จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่10 แพ้ราบคาบ
บทที่10 แพ้ราบคาบ
มู่หยางอีขึ้นกล่าวบนเวทีด้วยความฮึกเหิมอยู่นาน ในที่สุดสุนทรพจน์ก็จบลง และไปจากเวที
พิธีกรถือไมโครโฟนพูดกับทุกคนในงานว่า: “การประชุมในวันนี้ของสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านแยกย้ายตามลำดับ”
บอกว่าแยกย้าย แต่หลายคนก็ยังนั่งอยู่กับที่
รอจนคนจำนวนหนึ่งออกไป ชายคนหนึ่งก็นำของขวัญขึ้นมาบนเวที หัวเราะเหอะเหอะพูดกับพิธีกรว่า: “ผู้จัดการใหญ่บริษัทอุตสาหกรรมหนักเจียงหัว——เหมียหยู่ เพื่อต้อนรับการมาของผู้รับผิดชอบใหญ่ ผมได้เตรียมน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ มา หวังว่าจะฝากมอบให้กับผู้รับผิดชอบใหญ่”
จากนั้นเขาก็เปิดฝากล่องออก ข้างในเป็นโสมอายุวัฒนะหัวหนึ่ง10ปี เรียกว่ามูลค่ามหาศาล!
พิธีกรพยักหน้า “วางใจได้ ผมจะมอบต่อให้”
“งั้นก็ขอบคุณแล้ว”
เมี่ยวหยู่เพิ่งเดินออกมา ผู้ชายคนที่สองก็เดินขึ้นไปอีก คนแล้วคนเล่า ได้มอบน้ำใจให้กับพิธีกร หวังว่าจะมอบต่อให้กับผู้จัดการใหญ่
มีทั้งพระพุทธรูปทอง ไข่มุก รถสปอร์ต หมาเหน่า ของที่ทุกคนมอบให้ล้วนมีค่ามหาศาล ที่ราคาถูกที่สุดก็ยังอยู่ที่หลักแสนถึงจะเอาออกมา
เห็นของที่คนอื่นให้ หน้าผากของติงฉี่ซานก็เหงื่อตก เมื่อเทียบกับของขวัญของคนอื่น ของในมือเขาถือว่าน่าขายหน้า
จ้าวถงนั่งอยู่ข้างเขาพอดี เห็นกล่องที่ติงฉี่ซานถืออยู่ในมือ ก็ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ: “เหล่าติง นี่คุณให้อะไรเหรอ? บอกผมหน่อยได้ไหม?”
ติงฉี่ซานพูดด้วยความผะอืดผะอม: “อีกเดี๋ยวก็รู้เอง”
“โอ้ ดูลึกลับเชียว” จ้าวเอาถือกล่องสีทองใบเล็กมาจากมือเขา ตบดูเบาๆ พูดว่า: “ว่าแต่ไม่ว่าคุณจะให้อะไร ก็คงสู้สุดที่รักของผมไม่ได้”
ติงฉี่ซานทำตาขาวใส่ ไม่พูดอะไร
เห็นคนอื่นให้ของมาพอประมาณแล้ว ติงฉี่ซานก็ลุกขึ้นเดินไปที่เวที
“คือว่า ผมเห็นหัวหน้าสำนักประปาเทศบาล——ติงฉี่ซาน เพื่อเป็นการต้อนรับผู้รับผิดชอบใหญ่ เตรียมของขวัญมาชิ้นเล็กๆ หวังว่าจะรับไว้ด้วย”
พิธีกรรับมา แล้วก็เปิดดู ข้างในห่อเหล้า6ขวดเอาไว้
ตอนแรกทุกคนนึกว่าเป็นเหล้าราคาแพงสูงลิ่วอะไร พอมองยี่ห้ออีกที ก็หัวเราะกันลั่นห้อง
“ผิดพลาดอะไรเหรอเปล่า? เหล้านี่ผมจำได้ที่ร้านขายของชำราคาแค่3หยวน6เหมาต่อขวดเองมั๊ง? ”
“ของพรรค์นี้จะทุเรศเกินไปเหรอเปล่า?”
