จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 4 ยืนไปก่อน
หลังจากเข้าไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม เห็นแต่เหล้าชั้นดีวางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
คนที่มาล้วนสวมใส่เงินทอง เสื้อผ้าหรูหราราคาแพง
ผู้คนถือแก้วไวน์ คุยกันอย่างชื่นมื่น
ติงเมิ่งเหยนนำเจียงชื่อมายังห้องล็อบบี้ที่หัวโต๊ะตรงกลางสุด ยิ้มให้ชายสูงวัยผู้หนึ่งพลางเรียกขึ้นว่า: “คุณปู่!”
ชายสูงวัยผู้นี้ดำรงตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลติง——ติงจ้ง
เขาขยิบตาทั้งคู่ “โอ้ เมิ่งเหยนทำไมหลานเพิ่งมาตอนนี้”? ทำเอาปู่ร้อนใจแทบแย่ เร็วๆๆ นั่งลง”
พอหันมาอีกที เห็นเจียงชื่อที่อยู่ข้างกายติงเมิ่งเหยน ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย : “นี่คือใคร?”
ติงเมิ่งเหยนก้มหน้าลงเล็กน้อย พูดด้วยเสียงแทบจะหมดลมว่า: “เขาเป็นสามีของหนู ชื่อเจียงชื่อ”
“อ้อ?”
ติงจ้งมองเจียงชื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดว่า: “ได้ข่าวว่าเธอไปเป็นทหาร นึกไม่ถึงว่าวันนี้กลับมาแล้ว มา นั่งลงสิ”
“ขอบคุณคุณปู่”
เจียงชื่อกำลังจะนั่งลง ติงเฝิงเฉิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ถามขึ้นมาด้วยความพิลึกว่า: “น้องเขย นายออกไปตั้ง5ปี ความเป็นอยู่คงไม่เลวสินะ?”
“ก็งั้นๆ”
“งั้นเหรอ? งั้นตอนนายกลับมา มีรถรับส่งโดยเฉพาะไหม?”
“ผมไม่ชอบเรื่องพิธีรีตอง เลยงดไป”
ติงเฝิงเฉิงหัวเราะ “พิธีรีตอง ฮ่าๆ นายอย่ามาแสดงได้ไหม? เรื่องในกองทัพต่างมีข้อกำหนด ลำพังนายบอกว่างดก็งดได้เหรอ? ไม่ใช่ว่าความสามารถของนายไม่ถึง ถูกปลดออกมาหรอกนะ?”
กลุ่มญาติพี่น้องบนโต๊ะต่างทำท่าหยอกเย้ามองดูเจียงชื่อ สายตาเต็มไปด้วยการดูถูก
แต่เจียงชื่อไม่พูดอะไร
ติงเฝิงเฉิงกลับเข้าใจผิดคิดว่าเจียงชื่อถูกพูดแทงใจ ไม่มีอะไรจะพูด ก็พูดด้วยความพิลึกต่อว่า: “ว่าแต่ไม่เป็นไร ตระกูลเจียงของพวกนายยังมีจิ้นเมิ่งเทคโนโลยี ต่อให้เธอไม่เป็นโล้เป็นพาย กลับมาก็ไม่อดตาย”
พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเจียงชื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ติงเมิ่งเหยนยิ่งโมโหขึ้น
เรื่องบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นไปไม่ได้ที่ติงเฝิงเฉิงจะไม่รู้ว่าเจียงโม่กระโดดตึกฆ่าตัวตาย เขาพูดต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ก็เพื่อจะสบประมาทเจียงชื่อ
คนอื่นเตือนขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีว่า: “เฝิงเฉิงเธอพูดงี่เง่าอะไรของเธอ? จิ้งเมิ่งเทคโนโลยีเป็นของเหอเย่าหลงไปตั้งนานแล้ว เกี่ยวกับตระกูลเจียงตรงไหน?”
