๆถือมีดมาเชเต้สับลงมาที่ศีรษะของเขาแล้ว ผลที่ได้คือมีดยังไม่สับถึง เท้าของเจียงชื่อก็มาถึงก่อนแล้ว เตะคนคนนั้นที่หน้าประตูไปเลย คนทั้งคนลอยไปไกลถึงเจ็ดแปดเมตรเลย
เจียงชื่อถือโอกาสเอามีดมาเชเต้มาได้
มีดมาเชเต้อยู่ในมือ เพิ่มความแข็งแกร่ง
เจียงชื่อเล่นมีดมาเชเต้อย่างกระฉับกระเฉงมีพลัง คนอื่นที่เพิ่งจะเข้ามาใกล้ก็ถูกสับมือหัก ขาหัก หนึ่งดาบต่อหนึ่งคน รั้งไว้ไม่อยู่เลย
ยังอยากจะฆ่าเจียงชื่อ?
เหอะๆ แม้แต่จะเข้าใกล้ยังยากลำบากเลย!
ฉีหยางยังพูดอีกว่าจะจัดการได้สำเร็จเพียงหนึ่งนาที หลังจากที่ผ่านไป 5นาทีแล้ว เจียงชื่อก็ยังแข็งแรงมีชีวิตชีวา คนของฝ่ายเขากลับว่าล้มระเนระนาดเต็มพื้นเลย
ร้อนใจจนทำให้เขากระทืบเท้าเลย
“พวกเศษสวะทำอะไรกันอยู่เนี่ย?”
“บุกเข้าไป บุกเข้าไปพร้อมกัน!”
ถึงอย่างไรคนก็เยอะ คนข้างหน้าหกล้มแล้ว คนด้านหลังก็บุกขึ้นไป แต่ละคนถือมีดมาเชเต้บุกกันขึ้นไป บางคนถึงกับใช้ สายรัด ตะขอล็อคเลย
สำหรับเจียงชื่อก็แค่เรียกน้ำย่อย
แต่ไม่มีประโยชน์ เจียงชื่อก็เหมือนกับปลาโลช ลื่นไหลอย่างมาก ไม่สามารถดักได้เลย
ผ่านไปอีกห้านาที พลังการต่อสู้ของเจียงชื่อก็ยังคงเต็มเปี่ยมเช่นเคย และอีกฝ่ายก็ล้มระเนระนาดไปเกือบสี่สิบคนแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เป็นไปได้อย่างมากที่คนทั้งหนึ่งร้อยจะถูกเจียงชื่อทำลายล้างทั้งกลุ่ม
จนกระทั่งในช่วงเวลานี้ ฉีหยางก็ตระหนักถึงว่าเหตุการณ์มันค่อนข้างผิดปกติ
เขาพูดกับกลุ่มคนว่า “พอแล้ว ไม่ต้องไปมัวเสียเวลาชักช้ากับเขาแล้ว ไปลงมือจัดการคนที่อยู่ในรถเลย จัดการคนที่อยู่ในรถให้ได้ก่อน!”
สุดท้ายฉีหยางก็ตระหนักถึงว่าตัวเองไม่ควรให้อารมณ์มาทำให้ไขว้เขว
ต้องจัดการเรื่องที่สำคัญเสียก่อน
ขอเพียงแค่ฆ่าท่านทวดและฉีเจิ้นให้ตาย ตำแหน่งของผู้นำแห่งตระกูลก็มั่นคงแล้ว
แล้วหลังจากนั้นค่อยจัดการเจียงชื่อ สามารถจัดการได้ก็จัดการ ถ้าจัดการไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ ถึงอย่างไรเจียงชื่อก็ไม่ใช่เป้าหมายของเขาสักหน่อย
พวกลูกน้องก็เกิดความกลัวต่อเจียงชื่อแล้ว ไม่อยากที่จะต่อสู้กับเจียงชื่ออีกแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่ามีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งการ ต่างก็มีความสุขพร้อมกระโจนไปที่รถแล้ว
เจียงชื่อตกใจ นี่ไม่ใช่ผลที่เขาต้องการ
ภายในรถ
ท่านทวดถอนหายใจลากเสียงยาว “ดูเหมือนว่า วันนี้ข้าจะต้องตายอย่างไม่มีข้อสงสัยแล้วแหละ”
ยังไม่ทันได้พูดจบ เห็นเพียงรถลินคอล์นแต่ละคันที่ดำมืดขับเข้ามา ปิดกั้นเส้นทางทั้งหน้าและหลังไว้ทั้งเส้นทาง คนของฉีหยางทั้งหมดล้วนถูกห้อมล้อมไว้ข้างในแล้ว
ตามมาด้วย คนจำนวนมากวิ่งลงมาจากรถลินคอล์น
แต่ละคนใส่สูทสวมรองเท้าหนัง ใส่แว่นตาสีดำ
มองดูคร่าวๆ ก็มีประมาณ300-400 คน
ฉีหยางอึ้งไปแล้ว คนกลุ่มนี้มาจากไหนกัน ?เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองมีลูกสมุนมากขนาดนี้เลยเหรอ
หรือว่าเป็นคนที่นายท่านเรียกมางั้นเหรอ?
คิดๆแล้วก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้ที่นายท่านจะเรียกคนมาจากแดนไกลเพื่อมาแทรกแซงเรื่องราวในครอบครัวของพวกเขา
เป็นใครกันแน่?
กลุ่มคนชุดดำนี้ล้อมรอบสถานการณ์ตรงนี้ไว้ได้แล้ว
ฉีหยางและลูกน้องของเขาล้วนแต่โง่เขลาไปเลย แต่ละคนแม้แต่ขยับก็ยังไม่กล้าเลย ถ้าหากเป็นคนของตัวเองก็ดีสิ ถ้าหากเป็นศัตรู งั้นก็……เสียดาย เรื่องที่ดีไม่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ฉีหยางเดาถูก คนเหล่านี้ เป็นศัตรูของเขาจริงๆ
เพียงแค่เห็นผู้ชายที่ใส่ชุดสูทหันหน้าไปที่คนคนเดียว——เจียงชื่อ ยกแขนขึ้นคำนับอย่างกระฉับกระเฉง
“เทพแห่งสงครามชูร่า”
“กองเทพพิชิตฟ้า”
สองประโยคนี้ เป็นสโลแกนของเจียงชื่อตอนที่นำทัพทหารที่เวสเตอร์แลนด์
สัญญาลักษณ์ของสถานที่ทั้งหมดที่เคยผ่านมา ศัตรูทุกคนล้วนแต่ถูกจัดการจนเกลี้ยง หายวับไปกับตา
ที่เวสเตอร์แลนด์ สองประโยคที่ศัตรูได้ยินแล้วรู้สึกกลัวมากที่สุดก็คือ เทพแห่งสงครามชูร่า กองเทพพิชิตฟ้า