จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 42 สิบบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างมาถึง
บทที่ 42 สิบบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างมาถึง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาสองที่กำหนดไว้พริบตาเดียวก็มาถึง
เจียงชื่อนั่งรถแท็กซี่คันหนึ่ง มาถึงหน้าประตูใหญ่ของบริษัทติงหรงอย่างนิ่งสงบไม่รีบร้อน ติงเมิ่งเหยนภรรยาที่ไม่เจอกันสองวัน เฝ้ารออยู่ที่ประตูมานานแล้ว
เจอกันอีกครั้งหลังจากกันไปในช่วงสั้นๆ ทำให้พวกเขามีอาการที่อยากจะเข้าไปโอบกอดอีกฝ่าย แต่ยับยั้งลงไปด้วยเหตุผล
“มาแล้วหรือ? ”
“อืม”
“งั้น…ขึ้นชั้นบนเถอะ”
ไม่มีคำพูดที่มากเกินไป ทุกอย่างแสดงออกมาโดยไม่ต้องพูด จากสายตาของทั้งสองฝ่ายก็มองออกถึงความคิดถึงและเฝ้ารอในสองวันมานี้
ทั้งสองมาถึงห้องประชุมของบริษัท
เจ้าบ้านติงจ้งนำสมาชิกคนสำคัญของบริษัท มารออยู่ตั้งแต่เช้า
ติงเฟิงเฉิง ติงจื่อยวี่ ถังแหวนโม่และคนอื่นๆ ก็จัดคนไว้ที่ทางออกทุกทางปิดตายไว้ วันนี้ขอเพียงเจียงชื่อกล้ามา พวกเขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้เขาจากไป
เข้าไปในห้องประชุม
ติงจ้งมองเจียงชื่ออย่างไร้ชีวิตชีวา ใช้ภาษาที่เย็นชาถามขึ้น “ระยะเวลาที่กำหนดไว้สองวันมาถึงแล้ว เจียงชื่อ เรื่องที่นายรับปากฉันทำสำเร็จหรือยัง? ”
“ทำสำเร็จแล้ว”
“หืม? เช่นนั้นคนล่ะ? ” ติงจ้งมองทั้งสองฝั่ง “ผู้ลงทุนที่นายดึงมา ยังมีคนตระกูลฉาง ทำไมไม่เห็นเลยสักคนเดียว? ”
เจียงชื่อมองที่นาฬิกาข้อมือรอบหนึ่ง “ตอนเป็นเวลาเก้าโมงครึ่ง พวกเรานัดเอาไว้แล้วว่าเจอกันสิบโมง ใกล้แล้ว”
“หึ! นายยังจะมาทำท่าทำทางกับฉันที่นี่? ”
ติงจ้งพูดอย่างเย็นชา “เจียงชื่อ นายคิดว่าฉันไม่รู้หรือ? สองวันที่ผ่านมานี้นายไม่รู้วิ่งไปสุมหัวอยู่ที่ไหนแล้ว เรื่องเดิมพันก็ไม่สนใจสักนิด ทั้งหมดล้วนโยนให้เมิ่งเหยนคนเดียว”
“เมิ่งเหยนเพื่อนายแล้ว เขียนจดหมายเชิญอย่างเคารพนบนอบส่งให้สิบบริษัทยักษ์ใหญ่ในรายชื่อ”
“ผลสุดท้าย ไม่มีแม้แต่หนึ่งแห่ง ปฏิเสธทั้งหมด! ”
“เจียงชื่อ เรื่องมาถึงตอนนี้แกยังมีอะไรให้พูดอีก? ตัวเองหลบไปกินดื่มเที่ยวเล่น ให้ผู้หญิงคนหนึ่งจัดการเรื่องให้แก แกนี่มันมีหน้าตาเสียจริงนะ? ”
เจียงชื่อขมวดคิ้ว ถามกลับอย่างสงบ “นายทำไมถึงแน่ใจว่าจดหมายเชิญถูกปฏิเสธ? ”
ในเวลานี้ ถังแหวนโม่หัวเราะตอบว่า “เป็นฉันที่ส่งคนไปตรวจสอบเอง หลังจากจดหมายทั้งสิบฉบับกำลังส่งไปถึงมือของประธานกรรมการทั้งสิบบริษัท ไม่ถึงสามนาทีก็ถูกส่งคืนมาแล้ว ไม่มีสักแห่งที่ยินดีมา เมิ่งเหยนยังสาบานอย่างจริงใจน่าเชื่อถือต้องการให้พวกเรามาแต่เช้า เตรียมตัวเข้าร่วมประชุมการลงทุน เหอะๆ คนลงทุนเขาไม่มาแม้แต่คนเดียว ขอถามว่าการประชุมนี้จะเปิดยังไง? ”
ติงเฟิงเฉิง ติงจื่อยวี่และสมาชิกคนอื่นของบริษัท มองเจียงชื่ออย่างสนอกสนใจยิ่ง คาดหวังว่าจะเห็นความเครียด ความกลัว ความรู้สึกผิด ความอับอายและอารมณ์อื่นๆ จากใบหน้าของเขา
น่าเสียดาย พวกเขาผิดหวังแล้ว
เจียงชื่อสีหน้าท่าทางยังคงสงบนิ่ง ทั้งยังพูดตำหนิเล็กน้อย “พี่เขยใหญ่ ในความเห็นฉัน คนที่นายให้ไปตรวจสอบเหล่านั้นนั้นไว้ใจไม่ได้เอาเสียเลย กลับไปแล้วก็ไล่ออกเถอะ”
“แก!!! ”
ถังแหวนโม่โกรธจนอยากจะด่ากราด สุดท้ายฝืนข่มไว้ได้ ยิ้มเย็นกล่าว “ล้วนมาถึงขั้นนี้แล้ว แกยังมาทำท่าทางอะไรอยู่อีก เจียงชื่อ ฉันควรจะพูดว่าแกไม่กลัวที่จะเจอกันอันตราย หรือควรจะพูดว่าแกตายอย่างหน้าไม่อายดี? ”
