จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 309 มอบให้กับภรรยาของคุณเจียงชื่อ
ในตอนนี้ เธอมีแต่ความสุขเท่านั้น
สิ่งที่เจียงชื่อทำเพื่อเธอมันชั่งน่าอัศจรรย์จริงๆ
แต่แล้ว ของขวัญที่จะให้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ในททีวีนั้นพิธีกรฉู่เล่อถงประกาศต่อว่า รายการต่อไปคือเพลงขอบคุณสำหรับความรักของคุณ จากซูเปอร์สตาร์เซ่ทิงเฟิง!!!
ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชม เซ่ทิงเฟิงหยิบไมโครโฟนแล้วเดินขึ้นเวที
ประโยคแรกที่พูดคือ
“เพลงนี้ ขอมอบให้กับคุณติงเมิ่งเหยน ภรรยาของคุณเจียงชื่อ”
“และขอมอบให้กับท่านผู้ชมทุกท่านที่กำลังรับชมอยู่ ณ ที่นี้นะครับ”
“ผมหวังว่าทุกคนจะชอบมันนะครับ”
ซูเปอร์สตาร์ร้องเพลงรักให้ฟัง!
ของขวัญแบบนี้มันช่างพิเศษเหลือเกิน มันพิเศษกว่าของขวัญของใครบางคนที่เปิดเพลงผ่านสถานีวิทยุมาก
ในขณะที่ฟังเสียงเพลงอันแสนไพเราะนี้ ดวงตาของติงเมิ่งเหยนก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข
เธอร้องไห้ด้วยความดีใจ!
เจียงชื่อ มอบของขวัญให้เธอจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน แต่ความตั้งใจนี้ก็มากเกินพอแล้ว!
ติงฉี่ซานกลับมานั่งที่ของตัวเองแล้วเหลือบมองไปที่เทปบนโต๊ะและพูดว่า “จื้อหรง สวีชง ตอนนี้มันยุคสมัยไหนแล้ว พวกคุณยังเปิดเพลงจากสถานีวิทยุอยู่ ไร้รสนิยมเลยจริงๆ”
“เมื่อไหร่พวกคุณจะเอาลูกเขยของผมเป็นแบบอย่างล่ะ? ให้ซูเปอร์สตาร์ร้องเพลงให้ฟังต่อหน้าคนทั้งประเทศเลยนะ”
จากนั้นใบหน้าของสวีชงก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
นั่นคือคอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่าของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์เชียวนะ นักร้องที่ถูกรับเชิญมาล้วนเป็นแต่นักร้องชื่อดังทั้งนั้น ส่วนเขาไม่มีปัญญาที่จะเชิญนักร้องเหล่านี้ได้แม้แต่คนเดียว แล้วนับประสาอะไรกับการที่จะให้นักร้องชื่อดังมาร้องเพลงต่อหน้าคนทั้งประเทศ
สวีชงรู้สึกสิ้นคิด มันเป็นไปได้อย่างไร?
เรื่องอะไรพนักงานที่มีเงินเดือนแค่แปดพันอย่างเจียงชื่อจะสามารถเชิญซูเปอร์สตาร์แบบนี้มาร้องเพลงได้? ที่มากไปกว่านั้นเขายังสามารถทำให้อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ อนุญาตให้เขามอบของขวัญสุดพิเศษนี้กลางรายการอีกด้วย
มันเป็นไปได้อย่างไร!!!
ติงฉี่ซานใช้ประโยชน์จากชัยชนะและพูดกับเฟิ่งหย่าว่า “เฟิ่งหย่า คุณดูดอกไม้ไฟข้างนอกนั้นสิ ทั้งหมดนั้นเป็นของขวัญที่เจียงชื่อมอบให้กับลูกสาวผมทั้งนั้น คืนนี้ ทั้งเมืองเจียงหนานส่องแสงเปล่งประกายเพื่อลูกสาวของผมโดยเฉพาะเลยนะ!”
“เหอะๆ ทั้งที่เป็นลูกผู้ชายเหมือนกัน แต่ทำไมสวีชงของครอบครัวคุณถึงทำได้แค่นี้?”
หวางเฟิ่งหย่าได้แต่ก้มหน้าและไม่กล้าตอบคำถามเลย
ติงฉี่ซานยิ้มแย้มดีใจจนแทบจะปิดปากไม่ได้ “ชื่อเอ๋อของเรา ถึงแม้จะเป็นพนักงานเงินเดือนแปดพัน แต่เขาไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยเลย เขายอมเสียสละออมเงินของเขาไว้ และเงินที่ได้มาก็ใช้กับภรรยาและพ่อแม่ของเขาทั้งนั้น ผู้ชายแบบนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าผู้ชายเพอร์เฟค”
จากนั้นเขาก็หันกลับมาพูดกับหวางจื้อหรงว่า “ถ้าเทียบกับสวีชงที่มีรายได้หลักล้านต่อปีของพวกคุณก็ไม่ได้พิเศษอะไรเลยนะ แค่ให้เทปในราคาห้าหยวนกับคุณ แถมยังลืมนึกถึงภรรยาของตนด้วย”
“ผมอยากรู้จริงๆว่า เงินเขาหายไปไหนหมด?”
“ไม่ใช่ว่าเอาไปใช้กับกิ๊กที่อยู่ข้างนอกหมดเหรอ?”
สวีชงตบโต๊ะและยืนขึ้นทันที “คุณลุงครับ กรุณาให้เกียรติผมด้วยนะครับ!”
ติงฉี่ซานพูดด้วยความสะใจว่า “ลุงก็พูดไปงั้นๆ แกจะร้อนตัวไปทำไม? ก็อย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละ ตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง มิได้กระทำเรื่องผิดมโนธรรมย่อมไม่กลัวผีสางเคาะประตู ถ้าแกไม่ใช่คนอย่างที่พูด แล้วแกจะร้อนตัวไปทำไม? แต่ถ้าแกร้อนตัวแบบนี้ สงสัยลุงคงพูดแทงใจดำแกไปแล้วสินะ?”(ตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียงหมายถึงเป็นคนยึดมั่นคุณธรรมซื่อตรงสุจริต ย่อมไม่กลัวคำครหา)
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าติงฉี่ซานก็เป็นคนพูดเก่งเหมือนกัน
ใบหน้าของสวีชงยิ่งอยู่ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ
ความได้ใจก่อนหน้านี้ก็ได้หายไป เหลือเพียงความเจ็บใจในความพ่ายแพ้เท่านั้น
ที่ตลกไปกว่านั้นคือครั้งนี้เจียงชื่อไม่ได้อยู่ด้วย แต่กลับกำราบสวีชงได้ขนาดนี้ แล้วถ้าหากเจียงชื่ออยู่ด้วยจะเกิดอะไรขึ้นกับสวีชงกันแน่!