จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 73 อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์
บทที่ 73 อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์
ระหว่างเดินทางกลับ เฉิงดันถิงได้จมอยู่ท่ามกลางความสุขมาตลอดทาง
เมื่อสติคืนกลับมา เธอพูดกับเจียงชื่อว่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมาก เงินที่ติดหนี้คุณ ฉันจะพยายามจ่ายคืนโดยเร็วที่สุดนะ”
เจียงชื่อโบกมือ “ไม่ต้องคืนหรอก”
“หืม คุณใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอ?”
“คุณเป็นหลานสาวของลุงเฉิง หลายปีมานี้ลุงเฉิงได้ทุ่มเททำผลงานมากมายให้กับบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง ทุกครั้งที่ผมอยากจะให้เงินเขา เขาไม่เคยเต็มใจยอมรับ ตอนนี้ผมจ่ายเงินให้คุณ ถือว่าผมตอบแทนลุงเฉิงก็แล้วกัน”
เฉิงดันถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงชื่อจะเป็นคนใจสปอร์ตขนาดนี้
เธอพูดไม่ออกมาตลอดทาง เมื่อกลับมาถึงบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง เจียงชื่อก็พาเธอมาถึงด้านหน้าอาคารเฉิงไห่ จากนั้นก็จะไปทำธุระของตัวเอง
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“มีอะไรอีกล่ะ?”
เฉิงดันถิงเอ่ยถามว่า “คุณไม่มีอะไรอยากจะพูดกับฉันงั้นเหรอ?”
เจียงชื่อยิ้ม “ไม่มีนี่”
“คุณจะไม่เล่าให้ฉันฟังเรื่อง…การสร้างอุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรมเหรอ?”
“ผมไม่ชอบฝืนใจคน เรื่องที่คุณไม่อยากทำ ผมก็จะไม่บังคับให้คุณทำ”
พูดจบเขาก็ออกจากห้องโถง
เฉิงดันถิงมองดูเงาด้านหลังที่เดินจากไปของเจียงชื่อแล้วจมลงสู่ห้วงความคิด
ปู่และหลานสองคนไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว เมื่อเฉิงไห่ขึ้นมาก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับเฉิงดันถิง แต่ไม่รู้ว่าทำไมดูเหมือนเฉิงดันถิงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ตลอดเวลา
เฉิงไห่เป็นผู้อาวุโส โดยธรรมชาติย่อมมองเห็นว่างมีบางอย่างที่ผิดปกติ
เขาจงใจเอ่ยถามว่า “ใครกันนะที่ทำให้หลานสาวที่แสนดีของฉันต้องว้าวุ่นใจ?”
เฉิงดันถิงตกตะลึงแล้วจงใจเม้มปาก “ไม่มีค่ะ หนูเพียงแค่รู้สึก…ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่น่ารังเกียจ ยังมีผู้ชายบางคนที่มีความรับผิดชอบมาก”
เฉิงไห่หัวเราะชอบใจ
ผู้ชายที่สามารถทำให้หลานสาวของเขาทำการประเมินออกมาได้เช่นนี้ นั่นจะต้องไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอย่างแน่นอน เฉิงไห่เดาได้แล้วว่าเป็นใคร
“ว่ายังไงล่ะ? สนใจอยากร่วมงานกับผู้ชายคนนี้จะได้ทำความเข้าใจมากขึ้นหรือเปล่า?”
เฉิงดันถิงหน้าแดงไปแล้ว “หนูยังไม่สนใจจะทำความรู้จักผู้ชายหรอกนะคะ”
เสียงเพิ่งจะจบลง ก็มีรถคันหนึ่งมาที่ปากประตูแล้วส่งเสื้อผ้าระดับไฮเอนด์เข้ามาเซตใหญ่ ทั้งหมดคือของที่เฉิงดันถิงซื้อที่ห้างสรรพสินค้า
“ขอโทษครับไม่ทราบว่าท่านใดคือคุณเฉิงดันถิง? กรุณาเซ็นรับเสื้อผ้าของคุณด้วย”
“ฉันเองค่ะ”
เฉิงดันถิงเอาเสื้อผ้าทั้งหมดไปวางไว้บนโซฟาในห้องรับแขก มองดูเสื้อผ้าที่มีอยู่เต็มไปหมดอย่างงุนงง
เธอคิดถึงเรื่องที่ตนเองถูกคนร้ายจับตัวไว้ แล้วเจียงชื่อช่วยเธอไว้อย่างไร ยิ่งคิดถึงเรื่องที่บัตรของตัวเองหัก แล้วเจียงชื่อช่วยเหลือเธอไว้อย่างไรโดยให้อภัยและลืมเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมด
แม้ว่าเจียงชื่อไม่ได้คาดหวังจะให้ตอบแทนใดๆ เฉิงไห่ก็พูดอย่างก้ำกึ่งว่า “โอ้ เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ นี่มันจะต้องมีราคามากกว่าหนึ่งล้านหยวนเลยใช่ไหม? ไม่ใช่ถูกๆเลยนะ”
เฉิงดันถิงมองดูเสื้อผ้าด้วยความมึนงงแล้วพูดว่า “ถึงแม้หนูจะบอกว่าไม่มีความสนใจผู้ชาย แต่หนูมีความสนใจที่จะสร้างอุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรมนะคะ”
เฉิงไห่อดไม่ได้ที่จะเผยอมุมปากขึ้น
เรื่องนี้ สำเร็จแล้ว!
