จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 37 ไม่ดื่มก็ต้องดื่ม
บทที่ 37 ไม่ดื่มก็ต้องดื่ม
เจียงชื่อคล้ายไม่ได้รับรู้ถึงอันตราย และไม่สนใจว่าติงเมิ่งเหยนจะพูดเตือนว่าอย่างไร เอาแต่ ‘ดื่มเป็นตาย’ กับคนพวกนั้น
คนบนโต๊ะต่างดีอกดีใจ จนอยากรีบมอมให้เจียงชื่อเมาเร็วที่สุด
ผลสุดท้ายกลับผิดไปจากความคิดของพวกเขา หลังดื่มไปเหล้าไปกว่ายี่สิบแก้ว เจียงชื่อไม่ได้หน้าแดงใจเต้นแรง คล้ายกับคนปกติอย่างไงอย่างงั้น
ไม่ต้องเอ่ยถึงเหล้า กระทั่งน้ำเปล่าก็ไม่ควรดื่มเช่นนี้?
แต่เจียงชื่อสามารถทำได้
หลายปีมานี้ตอนอยู่เวสเตอร์แลนด์ เจียงชื่อได้ฝึกฝนความสามารถเหนือมนุษย์อย่างหนึ่งก็คือดื่มเหล้า ไม่ต้องเอ่ยถึงเจ็ดแปดคน แม้กระทั่งคนยี่สิบสามสิบคนก็ดื่มไม่สู้เจียงชื่อ
ไม่มีใครรู้ว่าขีดจำกัดในการดื่มเหล้าของเจียงชื่ออยู่ที่ใด
เขาไม่เคยเมามาย
คนในห้องเหล่านี้แม้จะคอแข็ง แต่อย่างไรคือคนธรรมดาทั่วไป หลังจากดื่มไปสามสี่แก้วทุกคนต่างทนไม่ไหว
เพราะนั่นคือเหล้าขาว จะดื่มเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฉางจ้ายชูนเห็นคนเหล่านี้ล้วนไม่ไหว ตนจึงรินเหล้าพร้อมลุกขึ้น “น้องเจียงชื่อ มองไม่ออกจริงๆ ว่าจะคอแข็งเช่นนี้ มา ผมจะดื่มเป็นเพื่อนกับคุณสักแก้ว”
เจียงชื่อส่ายศีรษะ “ไม่ได้หรอกครับ ผมดื่มกับพวกเขาทีละแก้ว คุณเป็นถึงประธานกรรมการ แต่ผมก็ดื่มกับคุณทีละแก้ว นั่นอาจจะดูเป็นการไม่ให้เกียรติคุณ ฉะนั้น พวกเรามาดื่มกันคนละสิบแก้วดีกว่าครับ!”
ฉางจ้ายชูนตะลึงอยู่กับที่ เขาดื่มได้มากที่สุดประมาณเจ็ดแปดแก้วเท่านั้น จะให้ดื่มทีเดียวสิบแก้วเขาทำไม่ไหวจริงๆ
แต่เขาไม่เชื่อว่าเจียงชื่อยังจะสามารถดื่มได้อีก
“ตกลง ผมจะดื่มกับคุณสิบแก้ว”
เหล้ายี่สิบแก้วถูกรินวางอยู่บนโต๊ะ เจียงชื่อยกขึ้นดื่มทีละแก้วราวพายุพัดหอบเศษปุยเมฆสลายไป โดยไร้ความลังเล
ส่วนฉางจ้ายชูน หลังดื่มไปหลายแก้ว ใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย จากนั้นหลังดื่มแก้วที่เจ็ดแทบยืนทรงตัวไม่ไหว
เมื่อเหล้าสิบแก้วถูกดื่มจนหมดเกลี้ยง ฉางจ้ายชูนล้มฟุบลงบนเก้าอี้ เวียนศีรษะตาลาย
แต่เจียงชื่อคล้ายไม่คิดปล่อยพวกเขาไป
เขารินเหล้าอีกยี่สิบแก้ว ก่อนกล่าวกับทุกคน “วันนี้ดื่มให้เต็มที่ มา พวกเรามาดื่มกันต่อ”
“ยังจะดื่มอีกเหรอ?”
ทุกคนจ้องตากันเลิ่กลั่ก แต่ละคนต่างแสดงออกว่าดื่มไม่ไหว หากดื่มอีกคงอาเจียนแน่นอน
เจียงชื่อหัวเราะ ก่อนเอ่ยกับติงเมิ่งเหยน “คุณกลับไปก่อน”
“ห๊ะ?”