ติงเฟิงเฉิงกล่าวเสริม “พอแล้วๆ ทุกคนก็เห็นสถานการณ์แล้ว เรื่องที่เจียงชื่อรับปากทำไม่สำเร็จสักเรื่องเดียว ตามสัญญา เขาควรจะหย่ากับน้องเล็กทันที จากนั้นก็ไสหัวไปจากตระกูลติง นับแต่นี้ไปไม่อาจเหยียบเข้าตระกูลติงของพวกเราอีกแม่แต่ครึ่งก้าว”
ติงจ้งพยักหน้า “เจียงชื่อ ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ก็ไปจัดการขั้นตอนการหย่าร้างด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ฉัน ‘ช่วย’ นายหรอกนะ? ”
เจียงชื่อส่ายหน้าน้อยๆ
“เมื่อครู่ผมก็พูดไปแล้วเวลานัดพบคือสิบโมง ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบกว่านาทีพวกคุณก็ไม่เต็มใจรอแล้วหรือ? ”
“พวกคุณกลัวแพ้ขนาดนี้เลย? ”
ติงจ้งกล่าวอย่างดูถูก “แพ้? ฉันจะแพ้อย่างไร? ฉันเพียงแค่ไม่อยากเสียเวลากับนายที่นี่อีก ได้ นายถึงกับยังยืนหยัด ฉันก็จะให้เวลานายอีกครึ่งชั่วโมง ให้นายตายอย่างยินยอมพร้อมใจ ถ้าสิบโมงตรงแล้วยังไม่มีคนมาแม้แต่คนเดียว นายไม่เพียงแต่จะต้องหย่ากับเมิ่งเหยน ยังต้องลิ้มรสชาติกฎบ้านของพวกเราตระกูลติงด้วย! ”
“ได้”
เจียงชื่อย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลง รอคอยด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ติงเมิ่งเหยนในใจวิตกกังวล จริงๆ แล้วตามคำตอบของคนส่งจดหมาย ก็เหมือนกับที่ถังแหวนโม่พูด ประธานกรรมการของบริษัททุกแห่งไม่มีความตั้งใจที่จะมา
เธอไม่รู้ว่าเจียงชื่อเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน เชื่อมั่นว่าประธานกรรมการทั้งสิบบริษัทจะมา
ติงเมิ่งเหยนในใจแอบภาวนา ไม่ต้องมาทั้งหมด แค่มาคนสองคนก็พอให้สลายวิกฤตนี้ “ขอร้องพวกคุณ จะต้องมานะ”
ทุกเวลาทุกนาทีล้วนเป็นความทรมาน
ท่ามกลางการรอคอยที่ยาวนาน เวลาก็มาถึง ยังคงไม่มีคนมาสักคนเดียว
ติงจ้งหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ “เจียงชื่อ เกมนี้ของนายเล่นจบหรือยัง? วันนี้ ฉันจะต้องให้นาย…”
คำยังไม่พูดจบ ทันใดนั้นได้ยินเสียงรายงานด้านนอกถ่ายทอดเข้ามา :
“ประธานกรรมการบริษัทเหมิงเจียน–พันคู่มาเข้าร่วมประชุมใหญ่โครงการลงทุน!!! ”
เสียงถ่ายทอดเข้ามา ทุกคนในที่นี้ต่างชะงักค้าง พันคู่แห่งบริษัทเหมิงเจียนนั้นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สิบอันดับแรกของเมือง เขาสามารถมาเข้าร่วมประชุมได้ ก็มีน้ำหนักมากพอแล้ว
ติงเมิ่งเหยนผ่อนลมหายใจ นับว่ามีคนมาแล้ว
ติงจ้งมองไปทางเจียงชื่ออย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขาทำอย่างไรถึงเชิญผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่เช่นพันคู่มาได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้
“ประธานกรรมการบริษัทฉางชิง–แวนหยวนเหอร่วมกับภรรยามาเข้าร่วมประชุมใหญ่การลงทุน! ”
“ประธานกรรมการพร้อมด้วยผู้จัดการใหญ่บริษัทบันเทิงไป่ฉี เข้าร่วมประชุมใหญ่การลงทุน! ”
“ผู้จัดการใหญ่บริษัทเชียนเฉิงสาขาเขตเจียงหนาน–หยวนฉ่ายมาเข้าร่วมประชุมใหญ่การลงทุน! ”
“ประธานกรรมการบริษัทจื่อหย่า–เหอไห่เทียนพร้อมด้วยบุตรชายคนโตเข้าร่วมประชุมใหญ่การลงทุน! ”
……
ชื่อแล้วชื่อเล่าดังถ่ายทอดเข้ามา ทุกคนล้วนเป็นตัวแทนของบริษัทและวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ชั้นนำของเมืองเจียงหนานไปจนถึงระดับประเทศ
ขนาดความยิ่งใหญ่ของทุกองค์กรล้วนเป็นกี่สิบเท่าของตระกูลติง!
