จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่62 ความหึง
บทที่62ความหึง
สองวันผ่านไปเร็วมาก วันครบรอบวันเกิดของยายได้มาถึง
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ บริษัทแม่ของตระกูลติงมีปัญหาด้านโครงการปรับปรุงใหม่นิดหน่อย ต้องให้ติงเมิ่งเสิร์ฟนไปแก้ไขที่หน้างานทันที วันครบรอบวันเกิดก็ไปไม่ได้แล้ว
และมีแค่ติงฉี่ซาน ซูฉิน และเจียงชื่อที่ไปงานครบรอบวันเกิด
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมือง โรงแรมเห้อเฟิง และเชิญพ่อครัวที่ฝีมือดีที่สุดในเมืองมาทำอาหาร และเตรียมอาหารทั้งหมดไว้50โต๊ะ
ได้เชิญญาติของตระกูลซูทั้งหมด และยังเชิญเพื่อนที่เกี่ยวข้องกับแวดวงของธุรกิจทางบ้านมาด้วย
ติงฉี่ซานและครอบครัวถึงแล้ว ได้ให้น้องชายซูหงเหวินไปต้อนรับ และพี่น้องทั้งสองที่ไม่ได้เจอกันนาน และได้เจอกันจึงคุยกันไม่หยุด
“เมิ่งเหยนไปได้มาด้วยหรือ?” ซูหงเหวินถาม
“โธ่ เจ้านั้นช่วงนี้ยุ่งมาก นางห่างบริษัทไม่ได้เลย รู้สึกเกรงใจจัง” ซูฉินพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไร พี่ใหญ่มาก็ดีแล้ว มา พวกเราไปนั่งกัน”
ขณะนี้ มีเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงออกมาจากด้านหลังของซูหงเหวิน เจียงชื่อมองไปที่เด็กคนนี้ฉันรู้จัก
ซูสวนที่ตัวเขาเคยช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลมหาศาลให้
“พี่เขย!” ซูสวนเห็นเจียงชื่อแล้ว ดีใจเป็นอย่างมาก
ซูหงเหวินบอกเธอว่า “ผู้อาวุโสนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง และผู้น้อยนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง น้องสวน น้องพาเจียงชื่อไปโต๊ะของเขานะ”
“ได้ค่ะ รู้แล้ว พ่อ”
ซูสวนดึงแขนของเจียงชื่อและเดินไป ไม่รู้เพราะอะไร ไม่เห็นติงเมิ่งเหยนมางาน ใจของซูสวนแอบเสียใจนิดหน่อย
เธอเดินไปพูดไป “ช่วงนี้เงินฉันช็อตนิดหน่อย~~”
เจียงชื่อพูดอย่างเย็นชา“ไม่มีเงิน”
ซูสวนสำลัก“ฉันแค่หยอกนายเล่น ดูนายตกใจมากเลยนะ”
ทั้งสองคนมาถึงที่นั่งของตัวเอง ขณะนี้คนได้มานั่งเต็มโต๊ะแล้ว ทั้งหมดเป็นคนที่อายุยี่สิบกว่าปี ลูกหลานของญาติมาร่วมกันที่โต๊ะนี้
ในนั้นมีผู้ชายหัวเปีย เมื่อเห็นเจียงชื่อและซูสวนที่หยอกล้อกันเล่นแล้ว ความโกรธได้ผุดขึ้นในใจ
“ซูสวน เขาเป็นใคร?” น้ำเสียงของชายหัวเปีย ดูไม่เป็นมิตร
เขาไม่ใช่คนของตระกูลซู แต่พ่อของเขาร่วมงานกับตระกูลซู ถึงได้รับเชิญมางานครบรอบวันเกิดนี้
ชายหัวเปียคนนี้ชอบซูสวนมานานแล้ว และบอกรักเธอมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งก็โดนซูสวนปฏิเสธ
ตอนนี้ชายหัวเปียเห็นซูสวนใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น ทำให้เขาเกิดความหึงหวง
ซูสวนเมินหน้า“เขาเป็นใครเกี่ยวอะไรกับนาย?”
