จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่69 ความบันเทิง
บทที่69 ความบันเทิง
เจิ้งยุ่นดิ้นรนลุกขึ้นมา สุดท้ายนักเลงอีกคนก็เตะไปที่ท้องของเขา
เขากุมท้องแล้วไอข้างถนน
นักเลงคนอื่นก็เข้ามาหมด เจิ้งยุ่นรีบปัดมือ”หยุด หยุดก่อน”
เขาพูดเสียงต่ำ”แสดงนิดเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาจริง”
เพิ่งพูดจบ นักเลงอีกคนก็เอาไม้ตีขาเขาหนึ่งที ตีจนกระดูกเกือบหัก นอนร้องอยู่กับพื้น
“กูบอกว่าอีเชี้ย มึงแม่งไม่ได้ยินที่กูพูดเหรอ?”
นักเลงพวกนั้นไม่สนว่าเขาจะพูดอะไร เข้าไปทุบตีเตะถีบ ตีจนเจิ้งยุ่นหน้าบวมช้ำ เลือดท่วมตัว
เขาต้องทนกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปและงงไป
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
การแสดงมันกลายเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงได้อย่างไร?
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็แยกจากกัน เจียงชื่อก้าวเดินเข้ามา และไอเบา ๆ “เฮ้ นักแสดงเจิ้ง นายจะต่อสู้หนึ่งต่อสิบ เพื่อปกป้องซูสวนไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายถึงนอนลงล่ะ?”
เจิ้งยุ่นลืมตาขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่เจียงชื่อ
“นาย นายสลบไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงลุกขึ้นมาได้ล่ะ?”
ไม่ใช่แค่ลุกขึ้นมาได้ แถมยังไม่เป็นอะไรเลย
ซูสวนเดินเข้ามา ถุยใส่เขา”พวกเราแต่ทำด้วยวิธีทำนองเดียวกัน นายชอบแสดงละครไม่ใช่เหรอ? พวกเราเลยแสดงร่วมกันกับนายเอง”
เจิ้งยุ่นเพิ่งจะเข้าใจ ว่าตนถูกหลอกกลับแล้ว
เขาอยากแสดงเป็นฮีโร่ช่วยคนสวย ผลสุดท้ายคนที่เขาจ้างมาเปลี่ยนใจกะทันหัน ช่วยเจียงชื่อแสดงละคร มิน่าตอนลงมือไม่รู้จักหนักเบาเลย
เจิ้งยุ่นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ครั้งนี้อวดดีไม่สำเร็จกลับโดนอัด เสียหายใหญ่โตมาก
เจียงชื่อพูดนิ่งๆ”ถ้าอนาคตนายยังอยากแสดงละครล่ะก็ อย่าลืมแจ้งผมล่ะ น่าสนุกดี”
เขาพาซูสวนออกไป ทิ้งเจิ้งยุ่นนอนสัมผัสการรุกรานของลมหนาว
ระหว่างทางกลับไป ซูสวนเปิดหน้าต่างรถ หัวเราะดีใจ มีความสุขสุดๆ
“ดีใจขนาดนั้นเลย?”
“แน่นอน นายไม่รู้ว่าช่วงนี้เจิ้งยุ่นน่ารำคาญแค่ไหน สลัดยังไงก็ไม่ออก แล้วยังชอบขู่เพื่อนของฉัน ฉันรำคาญมากๆ พี่เขย พี่ช่วยฉันแก้แค้นได้แล้ว”
เจียงชื่ออมยิ้ม
สิบนาทีผ่านไป รถจอดอยู่หน้าหมู่บ้าน ทั้งสองคนลงจากรถ
“เอาล่ะ ส่งเธอถึงตรงนี้แหละ เธอกลับบ้านพักผ่อนเถอะ”เจียงชื่อพูด
ซูสวนเสียดายมาก เวลาที่อยู่ด้วยกันกับเจียงชื่อมักจะผ่านไปเร็ว มีความสุขมาก ทำให้เธอไม่อยากแยกจากกันเลย
“พี่เขย”
“หืม?”