“คุณออกไปจากโรงแรมก่อน เดี๋ยวผมจะไปหาคุณทีหลัง”
ติงเมิ่งเหยนพยักหน้า ก่อนลุกออกจากห้องวีไอพีไป คนอื่นแม้มีใจคิดห้ามปราม แต่ทุกคนล้วนดื่มจนเวียนศีรษะตาลายยืนแทบไม่อยู่ จะห้ามปรามได้อย่างไร?
หลังติงเมิ่งเหยนจากไป เจียงชื่อปิดประตูลงเบาๆ พร้อมล็อกประตู
“ทุกท่าน วันนี้ดูเหมือนทุกคนยังดื่มเหล้ากันไม่เท่าไหร่เลย?”
ยังดื่มไม่พอ
ทุกคนหมดคำพูดเสียจริง ทุกคนตรงนี้แต่ละคนดื่มไปอย่างน้อยสี่แก้ว หรือราวครึ่งกิโลกรัมได้ นี้ยังไม่เรียกว่าดื่มอีกหรือ?
พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดเจียงชื่อที่ดื่มมากกว่าพวกเขาเป็นสิบเท่า จึงไม่สะทกสะท้านใดๆ เลย เขาคือมนุษย์หรือไม่ หรือเป็นสัตว์ประหลาดกันแน่
เจียงชื่อชี้ที่เหล้าบนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้น “หากวันนี้ไม่ดื่มเหล้าพวกนี้ให้หมด พวกคุณอย่าคิดว่าจะออกไปได้”
“ไม่ ฉันดื่มไม่ไหวแล้ว”
“ฉันจะออกไปตอนนี้ ดูสิว่านายจะทำอะไรฉันได้”
ไอ้แว่นลุกขึ้นคิดจากไป กลับถูกเจียงชื่อกดตัวลงบนเก้าอี้ ราวมีของหนักห้ากิโลกรัมกดทับบนไหล่ จนขยับตัวไม่ได้
เจียงชื่อหัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง ก่อนสอดตะเกียบคู่หนึ่งเข้าไปในปากของไอ้แว่น เพียงแงะตะเกียบขึ้นลงก็เปิดปากไอ้แว่นออกได้ จากนั้นกรอกเหล้าแก้วหนึ่งเข้าไปในปากของเขา
เหล้าร้อนแรงดั่งไฟที่แผดเผาลำคอของเขา ไอ้แว่นจึงไอเสียงดังอย่างทรมานขึ้น
“ดื่มอีกแก้ว”
ไอ้แว่นรีบโบกมือ “ไม่ไหว ปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ไหวจริงๆ”
เจียงชื่อไม่แยแสเขา ง้างปากเขาต่อไป ก่อนกรอกเหล้าลงไปอีกสิบแก้ว ดื่มจนกระทั่งไอ้แว่นกระอักเลือด นอนชักงออยู่บนพื้น
คนอื่นเห็นเช่นนั้น ตกใจจนไม่กล้าขยับตัว
เจียงชื่อรินเหล้าอีกหลายสิบแก้ว ก่อนเอ่ยกับทุกคนว่า “คนละสิบแก้ว ดื่มหมดถึงจะออกไปได้ พวกคุณจะดื่มเอง หรือต้องการให้ผมป้อนพวกคุณ?”
