จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่52 หนึ่งพันสองร้อยล้าน?
บทที่52 หนึ่งพันสองร้อยล้าน?
เลขที่188 ถนนใหญ่มู่เสิ้ง ธนาคารสวิสสาขาเจียงหนาน
เจียงชื่อก้าวเท้าตรงเข้าไปในธนาคาร เดินตรงไปในช่องของวีไอพี
“ยินดีต้อนรับครับ ท่าน……”
หน้าของพนักงานขายทักทายด้วยรอยยิ้ม โดยปกติแล้วคนที่จะเข้ามาที่ช่องวีไอพี ของธนาคารสวิสได้นั้น จะเป็นคนที่รวยเอามากๆ เพราะฉะนั้นพนักงานขายที่นี่เลยมีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสในการทักทาย ไม่กล้าเกียจคร้านแม้แต่น้อย
แต่เมื่อเขาเห็นเจียงชื่อที่สวมใส่เสื้อผ้าราคาถูก ไม่มีผู้คุ้มกันหรือผู้ช่วยเข้ามาเลย ใบหน้าของเขาก็หุบยิ้มลงในทันที
“ขอโทษทีนะครับ นี่เป็นช่องวีไอพี มันไม่ใช่ช่องที่คนประเภทแบบคุณควรเข้ามา”
“หากคุณต้องการจัดการธุรกิจ ให้คุณเดินไปที่เคาน์เตอร์ข้างๆนะครับ”
เนื่องจากปกติมักจะมีคนเดินผิดมาที่ช่องวีไอพีบ่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแค่สมาชิกธรรมดา แต่ก็ยังจะเดินผิดมาช่องวีไอพี ดังนั้นพนักงานขายจะต้องแยกให้ออกว่า เขาเป็นวีไอพีจริงๆหรือว่าแค่เดินเข้าผิดทางเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าในสายตาของพนักงานขายนั้น เจียงชื่อเป็นประเภทที่เดินเข้ามาผิดทาง
เพราะโดยปกติแล้วลูกค้าที่เป็นวีไอพีมักจะแต่งตัวดูดี สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง อีกทั้งยังมีผู้ช่วย หรือไม่ก็คนคุ้มกันติดตามมาด้วย
คนที่ใส่เสื้อผ้าตามร้านแผงลอยอย่างเจียงชื่อ มองแวบแรกก็รู้ว่าเดินเข้ามาผิดทาง
เจียงชื่อยืนนิ่งแล้วพูดว่า “ฉันต้องการพบผู้จัดการธุรกิจสาขาของคุณ—คุณหยวนเจิ้น”
“พรึ่บ~~”
พนักงานขายหัวเราะ มองไปที่เจียงชื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า: “ต้องขออภัยด้วยจริงๆนะครับ ผู้จัดการหยวนของเรารับแต่ลูกค้าวีไอพีระดับสูงเท่านั้น แม้แต่ลูกค้าวีไอพีธรรมดายังเข้าพบไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับคุณล่ะครับ?”
เจียงชื่อไม่มีทางเลี่ยง เลยพูดเสริมไปว่า “คุณแค่บอกกับหยวนเจิ้นว่าเจียงชื่อมาหา เพียงเท่านี้เขาก็จะลงมาหาเอง”
พนักงานขายเห็นว่าเจียงชื่อนั้นไม่ยอมไปซะที เขาจึงพูดอย่างหมดความอดทนออกไปว่า “ฉันจะบอกว่าคนแบบนายเนี่ยจะพอได้รึยัง เห็นผู้จัดการหยวนเป็นคนยังไง อยากพบก็จะได้พบงั้นเหรอ?นายจะออกไปไหม ถ้าไม่ออกฉันจะเรียกรปภ.ให้มาเอาออกไป
นี่เป็นการแสดงออกมาว่าเขาดูถูกเจียงชื่อแค่ไหน
พนักงานขายด้านข้าง—เสี่ยวหลิวเห็นท่าไม่ค่อยดี เลยพูดว่า“แค่ไปแจ้งให้ทราบเอง เดี๋ยวฉันไปพูดให้แล้วกัน”
เสี่ยวหลิวขึ้นไปชั้นบน
ภายในระยะเวลาไม่ถึงสามนาที ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตึงตึงตึงดังมา
ผู้จัดการสาขาหยวนเจิ้นรีบวิ่งลงมา เขาเข้ามาห้องโถงด้วยความตื่นเต้น
เมื่อพนักงานขายเห็นว่าหยวนเจิ้นนั้นเดินลงมา เขาจึงพูดกับเจียงชื่อว่า “นายต้องการพบผู้จัดการหยวนของเราไม่ใช่เหรอ” เขามาแล้ว เมื่อกี้เรียกให้ไปไม่ไป ตอนนี้ฉันจะดูว่านายจะก้าวลงมายังไง บอกไว้ก่อนเลยนะ การที่นายทำให้ผู้จัดการหยวนเสียเวลา มันจะไม่เป็นผลดีกับนายเอาซะเลย”
พนักงานขายยังคงไม่หยุดพูด หยวนเจิ้นก็รีบเดินเข้ามาตรงหน้าของเจียงชื่อ
“คุณเจียง ที่จากกันที่เวสเตอร์แลนด์ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเราจะได้พบกันอีก นี่ทำให้ผมมีความสุขมาก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หน้าของพนักงานขายก็ซีดเผือด
เขาถามอย่างตะกุกตะกักว่า “ผู้จัดการ..หยวน คุณรู้จัก รู้จักคนยากจนคนนี้ด้วยเหรอครับ?”
