จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 355 เทพกับมาร
ในเวลานี้ ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“ประธานซุน แย่แล้วครับ สองคนนั้นกำลังจะบุกเข้ามาได้แล้วครับ”
“ไงนะ?”
ซุนหย่งเจินถึงกับตกใจและพูดด้วยความโกรธว่า “คนในโรงงานมีถึงหลายร้อยคน แต่กลับหยุดแค่คนสองคนไม่ได้เหรอ?”
“ประธานซุน เป็นเรื่องจริงครับ เราหยุดไม่ได้จริงๆ ครับ!”
ซุนจ้ายเย้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วอย่างสงสัยอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เจียงชื่อระบุตำแหน่งของเขาแล้ว แต่กลับมีแค่คนสองคนที่มาช่วยเขา มันช่างไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ
เจียงชื่อพูดเบาๆ ว่า “กันต์กับเมถุนก็เหมือนเทพกับมาร ต่อให้เป็นผมก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีพร้อมกันของทั้งสองคนได้ มู่หยางอียังสงสัยเลยว่าทำไมต้องให้คนสองคนนี้ออกมาทำภารกิจด้วยกัน”
เทพกับมาร?
ซุนจ้ายเย้นรีบออกจากที่เกิดเหตุแล้วกลับไปที่ห้องมืดนั้นทันที
ซุนหย่งเจินพูดกับซีเหมินจุ้นว่า “คุณเฝ้ามันให้ดีนะ ผมจะไปดูสถานการณ์ด้วยคน”
จากนั้นเขาก็ตามซุนจ้ายเย้นไปที่ห้องมืดและเปิดดูกล้องวงจรปิดเพื่อดูสถานการณ์ล่าสุดในทางเข้าทิศเหนือกับทิศใต้
ดูเหมือนว่าชายทั้งสองคนจะบุกเข้ามาได้ตามที่ลูกน้องได้บอกไว้จริงๆ
มีชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมคนหนึ่งอยู่ที่ประตูทิศใต้ เขาสวมลูกปัดพุทธไว้บนคอ กลางหน้าผากมีจุดสีแดง และทุกครั้งที่เขาโจมตีนั้นจะเป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่ได้เลือกที่จะฆ่าคนหรือทำร้ายผู้คน เขาเพียงแค่ทำให้คู่ต่อสู้สลบไปเท่านั้น
ส่วนคนในประตูทางทิศเหนือนั้นกลับตรงกันข้าม เขาดูเป็นคนชั่วร้ายเหมือนกับปีศาจที่มาจากนรก สองมือและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด ในทุกๆ ที่ที่เขาไปนั้นจะนองไปด้วยเลือด และผู้ใดที่กล้าเผชิญหน้ากับเขาก็จะถูกหักแขนหรือหักขา หรือแม้แต่ต้องเสียชีวิต
อย่างที่เจียงชื่อพูดไม่ผิด
เทพกับมาร
“กันต์? เมถุน?”
ซุนจ้ายเย้นถอนหายใจแรงๆ แม้เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้
“แพ้แล้ว”
“ว่าไงนะ?” ซุนหย่งเจินไม่เข้าใจ “ล้อเล่นอะไรกัน? พวกมันมากันแค่สองคนนะ แค่นี้เราจัดการไม่ได้ แล้ววันหลังเราจะอยู่ยังไง?”
ซุนจ้ายเย้นส่ายหัวเบาๆ และหยิบเสื้อบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นวางกล่องเถ้ากระดูกลงและพูดเบาๆ ว่า “คุณไปกับผมตอนนี้ บางทียังอาจมีชีวิตรอดไปได้ แต่ถ้าขืนอยู่ต่อก็ตายอย่างเดียว คุณยังเลือกยังไง?”
“นี่มัน……”
ซุนหย่งเจินถึงกับทำตัวไม่ถูก “แต่เจียงชื่อถูกเราจับแล้วนะ! เราจะยอมแพ้ในเวลานี้จริงๆ เหรอ?”
ซุนจ้ายเย้นหัวเราะอย่างเย็นชา “ถูกเราจับ? นั้นเป็นแผนเข้าถ้ำเสือของคนอื่นมากกว่า คุณคิดว่าคุณฆ่าเขาได้ไหม?”
“เราทำมาขนาดนี้แล้ว จะปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?”
“ตอนนี้ปล่อยให้ซีเหมินจุ้นรับหน้าไปก่อน แล้วเราคืนเถ้ากระดูกให้กับเจียงชื่อ บางทีเขาอาจจะหายโกรธได้บ้าง ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาอาจจะไม่ไล่ล่าพวกเรา และคุณกับผมก็อาจมีชีวิตรอดไปได้ แต่ถ้าสายกว่านี้อีกไม่กี่นาที อย่าคิดว่าจะได้หนีอีก”
ซุนหย่งเจินรู้สึกอารมณ์เสียมาก และพูดขึ้นอีกครั้งว่า “หรือว่า เราเรียกคนมาเพิ่ม แล้วเรากระหน่ำยิงใส่มันเลย พี่ไม่เชื่อหรอกว่าเราจะฆ่ามันไม่ได้!”
ซุนจ้ายเย้นได้แต่ส่ายหัวตอบ “อย่าเสียเวลาเลย เจียงชื่อไม่ให้โอกาสคุณหรอก ผมจะถามคุณอีกครั้ง จะไป หรือไม่ไป?”
ซุนหย่งเจินเหลือบมองชายสองคนที่น่ากลัวบนหน้าจออีกครั้งและรู้สึกลังเลใจมาก
“ไป!!!”
โดยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ทั้งสองได้ขึ้นไปบนหลังคาและใช้ลิฟต์ที่ซ่อนอยู่เพื่อออกจากโกดังแห่งนี้ จากนั้นรีบขึ้นรถที่เตรียมไว้แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในครั้งนี้ ซุนจ้ายเย้นแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้วจริงๆ
แต่ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็ยังมีโอกาสที่จะโต้กลับอีกครั้ง
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวว่าจะไม่มีฟืนใช้ เช่นเดียวกัน ตราบใดที่ยังมีชีวิต ความหวังก็ย่อมไม่มีวันสิ้นสุด นี่เป็นสิ่งที่เขาเข้าใจมากกว่าใคร
ในโกดังแห่งนั้น เหลือเพียงซีเหมินจุ้นที่ชี้ปืนไปที่เจียงชื่ออย่างไร้เดียงสา และเขายังไม่รู้ตัวว่าเขาถูกทอดทิ้งไปแล้ว
เจียงชื่อมองไปรอบๆ แล้วมองไปที่ซีเหมินจุ้น
“คุณ ถูกทิ้งแล้ว”