“ไม่มีเงินก็อย่ามาสิ ต่อให้ซื้อดอกไม้2ช่อก็ยังแพงกว่าเหล้าห่วยๆ นี่อีกมั๊ง? ”
“จึๆๆ ทำขายหน้าสำนักประปาหมด”
ติงฉี่ซานหน้าร้อนผ่าว เขาคิดไว้แล้วว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่พอเกิดขึ้นจริงถึงได้รู้ว่าตัวงี่เง่าแค่ไหน
ตอนเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ว่าทำไมต้องเชื่อเศษสวะอย่างเจียงชื่อ?
ที่จริงใช้สมองคิดดูก็รู้ งานสำคัญเช่นนี้ ให้เหล้าราคา3หยวน6เหมา ไม่เท่ากับสบประมาทผู้รับผิดชอบเหรอ?
อย่าว่าแต่เลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนเลย กลับไปแล้วไม่โดนไล่ออกก็ขออามิตตะพุทธแล้ว
“ลงไปเถอะ อย่าให้อายคนเลย”
“หมดนี่มาพังงานจริงๆ บอดี้การ์ดอยู่ไหน? ยังไม่ไล่เขาไปอีก?”
ติงฉี่ซานไม่มีหน้าพบผู้คน รีบออกจากเวทีไป
พิธีกรหัวเราะเหอะๆ พูดด้วยความเย็นชาว่า: “วันนี้เป็นวันดีเป็นพิธีเข้ารับตำแหน่ง จะให้ใครเข้ามาสบประมาทได้อย่างไร? ของพรรค์นี้คู่ควรเอาขึ้นมาเหรอ? ไสหัวไปซะ!”
แล้วก็โยนขวดเหล้า 6 ขวดลงบนพื้น ในนาทีนี้เอง ติงฉี่ซานรู้สึกหน้าของตัวเองก็ตกลงบนพื้นด้วย เก็ยังไงก็เก็บขึ้นมาไม่ได้
ข้างล่างเวที ติงฉี่ซานอายจนไม่มีแผ่นดินให้อยู่
จ้าวถงที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะจนแทบจะหายใจไม่ทัน “เฮ้ เหล่าติง สมองคุณเสื่อมเหรอไง? งานอย่างนี้ให้เหล้าราคา3หยวน6เหมา? คุณเห็นผู้รับผิดชอบใหญ่เป็นผ้าขี้ริ้วเหรอไง”
“ไม่ใช่ว่าผมจะว่าคุณ แม้แต่ของขวัญที่สำคัญคุณก็แอบลดคุณภาพ แสดงว่าคุณน่ะ ขี้เหนียวมาก”
“เที่ยวนี้กลับไป คุณก็รอโดนไล่ออกเถอะ สำนักประปาของเราถูกคุณทำขายหน้าหมดแล้ว”
ท่ามกลางผู้คน
ติงเมิ่งเหยนสีหน้าคร่ำเครียด เธอมองไปยังเจียงชื่อ “เป็นความคิดของคุณทั้งนั้นที่ออกให้คุณพ่อ ตอนนี้ทำพ่อฉันต้องเสียหน้า กลับไปอาจจะต้องตกงานก็ได้!”
ใบหน้าเจียงชื่อสงบนิ่ง
“คุณ เชื่อใจผมไหม?”
ถามคำถามอย่างนี้อีกแล้ว เมื่อครู่ติงเมิ่งเหยนเลือกที่จะเชื่อใจเจียงชื่อ เจียงชื่อก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง
แต่ครั้งนี้…
ติงเมิงเหยนลังเลพูดว่า: “ไม่ใช่ฉันไม่เชื่อคุณนะ คุณดูท่าทางพ่อฉันสิ ถูกคนอื่นรังแกจนแทบจะแย่แล้ว ของขวัญที่คุณแนะนำจริงๆ ไม่ได้ความเลย!”