“อ้อๆๆ ใช่” ติงเฝิงเฉิงมองดูเจียงชื่อ ยิ้มเป็นนัยแล้วพูดว่า: “ขอโทษนะ ความจำฉันไม่ดี ลืมไป”
เขาลูบที่อกแล้วพูดว่า: “ว่าแต่ไม่ต้องห่วง ต่อให้ไม่เป็นโล้เป็นพาย บริษัทก็ไม่มีแล้ว ยังไงก็ไม่อดตาย คนเป็นพี่สองอย่างฉัน ดูแลนายอยู่แล้ว ฉันว่ารูปร่างท่าทางนายก็ไม่เลว ถ้ายังไงก็มาเป็น รปภ.หรือยามเฝ้าประตูที่บริษัทฉันก็ได้ ฉันให้เงินเดือนนายเดือนละ6000หยวน ว่าไง? ”
“พอที!”
ติงจ้งบอกเสียงเบาๆ ให้ติงเฝิงเฉิงหุบปาก
“ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปพูดจาให้ระวังหน่อย”
แล้วก็มองมายังเจียงชื่ออีกครั้ง “เจียงชื่อ สภาพเธอตอนนี้ไม่ค่อยดี ฉันหวังว่าเธอจะขยัน รีบเงยหน้าขึ้น ไม่อย่างนั้น งานเลี้ยงครอบครัวคราวหน้าเธอก็ไม่จำเป็นต้องมาแล้ว”
ติงเฝิงเฉิงกับคนอื่นๆ หัวเราะเหอะๆ มองดูเจียงชื่ออับอาย
สีหน้าติงเมิ่งเหยนซีดเผือด ในชีวิตของเธอไม่มีครั้งไหนต้องอับอายเท่าครั้งนี้
ส่วนเจียงชื่อ กลับเมินเฉยมานานแล้ว ใบหน้าไม่มีความโกรธหรือเสียใจแม้แต่นิดเดียว ราวกับสิ่งที่คนอื่นพูดไม่เกี่ยวกับเขาเลย
ติงจ้งเห็นท่าทางของเขา ก็โมโหจนตบโต๊ะ “เด็กมันโง่โตไม่เป็น!”
เวลานี้ ด้านนอกโรงแรมก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้น
รถยนต์ BMW สีขาวกว่าสิบคันตั้งแถวเป็นขบวน ขับมายังด้านหน้าโรงแรม ในนั้นมีคันหนึ่งเป็นเบนท์ลีย์สีเงินดำราคาเกินกว่าล้าน เผยฐานะความเป็นไฮโซ
“พี่ใหญ่กับพี่เขยมาแล้ว!” ติงเฝิงเฉิงดีใจลุกขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมประชดเจียงชื่อขึ้นมาว่า: “พี่เขยก็ไปเป็นทหารกลับมา นายดูขบวนสิ บารมีแบบนี้ เป็นทหารเหมือนกัน ทำไมห่างกันมากเลย? ยังทำเป็นบอกว่าไม่ชอบพิธีรีตองอีก เหอะๆ ต่อให้นายชอบ มีคนจะสนองให้นายไหม? ยิ่งขบวนรถรับส่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง!”
“ไม่ขอฝอยแล้ว ไปรับพี่สาวกับพี่เขยกับฉัน”
ติงจ้งลุกขึ้นเดินไปยังประตูใหญ่ คนอื่นก็ทยอยลุกเดินตามไป ถึงขั้นทำให้คุณปู่ติงต้องออกไปรับด้วยตัวเอง ดูก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีฐานะสูง
พอมาถึงประตูใหญ่ ติงจ้งยืนตัวตรง
ประตูรถเบนท์ลีย์เปิดออก ติงจื่อยวี่ควงแขนสามีถังแหวนโม่ เดินลงมาจากรถ
“พ่อ ทำไมต้องออกมารับด้วยตัวเอง? ทำผมอายุสั้นนะ” ถังแหวนโม่พูดด้วยเสียงแหบห้าว
“โธ่ เธอเป็นรองผู้บัญชาการจ้านยู่ ฉันเป็นชาวบ้านออกมาต้อนรับก็สมควรแล้วไม่ใช่
เหรอ?”