โดยไม่มีข้อยกเว้นใด พวกเขาทั้งหมดต่างอยู่ในรายชื่อของเจียงชื่อฉบับนั้น
สิบบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่มีขาดแม้แต่แห่งเดียว!
สิ่งนี้ตบหน้าทุกคนในตระกูลติงที่อยู่ที่นี่อย่างแรง โดยเฉพาะติงจ้ง ก่อนหน้านี้เขาเหยียดหยันเจียงชื่อไว้มากมายเท่าไร ตอนนี้หน้าของเขาก็เจ็บมากเท่านั้น
มองคนใหญ่โตพวกนี้เข้ามาในห้องประชุม คนตระกูลติงทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างโง่งมไปแล้ว ทุกๆ คนล้วนตกตะลึงจนพูดคำใดไม่ออก ไม่เคยคาดคิดว่าเหล่านักลงทุนกระเป๋าหนักพวกนี้จะมาที่ตระกูลติงของพวกเขาได้
ถึงจะเป็นถังแหวนโม่ ก็ยังไม่เพียงพอให้มองต่อหน้าคนใหญ่คนโตเหล่านี้ ใครก็ตามในที่นี้หิ้วออกมาสักคนก็อยู่ไกลเกินกว่าที่ตระกูลติงจะเทียบได้
ทุกคนในนั้นรวมทั้งติงจ้ง ทั้งหมดรีบมาต้อนรับการมาถึงของคนใหญ่คนโตเหล่านี้
คนอื่นๆ ต่างทยอยกันสละที่นั่งให้กับคนใหญ่คนโตเหล่านั้นนั่ง คนทำงานของตระกูลติงที่ปกติแล้วยโสโอหังอย่างยิ่งเหล่านั้น เวลานี้ต่างนิ่งเงียบดุจจักจั่นในฤดูหนาว ยืนอย่างนอบน้อมอยู่ตรงนั้นไม่กล้าแม่แต่จะขยับ
ติงเฟิงเฉิงตะลึงไปแล้วโดยสิ้นเชิง เขาโน้มไปใกล้ข้างหูของถังแหวนโม่พูดเสียงเบาว่า “พี่เขย นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าพูดไว้แล้วว่าไม่มีมาสักคนหรอกหรือ? สุดท้ายทำไมมากันทั้งหมดแล้วเสียแล้ว? คนที่พี่ส่งไปไว้ใจไม่ได้จริงๆ ด้วย กลับไปไล่ออกเถอะ”
ถังแหวนโม่ถลึงตาใส่เขาครั้งหนึ่ง ความโกรธไม่มีที่ให้ระบาย
เขาก็สงสัยว่าทำไมคนใหญ่โตพวกนี้ถึงได้กลับคำ พูดไว้ดิบดีว่าไม่มา ทำไมถึงได้มากันแล้ว?
จริงๆ แล้วคนที่เขาส่งไปสอบถามมาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ภายหลังเรื่องที่เจียงชื่อส่งคนไปพูดโน้มน้าว คนของเขาไม่อาจสืบหามาได้
มองเห็นท่าทางแววตามีรอยยิ้มนั้นของเจียงชื่อแล้ว ถังแหวนโม่อึดอัดราวกับกินแมลงวันเข้าไป สองหมัดกำแน่น ส่งเสียงดังกร๊อบ
เดิมทีคิดจะทำให้เจียงชื่ออับอายอย่างรุนแรงสักรอบ
ตอนนี้ดีแล้ว ไม่เพียงไม่อับอายขายหน้า กลับยังทำให้เจียงชื่อ ‘โอ้อวด’ ไปได้รอบหนึ่ง ความเกลียดชังนั้นในใจถังแหวนโม่นั้น!