ชายหัวเปียตอบ“ที่เธอไม่รับรักฉัน เพราะผู้ชายคนนี้ใช่มั้ย?”
เจียงชื่ออึ้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ซูสวนกลับไม่อธิบายอะไรเลย ยังเอาน้ำมันเทใส่ไฟอีก“ใช่ ถูกต้อง นี่คือสามีที่ดีของฉัน ที่รักนายจะทำอะไร?”
ระหว่างที่พูด แขนของซูสวนโอบไปที่แขนของเจียงชื่อ ตั้งใจจะทำตัวให้อยู่ใกล้ชิดเจียงชื่อ
เจียงชื่อตกใจรีบเอาแขนออกมา
“คือ อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันชื่อเจียงชื่อ เป็นพี่เขยชองซูสวนนะ
ซูสวนเบ้ปาก ไม่ชอบใจมาก
ชายหัวเปียโล่งใจและมองไปที่เจียงชื่อ และพูดอย่างเสียดสีว่า“นายคือลูกเขยที่ไร้ค่าเจียงชื่อใช่มั้ย?” เป็นอะไร กินพี่สาวไม่พอ จะมากินน้องสาวอีกหรือ? จะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเลยหรอ?”
เจียงชื่อขมวดคิ้ว นายหมายถึงอะไร?
ซูสวนตอบกลับด้วยความโกรธ“เจิ้งยุ่น หุบปากที่เหม็นของนายนะ!”
“เฮ้อ”
ท่ามกลางเสียงคุยกัน งานครบรอบวันเกิดได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ และอาหารได้ถูกเสิร์ฟจนครบ และทุกคนได้หยิบตะเกียบขึ้นมา
เพื่อจะทำให้เจิ้งยุ่นโมโห ซูสวนแกล้งคีบเนื้อให้เจียงชื่อ และพูดว่า“พี่เขย พี่ลองกินดูนะว่าอร่อยมั้ย?”
เจิ้งยุ่นใช้สายตามองและโกรธ
เขาเอาตะเกียบจีไปที่โต๊ะ และพูดว่า“เจียงชื่อ ได้ข่าวมาหลังจากที่นายปลดประจำการแล้ว ได้กลับไปอยู่ที่บ้านของภรรยา งานที่มั่นคงก็ยังหาไม่ได้ไม่ใช่หรือ? ”
สายตาทุกคู่ของคนในโต๊ะมองไปที่เจียงชื่อด้วยความสงสัย
ลูกเขยที่ไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง ผู้ชายที่เป็นผู้นำไม่ได้เป็นผู้ชายที่คนชอบดูถูกมากที่สุด โดยเฉพาะเห็นซูสวนที่ค่อยทำดีกับเจียงชื่อ ทำให้ยืนยันได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนจริงๆ
ซูสวนรีบพูดปกป้องเจียงชื่อ“นายไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย? ถึงพี่เขยฉันจะไม่ ไปอะไรเลย แต่ก็หาเงินได้มากกว่านาย!”
“อ้อ? เป็นแบบนั้นหรือ?”
เจิ้งยุ่นหัวเราะและพูดว่า“ฉันเป็นรองผู้จัดการแผนกของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งจอง เงินเดือนอาจจะไม่สูง แค่แสนกว่าๆ และมีสวัสดิการต่างๆ อยากรู้ว่าพี่เขยเธอเงินเดือนเท่าไหร่หรือ?”