“มันก็แค่สายตาของพวกที่ไม่รู้จักก็เท่านั้น เชื่อผม ถ้าผู้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าที่รักทหารเหมือนลูก ก็ต้องชอบของขวัญที่ผมเลือกให้เขา”
ติงเมิ่งเหยนส่งเสียงหึ “ไม่รู้ไปเอาความเชื่อมั่นมาจากไหน เฮ้อ…”
เวลานี้ จ้าวถงก็ปัดแขนเสื้อลุกขึ้นมา “พอที หน้าตาของสำนักประปาเราถูกคุณทำขายหน้าหมดแล้ว ผมต้องรีบไปกู้หน้ากลับมา จะให้คนอื่นหัวเราะเยาะไม่ได้”
เขาเอากล่องใบเล็กเดินขึ้นเวที หัวเราะเหอะๆ ให้กับพิธีกร: “ผมเป็นหัวหน้าการตลาดของสำนักประปา——จ้าวถง ตั้งใจเตรียมสินใจเล็กน้อยมาให้ผู้รับผิดชอบ”
“คนของสำนักประปาอีกแล้ว เที่ยวนี้คงไม่ได้มอบเหล้าราคาถูกอีกใช่ไหม?”
“ฉันว่า80%ไม่ใช่ของดีอะไร”
“สำนักประปายากจนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ท่ากลางการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน จ้าวถงก็หันไปคำนับต่อผู้คน
“ผมขออภัยต่อทุกท่านในที่นี้ก่อน เนื่องจากความโง่เขลาชั่วครู่ของเพื่อนร่วมงานผม ทำให้ทุกท่านต้องขบขัน ในที่นี้ ผมขอกล่าวคำว่า “ขอโทษ” แทนติงฉี่ซาน”
“สำนักประปาเราไม่ได้ยากจน และไม่ได้มีเจตนาไม่เคารพผู้รับผิดชอบ พฤติกรรมของติงฉี่ซาน เป็นเพียงพฤติกรรมส่วนตัวของเขา ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักประปา ขอทุกคนอย่างได้คิดมาก”
“พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ เพื่อให้ทุกท่านเห็นความจริงใจของสำนักประปา และเห็นความจริงใจของจ้าวถง ผมจึงขอมอบของขวัญชิ้นนี้”
พูดจบ เขาก็เปิดกล่องสีทองใบเล็กออก ข้างในมีแค่กุญแจเพียงดอกเดียว
ทุกคนมองหน้ากัน นี่จะมาไม้ไหนอีก?
กุญแจรถยนต์?
จ้าวถงหยิบกุญแจขึ้นมา “กุญแจดอกนี้ เป็นกุญแจวิลล่าหลังเดี่ยวบ้านเลขที่ 33หมู่บ้านอพาร์ทเม้นเฟิ่งหลิ่งในเมือง”
ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ผู้คนต่างตกตะลึง
หมู่บ้านอพาร์ทเม้นเฟิ่งหลิ่ง นั่นเป็นเขตหรูหราติดห้าอันดับแรกของเมือง คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนมีฐานะร่ำรวยกัน!
วิลล่าเดี่ยวของที่นั่น ขยับกันที่สิบล้านขึ้น
อีกอย่างถ้าไม่มีเส้นสาย ก็ไม่มีสิทธิซื้อได้
คฤหาสน์หรูหราเช่นนี้ คนทั่วไปแสวงหาชั่วชีวิตก็ซื้อไม่ไหวซื้อไม่ได้ แต่จ้าวถงกลับซื้อมาให้ผู้รับผิดชอบ มือเปิบจริงๆ เขย่าขวัญคนฟัง
ติงฉี่ซานกับจ้าวถง มาจากสำนักประปาเหมือนกัน คนหนึ่งใช้เงินไม่ถึง30หยวน ส่วนอีกคนมอบคฤหาสน์หรูหราราคาหลักสิบล้านหยวน
ความต่างกันของทั้งคู่ช่างมากจริงๆ
สงครามที่ไม่เห็นการต่อสู้ ติงฉี่ซานดูแล้วน่าจะแแพ้ราบคาบ