“จริงๆแล้วฉันชอ……”
ซูสวนก้มหน้า หน้าแดงมาก พูดไม่ออกตั้งนาน เสียงของเธอเบาราวกับยุง
เจียงชื่อขมวดคิ้ว”เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
“ฉัน……”ซูสวนกวักมือเรียกเขา”นายขยับมา แล้วฉันจะบอกนายเบาๆ”
เจียงชื่อขยับหูตามที่บอก ซูสวนก็ขยับปากเล็กๆเข้าหาเขา
จากนั้น ซูสวนริมฝีปากสีชมพูอ่อนของ ก็จูบไปที่แก้มเจียงชื่ออย่างหนัก การกระทำนี้ทำให้จิตวิญญาณของเจียวชื่อหลุดจากการครอบครองของเขา และตกใจจนถอยกลับไป
“เธอ……”
ซูสวนกุมปากและยิ้มพูดว่า”ก่อนกลับบ้านอย่าลืมล้างหน้าล่ะ ไม่อย่างนั้นละก็ ให้พี่สะใภ้เห็นรอยลิปสติกนายจะแย่เอานะ”
เจียงชื่อหมดคำพูด”เธอซนจริงๆ”
“ฮิฮิ พี่เขย ราตรีสวัสดิ์”ซูสวนกระโดดเดินเข้าหมู่บ้าน ค่อยๆหายไปจากสายตาของเจียงชื่อ
เจียงชื่อนั่งเข้าไปในรถ ก่อนจะสตาร์ทรถ ใช้กระจกมองหลังดูรอยลิปสติก
เขาส่ายหัวเบาๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดถู
เช็ดไปก็นึกถึงยิ้มหวานปานดวงอาทิตย์ของซูสวน นึกถึงปฏิกิริยาแบบนี้ในช่วงไม่นานมานี้
เธอ แค่แกล้งเล่นจริงๆเหรอ?
หรือว่า……
เจียงชื่อสะบัดหัว สะบัดความคิดบ้าบอคอแตกแบบนี้ออกไปจากหัว หายใจเข้าลึกๆ เหยียบคันเร่งขับออกไป
……
ช่วงเวลาต่อมาชีวิตก็สบายมากขึ้น
เนื่องจากเจียงชื่อทำให้ซูฉินออกหน้าในวันเกิดของคุณยาย ซูฉินจึงชอบเจียงชื่อมากยิ่งขึ้น ช่วงนี้บริษัทติงฉี่ซานยุ่งมาก ก็ไม่ค่อยสนใจเจียงชื่อ
นอกจากนี้ติงเมิ่งเหยนก็ยุ่งเรื่องของบริษัทอยู่ตลอด
ด้วยเหตุนี้ช่วงนี้จึงไม่มีใครสนใจเจียงชื่อ เขาก็มีความสุขและสบายใจถ้าไม่มีอะไรทำเขาจะไปดูที่บริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง
ในวันนี้ เขามาที่บริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งตามปกติ และเรียกเฉิงไห่ ขวดน้ำ มู่หยางอีและคนอื่นๆ มาประชุมที่ห้องทำงาน
แม้ว่าช่วงนี้การพัฒนาการของบริษัทเทคโนโลยีจะรวดเร็วมาก แต่มูลค่าของอุตสาหกรรมก็เพิ่มสูงขึ้น และชื่อเสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่มันยังไม่เพียงพอ
เจียงชื่อยังคงลืมไม่ลงว่า เจียงโม่พี่ชายของเขาเสียชีวิตอย่างไร
การชำระหนี้และการกู้คืนบริษัทเป็นขั้นตอนแรก สิ่งที่เจียงชื่อต้องทำคือกำจัดคนที่ทำร้ายเจียงโม่ให้หมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเทียนติ่ง
เจียงชื่อต้องการที่จะให้บริษัทเทียนติ่งล่มสลายทั้งหมด และทำให้มันหายไปจากเมืองเจียงหนาน
แต่บริษัทเทียนติ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองเจียงหนาน ไม่ใช่ว่าอยากจะกำจัดก็กำจัดได้ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำในตำแหน่งของเจียงชื่อ แต่เจียงชื่อต้องการที่จะค่อยๆกินบริษัทเทียนติ่งไป
สิ่งที่เขาต้องการทำคือ ทำให้บริษัทเทียนติ่งอ่อนแอลงทุกวัน รู้ทั้งรู้ว่ามันจะพินาศ และพยายามต่อต้าน แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้