หยวนเจิ้นมองที่เขา “สงบปากสงบคำให้เรียบร้อย!
คุณเจียงไม่เพียงแต่เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นลูกค้าคนสำคัญสามอันดับแรกของธนาคารทั่วโลกของเราอีก!”
ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้?
สามอันดับแรก?
สองข้อมูลนี้เข้ามาในหัวของพนักงานขาย มันทำให้อยากตายไปเลยเสียจริง
หัวใจของเขานั้นขมขื่น ชายร่างใหญ่เสียงเสียงดังคนนี้ ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายธรรมดา?อีกทั้งไม่ได้พาผู้ช่วยมาอีกต่างหาก
เจียงชื่อฝืนยิ้ม “อย่าพูดว่ามันน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นสิ เศษขยะอย่างฉัน เกรงว่าคุณสมบัติที่จะเป็นวีไอพีนั้นไม่มีเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นจะพบกับผู้จัดการหยวนน่ะเหรอ”
หยวนเจิ้นได้ฟังก็พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขามองไปที่พนักงานขายที่ยืนข้างเขาด้วยสายตาเย็นชา “นายเก็บข้าวของและออกไป”
“อย่านะ ผู้จัดการหยวน ฉัน….”
“ทำไม อยากให้ฉันเชิญนายออกไปงั้นเหรอ”
พนักงานขายไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา ได้แต่เก็บข้าวเก็บของจากไป เขาไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับผลลัพธ์นี้ หากจะโทษใคร ก็ต้องโทษตัวเองที่อวดรู้มากเกินไป
หากเขาสุภาพกว่านี้ พูดด้วยเสียงที่ปกติหน่อย เขาก็คงไม่ต้องมาลงเอยเช่นนี้
หยวนเจิ้นไม่ได้สนใจพนักงานขายคนนั้นอีกต่อไป เขาพาเจียงชื่อเข้าไปทางช่องของวีไอพี เดินตรงเข้ามาในห้องที่หรูหราที่สุดในธนาคาร
ที่แห่งนี้มีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก ไม่ต้องกลัวว่าความลับจะรั่วไหลออกไป
หยวนเจิ้นเชิญเจียงชื่อให้นั่ง และถามว่า “ท่านมาหาผมถึงที่ด้วยตัวเอง มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”
เจียงชื่อ กล่าวต่อ “ฉันมาที่นี่ ก็เพื่อจะมาเอาบัตรคืนน่ะ หลายปีผ่านไปแล้ว น่าจะพอมีเงินอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?”