ทุกคนมองเจียงชื่อด้วยสายตาที่ยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่น
เจิ้งยุ่นถึงจะไม่ใช่คนรวยอะไร และไม่ใช่ลูกคนรวยอะไร แต่ถ้าเทียบกับคนธรรมดาแล้วเขาก็ดูรวยมาก
เดือนละแสน ปีละก็ล้าน และบวกกับรายได้เท่าๆ กับสวัสดิการที่มองไม่เห็น รายได้ปีหนึ่งก็เกือบจะสองล้าน
สองล้าน สำหรับคนธรรมดาแล้วดูเอื้อมไม่ถึงเลยนะ
แต่เจียงชื่อเป็น ลูกเขยที่ไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงที่ไร้ค่าที่แย่กว่าธรรมดาอีก คนที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ เมื่อเทียบกับเจิ้งยุ่นแลัว เขาดูเป็นขยะไปเลย
คนที่ร่วมโต๊ะอาหารได้พูดว่า“เจิ้งยุ่นนายพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ นายก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่เอาไหน ยังจะซ้ำเติมบาดแผลในใจของเขาอีก ชั่งใจร้ายจริงๆ”
อีกคนหนึ่งพูดออกมาว่า“พูดแบบนี้ฉันไม่เห็นด้วยนะ คนบางคนอาจจะจน แต่ก็ใช้ชีวิตที่ถ่อมตัว ไม่ไปมีเรื่องกับใคร แต่บางคน จนแล้วยังไม่มีความสามารถ และยังถือตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง แบบนี้จะไม่ให้ซ้ำเติมได้อย่างไงละ”
คนในโต๊ะอาหารพูดกันไปพูดกันมา พูดจนเจียงชื่อไม่เหลือค่าอะไร
ซูสวนโมโหจนกระทืบเท้า เธอพยายามที่จะช่วยพูดให้เจียงชื่อ แต่ถูกเจียงชื่อห้ามไว้
ซูฉินพูดเบาๆ ว่า“พี่เขย พี่จะทำอะไร? แท้จริงแล้วพี่รวยมาก แต่ทำไมถึงรับคสบประมาทของเขาด้วย”
“รับคำสบประมาทหรือ? ไม่นะ” เจียงชื่อดื่มเหล้าไปนิดหน่อยและพูดว่า“เธอไม่รู้สึกหรือว่าคนที่พูดให้ตัวเองดูดีแบบนี้เหมือนตัวตลก? สิ่งที่พวกเราควรทำคือการทานข้าวดื่มเหล้าและดูตัวตลกพวกนี้แสดง”
ซูฉิน หน้ามุ่ยมันก็จริงอย่างที่พูด แต่ใจของซูฉินรู้สึกไม่สบายใจเลย
ผู้หญิงที่อยู่ในโต๊ะอาหาร กลับคิดต่างกลับซูฉิน พวกเธอพูดประจบสอพลอและเยินยอเจิ้งยุ่น ถ้าได้รู้จักกับผู้ชายที่มีรายได้สองล้านต่อปี เป็นเรื่องที่มีเกียรติไม่ใช่หรือ?”
“เจิ้งยุ่น เชิญดื่มเหล้าสักแก้ว”
” ฉันชื่ออาเหม่ย นี่คือนามบัตรของฉัน”
“ฉันด้วย เจิ้งยุ่น พ่อของฉันเคยร่วมงานกับบริษัทของนายนะ”
เจิ้งยุ่นรับคำประจบประแจงของผู้หญิงเหล่านี้และแกล้งทำเป็นมองไปที่ซูฉิน เหมือนจะพูดว่า“ เป็นไงละ ผู้หญิงที่ชอบฉันมีตั้งเยอะ ฉันที่ชอบเธอ ก็เป็นเกียรติของเธอมากๆ แล้วนะยังไม่มาประจบประแจงฉันอีก?
ซูฉินหันไปและไม่มองเขา แล้วไปพูดหยอกล้อเล่นกับเจียงชื่อ
เมื่อเจิ้งยุ่นเห็นภาพนี้แล้ว โกรธและระงับอารมณ์ไม่ได้
เขารู้สึกว่ายังทำให้เจียงชื่ออับอายขายหน้าไม่พอ ยังจะทำให้เจียงชื่อขายหน้ายิ่งกว่านี้
อยากที่จะมาแย่งผู้หญิงของฉันหรือ ฉันจะทำให้นายขายหน้าให้ถึงที่สุด!