เขาต้องการทำให้คนของบริษัทเทียนติ่งสิ้นหวัง
ดังนั้นรูปแบบของการประชุมครั้งนี้จึงชัดเจนมาก นั่นคือการพูดคุยถึงวิธีการสลายตัวและทำลายล้างบริษัทเทียนติ่ง
ในฐานะคนที่ผ่านมาเยอะแล้ว เฉิงไห่วิเคราะห์ว่า”บริษัทเทียนติ่งมีสามอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่อสังหาริมทรัพย์การจัดเลี้ยงและความบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความบันเทิงถือเป็นเพียงแห่งเดียวในเมืองเจียงหนาน”
“ถ้าอยากให้บริษัทเทียนติ่งสลาย ต้องเอาชนะอุตสาหกรรมหลักทั้งสามของมันให้ได้ หากเสาหลักล้ม บริษัทเทียนติ่งก็จะพังทลายตามธรรมชาติและจะไม่สามารถพลิกตัวได้”
เจียงชื่อพยักหน้า มีเหตุผลมาก
ข้าวต้องกินทีล่ะคำ ทางต้องเดินไปทีละก้าว
เขาถาม”ลุงเฉิง ลุงคิดว่าจะเริ่มจากอุตสาหกรรมไหนดีกว่ากัน?”
เฉิงไห่ครุ่นคิดสักครู่และแนะนำว่า:’อสังหาริมทรัพย์อยู่ลึกล้ำและอุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงมีการผสมผสานกัน ลงมือกับอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความบันเทิงก่อนดีกว่า ทำให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น เอาชนะโครงการด้านวัฒนธรรมและความบันเทิงของบริษัทเทียนติ่ง เพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถพัฒนาในเมืองเจียงหนานได้”
“ดี!”เจียงชื่อตัดสินใจ”เริ่มจากวงการบันเทิงก่อนอื่นแล้วกัน ตัดขาข้างหนึ่งของบริษัทเทียนติ่งก่อน”
มู่หยางอีขมวดคิ้ว”แต่พวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความบันเทิงเลย เดี๋ยวอย่าล้มบริษัทเทียนติ่งไม่ได้ เรากลับฆ่าตัวตายแทน”
นี่คือปัญหาหนึ่ง
เฉิงไห่ยิ้ม”นี่ไม่ต้องห่วง ผมแนะนำหนึ่งคน เธอมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมาก เธอเป็นผู้บริหารระดับสูงสตูดิโออิสระของกลุ่มใหญ่ในสหรัฐอเมริกาฮอลลีวูด เธอมีความเชี่ยวชาญอย่างมากในอุตสาหกรรมนี้ มีเธอออกโรง รับรองว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์เป็นสองเท่าด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียว”
“โอ้ ? คนนี้เป็นใคร?”
“เฉิงดันถิง”
เจียงชื่อขมวดคิ้ว”ฉิงดันถิง? เธอแซ่เฉิงด้วยหรือ?”
เฉิงไห่ยิ้ม”เธอไม่ใช่แค่นามสกุลเฉิง แต่ยังเป็นหลานสาวของผมด้วย! แต่ว่า……ดันถิงเด็กคนนี้หยิ่ง และดูถูกทุกคน แม้ว่าไอ้แก่อย่างผมก็ไม่ไว้หน้า คนธรรมดาเชิญได้ยากมาก”
เจียงชื่อพยักหน้า”คนที่มีความสามารถ นิสัยต่างก็รุนแรง ลุงเฉิง หลานสาวของลุงอยู่ไหน? ผมไปหาเธอ ได้หรือไม่ต้องคุยถึงจะรู้”
เฉิงไห่จับเครา”วันนี้เครื่องบินเวลาเที่ยงตรง เดิมทีผมจะไปรับ ตอนนี้ให้คุณชายใหญ่ไปเองแล้วกัน”
“แต่ว่าคุณชายใหญ่ผมต้องเตือนคุณหน่อยนะ วันนี้ดันถิงกลับประเทศมาทำงาน พรุ่งนี้ก็กลับ จะไว้เธอได้ ยกเลิกตั๋วเครื่องบินพรุ่งนี้ของเธอได้หรือไม่ คงต้องดูความสามารถของคุณเองแล้วล่ะ”