หยวนเจิ้นยิ้ม “สบายใจได้เลยครับ คุณเจียง ผมดูแลธุรกิจของคุณมาหลายปีแล้ว มีกำไรอย่างแน่นอน บัตรของคุณยังพอมี ‘มีเงินอยู่บ้าง’ครับ”
ประมาณสามปีที่แล้ว หยวนเจิ้นได้พาครอบครัวของเขาไปทำธุรกิจที่เวสเตอร์แลนด์ เป็นผลให้เขาตกเป็นเป้าของแก๊งมิจฉาชีพ ทุกคนในบ้านถูกจับเป็นตัวประกันและตกอยู่ในอันตราย
ตอนนั้นเขาคิดว่าเขาต้องตายแน่ๆ
เรื่องบังเอิญในตอนนั้นก็คือ เจียงชื่อเพิ่งจบต่อสู้และกำลังพาคนกลับจากที่ตรงนั้น เขาเดินไปชนกับพวกคนร้ายที่จับตัวประกันพอดี
หลังจากที่เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญ เขาก็สามารถช่วยครอบครัวของหยวนเจิ้นไว้ได้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หยวนเจินรู้สึกขอบคุณเจียงชื่อเป็นอย่างมาก เขาปฏิบัติราวกับว่าเจียงชื่อเป็นพ่อแม่ที่เกิดมาใหม่ของเขา
ในเวลานั้นเจียงชื่อได้ไปต่อสู้ในที่ต่างๆ ได้รับของรางวัลมามากมายจากผู้คนมั่งคั่งทั่วโลก พ่อค้ารายใหญ่ที่นั่นก็เก็บเกี่ยวเงินได้มากมายเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเจียงชื่อบริหารเงินยังไง แต่เงินทั้งหมดนั้นถูกเก็บอยู่ที่ธนาคารสวิส หยวนเจิ้นทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของเขา
หยวนเจิ้นให้บัตรแก่เจียงชื่อ ที่สามารถถอนเงินออกได้ตลอดเวลา
เจีบงชื่อต่อสู้มาหลายปี ไม่สะดวกที่จะพกบัตรไว้กับตัว เขาจึงให้หยวนเจิ้นเก็บมันไว้
ตลอดสามปีที่ผ่านมา หยวนเจิ้นทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยจัดการธุรกิจของเจียงชื่อ ลงทุนทุกอย่างที่ทำเงินได้ ทำยังไงให้เงินมาเร็วๆเขาก็จะทำแบบนั้น เขากระตือรือร้นหาเงินให้เจียงชื่อมากกว่าหาให้ตัวเองเสียอีก
เพราะว่าหยวนเจิ้นรู้สึกว่า แม้ว่าเขาจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนเจียงชื่อ มันก็คงตอบแทนไม่หมดเมื่อเทียบกับการที่เจียงชื่อช่วยชีวิตครอบครัวของเขาไว้
ตอนนี้เจียงชื่อจะเป็นหนี้ก้อนโตกับบริษัทเทียนติ่ง เขาจึงจำเป็นที่จะต้องเอาบัตรที่ฝากไว้กับหยวนเจิ้นคืน
เขาจำได้ลางๆว่า บัตรใบนี้น่าจะมีเงินอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามีอยู่เท่าไหร่
“คุณเจียงรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาบัตรมาให้”
ไม่ถึงสิบนาที หยวนเจิ้นเดินกลับมาพร้อมกับกล่องสีแดง เขาวางไว้บนโต๊ะและเปิดมันออก ปรากฎให้เห็นบัตรธนาคารสีดำที่ตัดด้วยเส้นสีทอง ให้ความรู้สึกเป็นเนื้อสัมผัสโลหะที่มีความทันสมัยเป็นอย่างมาก
หยวนเจินกล่าวว่า: “นี่คือบัตรทองม่วงมังกรฟินิกซ์ของธนาคารเรา ในโลกนี้มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่เป็นเจ้าของและคุณก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ”
เจียงชื่อหยิบบัตรนั้นขึ้นมาดู ดูแล้วดูอีกพร้อมกับถามว่า “ในบัตรนี้มีเงินถึงหนึ่งพันสองร้อยล้านหยวนหรือไม่?”
ได้ยินเช่นนี้ หยวนเจิ้นก็หัวเราะดังลั่น
“คุณเจียง ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้เอาซะเลยว่าคุณร่ำรวยขนาดไหน”
เจียงชื่อหยักไหล่อย่างเคอะเขิน “ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก”
หยวนเจิ้นพูดว่า “ตอนที่คุณมอบบัตรและทรัพย์สินส่วนตัวให้ผมดูแล ตอนนั้นมันก็มีค่าไม่น้อยกว่าหนึ่งพันสองร้อยล้านหยวนแล้วครับ ตลอดการดูแลที่ผ่านมา ตอนนี้คงจะเพิ่มไปเป็นสิบหรือร้อยเท่าแล้วครับ”
เขาชะงักไปชั่วครู่ แสร้งเป็นพูดแบบลับลมคมในว่า “เมื่อเทียบกับเงินหนึ่งสองร้อยล้านที่คุณมี มันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น”