เขาตะโกนเรียกเจียงชื่อให้เข้ามาว่า “คุณชายใหญ่ครับ ยินดีด้วย ดันถิงยินดีที่จะอยู่จีนช่วยคุณสร้าง อุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรมแล้วครับ”
เจียงชื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ทำไมจู่ๆถึง…”
ดันถิงเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “อย่าเพิ่งดีใจไป ก่อนที่จะตอบตกลงช่วยคุณ พวกเราต้องมาทำพันธสัญญาสามข้อกันก่อน ถ้าคุณเห็นด้วยกับคำขอของฉัน ฉันถึงจะยอมอยู่ต่อ”
“คุณพูดมาเลย”
“ข้อแรก จุดประสงค์ในการสร้างอุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรมคือเพื่อส่งเสริมศิลปะของจีน ค้นหาคนใหม่ๆที่มีศักยภาพ ขยายพลังของอุตสาหกรรมนี้และไม่ใช่การช่วยคุณโจมตีฝ่ายตรงข้าม”
เจียงชื่อพยักหน้า “ผมยอมรับได้”
“ข้อสอง ถึงแม้คุณจะเป็นผู้ถือหุ้น แต่ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบันเทิงและวัฒนธรรมต้องให้ฉันเป็นใหญ่ที่สุด”
เฉิงไห่ขมวดคิ้ว “เป็นอย่างนี้ได้ยังไงกัน?”
เฉิงดันถิงมองเจียนชื่อ “ว่ายังไงคะ?”
เจียงชื่อพยักหน้า “เห็นด้วย”
“ข้อสาม ฉันต้องการเงินทุนเริ่มต้นสามร้อยล้านหยวนแล้วยังต้องการให้คุณซื้อบริษัทให้ฉันสองแห่งและก่อตั้งฐานบันเทิงและวัฒนธรรมของตนเอง”
ถ้าต้องการบรรลุข้อสามนี้จะต้องใช้เงินอย่างน้อยหนึ่งพันล้านหยวน
ตามวิธีการคิดของเฉิงดันถิงแล้ว ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำก็จะต้องแข็งแกร่งที่สุด
ถ้าต้องการแข็งแกร่ง การทำเรื่องเล็กๆย่อมเป็นไปไม่ได้ มันจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่เพียงแค่การจ่ายเงิน แต่ยังต้องใช้ในเรื่องที่สมควรใช้มากที่สุดด้วย
เจียงชื่อหัวเราะเบาๆ “ทั้งหมดนี้ไม่มีปัญหาเลย”
พันธสัญญาสามข้อได้ผ่านพ้นไป นับจากนี้เป็นต้นไป โครงการอุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรมของบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เฉิงดันถิงกลายเป็นประธานของอุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรม
วันแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประชุมร่วมกัน
ในห้องประชุมเล็กๆ เจียงชื่อ เฉิงไห่ ขวดน้ำ และมู่หยางอีอยู่ที่นี่ทั้งหมด
เฉิงดันถิงเปิดเครื่องโปรเจคเตอร์
เธอกล่าวออกมาโดยตรงว่า “อันคำว่าความบันเทิงและวัฒนธรรม ในความเป็นจริงแล้วมีสาระสำคัญเหมือนกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สำคัญที่สุดคือสองคำนี้ “ทรัพยากร” และ “ช่องทาง” ในด้านของช่องทาง เมืองเจียงหนานมีช่องทางธุรกิจทั้งรายใหญ่และรายย่อย เราสามารถค่อยๆจ่ายเงินเพื่อผ่านไปได้ และคำว่าทรัพยากร พวกเราจะต้องเริ่มมุ่งเน้นให้ความสำคัญด้วย”