“พ่ออย่างพูดอย่างนี้ เร็วเข้า รีบเข้าไปเถอะ อย่าตากความหนาวอยู่”
“ไป เข้าไป”
คนเป็นแถวล้อมถังแหวนโม่ไว้ตรงกลาง ราวกับดาวล้อมเดือนเชิญสู่ด้านในอย่างนั้น
“มา แหวนโม่ จื่อยวี่ มานั่งข้างๆ ฉัน”
คุณปู่ติงดีใจจนเชิญถังแหวนม่อ ติงจื่อยวี่มาอยู่ข้างๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ต่างจากท่าทีที่ทำต่อเจียงชื่อเมื่อครู่ราวกับฟ้ากับดิน
โต๊ะหนึ่งนั่งได้สิบที่ เนื่องจากตอนแรกไม่นึกว่าเจียงชื่อจะมา จึงขาดไปหนึ่งที่
“โอ้ ขาดไปหนึ่งที่” ติงเฝิงเฉิงพูดขึ้นมา
ติงจ้งเหลือบตาดูเล็กน้อย พูดขึ้นมาเรียบๆ ว่า: “เจียงชื่อ เธอยืนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวจะให้บริกรยกเก้าอี้มาให้”
น้ำเสียงเขาราบเรียบ ไม่ได้เห็นเจียงชื่ออยู่ในสายตาเลย
ติงเมิ่งเหยนที่อยู่ข้างๆ กำมือแน่น แต่ก็เหลือวิสัยทำอะไรไม่ได้
เจียงชื่อยิ้มแหยๆ ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างโต๊ะ
ติงจ้งพูดไปหัวเราะไปกับถังแหวนโม่ ถามความเป็นอยู่ช่วงนี้ไม่หยุด แต่กับเจียงชื่อเมื่อครู่ไม่มีคำถามด้วยความห่วงใยแม้แต่คำเดียว
เห็นช่องว่างอย่างชัดเจน
พอคุยกันสักพัก พี่ใหญ่ติงจื่อยวี่ชี้ไปยังเจียงชื่อ พูดขึ้นว่า: “น้องเล็ก คนนี้ก็คือสามีที่ไปเป็นทหารของเธอ——เจียงชื่อสินะ?”
“อืม”
“ว่าไป ฉันก็เพิ่งเจอเป็นครั้งแรก ทำไมไม่แนะกันหน่อยล่ะ?”
ติงเฉิงเฝิงหัวเราะพูดว่า: “จะแนะนำอะไร? ตระกูลตกต่ำ เป็นทหารล้มเหลว ไม่มีงานทำสักที่ ต้องอาศัยพวกเราตระกูลติงเลี้ยงดู เศษสวะพรรค์นี้ มีอะไรให้น่าแนะนำ กลัวจะระคายสายตาพี่ใหญ่เปล่าๆ”
“อ้อ? แย่อย่างนี้เชียว?”
ในใจของติงจื่อยวี่สะใจมาก ตั้งแต่เล็กจนโตเธอสู้ติงเมิ่งเหยนไม่ได้สักอย่าง
คะแนนสู้ไม่ได้ รูปร่างหน้าตาก็ต่างกันมาก ถูกติงเมิ่งเหยนข่มไปทุกอย่าง ตอนนี้ในที่สุดก็ได้โอกาสระบายอารมณ์แล้ว
เธอควงแขนสามีถังแหวนโม่ พูดจาออดอ้อนขึ้นมาว่า: “ที่รัก คุณก็เป็นทหารไม่ใช่เหรอ? เห็นแก่ที่ทุกคนเป็นทหารเหมือนกัน ถ้าไง คุณหางานสักอย่างในจ้านยู่ให้เขาทีสิ?”
ถังแหวนโม่คิ้วขมวดขึ้น “พูดเป็นเล่น? คิดว่าใครก็เข้าไปจ้านยู่ได้เหรอ? โดยเฉพาะจ้านยู่ของเรา ไม่มีระดับ ก็ไม่มีคุณสมบัติเข้าไปได้”
แล้วก็หันมา ถังแหวนโม่มองเจียงชื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า ถามว่า: “ตอนนี้นายเป็นยศอะไร?”
เจียงชื่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ออกมาว่า: “เทพสงครามซูร่า”