สภาพน่าเวทนาของไอ้แว่นอยู่ตรงหน้า ทุกคนจะกล้าให้เจียงชื่อลงมือได้อย่างไร แต่ละคนจึงต่างเริ่มยกแก้วเหล้าดื่มทันที
แต่เหล้าสิบแก้ว เหล้าขาวสิบแก้ว แต่ละแก้วที่ดื่มเข้าไปล้วนทำให้รู้สึกมีกองไฟกำลังไหม้แผดเผาอยู่ภายในท้อง บางคนดื่มไปสองแก้วก็ไม่ไหว อย่าเอ่ยถึงสิบแก้วเลย
แต่เจียงชื่อไม่สงสารเห็นใจแม้แต่นิดเดียว
เขาง้างปากทุกคนออก ก่อนกรอกเหล้าเข้าไปทีละแก้ว จนทุกคนดื่มจนกระอักเลือด อาเจียน นอนชักจึงวางมือ
พนักงานแปดคน สุดท้ายทั้งหมดต่างนอนอยู่บนพื้น ทั่วพื้นเต็มไปด้วยเลือดและสิ่งสกปรก
เมื่อเห็นภาพนี้ ฉางจ้ายชูนตกใจหน้าซีด
โดยเฉพาะเมื่อเจียงชื่อมองมาที่เขา ฉางจ้ายชูนอดสั่นเทาขึ้นมาเองไม่ได้
“เจียงชื่อ ใจเย็นก่อน ฉันเป็นถึงประกรรมการบริษัทนะ”
“หากล่วงเกินฉัน ตระกูลติงของพวกนายก็อย่าคิดจะได้เงินลงทุนแม้แต่หยวนเดียว”
“หากนายล่วงเกินฉัน เหมือนล่วงเกินคุณปู่ติงของพวกนาย นายต้องคิดถึงผลที่จะตามมาให้ดี”
เจียงชื่อยิ้ม “ผมไม่คิดล่วงเกินคุณ ผมแค่ต้องการดื่มเหล้ากับคุณเท่านั้น อะไรกัน ชนแก้วก็ถือว่าล่วงเกินคนเข้าให้แล้วหรือ?”
ฉางจ้ายชูนอยากร้องไห้จริงๆ “แต่ฉันไม่อยากดื่ม!”
“ไม่อยากดื่ม งั้นคุณนัดพวกเรามาที่ห้องวีไอพีทำไมกัน ประธานกรรมการฉาง คุณดูปากไม่ตรงกับใจนะ”
ฉางจ้ายชูนน้ำตาไหล ความจริงเขานัดเพียงติงเมิ่งเหยนคนเดียวเท่านั้น
คิดอาศัยพลังของทุกคนมอมเหล้าติงเมิ่งเหยน จากนั้นทำมิดีมิร้าย
ผู้ใดจะคิดว่าติงเมิ่งเหยนกลับเรียกเจียงชื่อมาด้วย และยิ่งคิดไม่ถึงว่าเจียงชื่อแท้จริงคือสัตว์ประหลาด หลังดื่มเหล้าไปกว่าสิบแก้ว ยังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท้องของเขาทำมาจากอะไรกันแน่?
เจียงชื่อวางแก้วลงบนโต๊ะทีละใบ ทั้งหมดประมาณห้าสิบแก้ว จากนั้นรินเหล้าลงไปจนเต็ม
“ประธานฉาง คุณเป็นถึงประธานกรรมการ ควรดื่มให้มาก”
“มา เหล้าห้าสิบแก้วนี้ผมถือเป็นการเคารพคุณ เชิญดื่ม”
ฉางจ้ายชูนคิดอยากด่าทอคนจริงๆ เคยผ่านการชนแก้ว แต่ไม่เคยชนแก้วเช่นนี้มาก่อน
ห้าสิบแก้ว?
นี่คือการชนแก้วหรือ นี่มันฆาตกรรมกันชัดๆ!
“ไม่ ฉันไม่ดื่ม ยังไงฉันก็ไม่ดื่ม”
“ไม่ดื่ม?” เจียงชื่อหัวเราะเสียงเย็น “อย่างนั้นถือว่าไม่ให้เกียรติผม ผมเกลียดคนที่ไม่เกียรติผมที่สุด”
เจียงชื่อเอื้อมไปหยิบกรวยด้านข้างขึ้นมา แล้วเดินไปที่หน้าฉางจ้ายชูน ก่อนง้างปากเขาออก ยัดกรวยเข้าไปในปากเขา
จากนั้น เจียงชื่อนำเหล้าขาวบนโต๊ะทั้งหมดกรอกลงไปในกรวยทีละแก้ว ก่อนไหลไปในลำคอของฉางจ้ายชูน
นี่คือการดื่มเหล้า?
นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ!
หลังผ่านไปสิบแก้ว ฉางจ้ายชูนเริ่มกระอักเลือด ร่างกายสติเลอะเลือน พูดจาไม่รู้เรื่อง
เจียงชื่อกลับไม่ปล่อยเขาไป กรอกเหล้าลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฉางจ้ายชูนไร้การต่อต้านจึงหยุดมือลง
จากนั้นเจียงชื่อล้วงไม้ขีดไฟออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจุดไฟ หย่อนลงไปในปากของฉางจ้ายชูนท่ามกลางสายตาของทุกคน!
ทันใดนั้น ไฟลุกโชน