“ทรัพยากรของความบันเทิงและวัฒนธรรม แบ่งออกได้อีกเป็นสองด้านคือ “ผลงาน” และ “ความสามารถ” ตอนนี้พวกเราทั้งยากจนและว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย หากต้องการสร้างตั้งแต่เริ่มต้น ถึงใช้ทั้งเวลาทั้งแรงก็ใช่ว่าจะได้ผล ดังนั้นคำแนะนำของฉันก็คือ ซื้อโดยตรงเลยจะดีกว่า”
บนจอโปรเจคเตอร์แสดงภาพสองบริษัท
เฉิงดันถิงกล่าวว่า “สองบริษัทนี้ บริษัทหนึ่งเป็นบริษัทฝึกอบรมศิลปินที่มีความเชี่ยวชาญ บริษัทหนึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์โดยเฉพาะ ปัจจุบันเพราะผลกระทบของตลาดจึงแทบจะทำต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเราสามารถฉวยโอกาสนี้จัดการพวกเขาได้พอดี สามารถแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากของ “ความสามารถ” และ “ผลงาน”ได้ในเวลาเดียวกัน”
“จากนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็คือการตั้งฐานความบันเทิงและวัฒนธรรมของตัวเอง ถ้าอยากทำสิ่งที่ใหญ่และแข็งแกร่ง ก็ไม่อาจที่จะไม่มี”ฐานที่มั่น” ของตัวเองได้”
เธอหยิบแผนที่ออกมาอีกแผ่นหนึ่ง แล้วใช้หมุดทำเครื่องหมายลงไปอีกจุดหนึ่ง
“ที่นี่อยู่ใกล้กับฐานภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ของเจียงหนานอย่างมากและมีการคมนาคมที่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง การเลือกสร้างฐานที่นี่ ถึงแม้การลงทุนในช่วงแรกจะค่อนข้างสูง แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ในอนาคตจะประหยัดเงินทุนในแง่ของการถ่ายทำและยังสะดวกในการสื่อสารทุกด้าน เป็นสถานที่ที่เหมาะในการก่อสร้างฐานอย่างมาก”
เฉิงดันถิงพูดจาฉะฉานอย่างเป็นหลักเป็นฐานและนำความคิดของเธอบอกกับทุกๆคน
ทุกคนในที่ประชุมต่างรู้สึกหลงใหลราวกับตกหลุมรัก
เทียบกับเฉิงดันถิงแล้ว แผนการที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้เท่ากับไม่มีอะไรเลยจริงๆ จนอดทอดถอนใจไม่ได้ จะต้องมีมืออาชีพมาทำในเรื่องเฉพาะทาง
ถ้าหากปฏิบัติตามแนวทางของเจียงชื่อและมู่หยางอีก่อนหน้านี้คาดการได้เลยว่าจะต้องเจ๊งอย่างรวดเร็ว
หลังจากประชุมเสร็จแล้ว เจียงชื่อเป็นผู้นำในการปรบมือ
ต้องบอกว่าถึงแม้เฉิงดันถิงจะเย่อหยิ่ง แต่ก็เป็นคนมีต้นทุนให้ทะนงตน ความสามารถในด้านความบันเทิงและวัฒนธรรมของเธอนั้นคนธรรมดาไม่อาจเทียบได้เลยจริงๆ
มีเฉิงดันถิงในฐานะ “นายพล” ในที่สุดเจียงชื่อก็ได้เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรม
ในตอนท้ายของการประชุม เฉิงดันถิงยื่นปากกาหมึกซึมสีดำให้เจียงชื่อ แล้วตบลงไปบนไวท์บอร์ดแผ่นเล็กพร้อมกับพูดว่า “คนไม่มีชื่อไม่ได้ ประธานเจียงคะ มาร่วมเลือกชื่ออาณาจักรความบันเทิงและวัฒนธรรมของคุณกันเถอะค่ะ”
เจียงชื่อหยิบปากกาแล้วยืนอยู่หน้าไวท์บอร์ดอยู่เป็นเวลานาน ท้ายที่สุดจึงเขียนตัวอักษรสีดำขนาดใหญ่สี่ตัวว่า อี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์!!