จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 382 ลงนามสำเร็จ
เช้าวันรุ่งขึ้น ติงเมิ่งเหยนแต่งหน้าเสร็จและสวมชุดสูททำงานสีดำ ซึ่งทำให้เธอดูสะอาดสดใสเป็นพิเศษ
จากนั้นเธอขับรถไปที่หมู่บ้านตี้เหาและผ่านจุดตรวจของรปภ. หน้าหมู่บ้านเข้าไป
ณ หลังที่ 28 บ้านของกวนจื้อฉวน
ติงเมิ่งเหยนเพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูและยังไม่ทันได้กดกริ่งก็มีแม่บ้านเดินมาเปิดประตูให้เธอ
“คุณติงใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
“นายท่านของเรารอคุณนานแล้วนะคะ เชิญด้านในเลยค่ะ”
ภายใต้การนำของแม่บ้าน ติงเมิ่งเหยนได้เข้าไปนั่งลงที่ห้องรับแขก จากนั้นแม่บ้านก็ทำการเสิร์ฟชาให้เธอ
แต่ติงเมิ่งเหยนในขณะนี้จะมีกะจิตกะใจมานั่งดื่มชาได้อย่างไร เวลานี้หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างไม่หยุด เธอกังวลอยู่ตลอดว่าควรเริ่มพูดอย่างไร
กวนจื้อฉวนจะโกรธไหม?
มีความเป็นไปได้สูงมาก
แล้วถ้าเขาโกรธ เธอจะทำยังไงดี?
ติงเมิ่งเหยนไตร่ตรองทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ถึงกระนั้นเธอยังไม่แน่ใจว่าจะโน้มน้าวอีกฝ่ายได้สำเร็จหรือไม่
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง กวนจื้อฉวนก็เดินออกมา
แต่มันกลับแตกต่างกับสิ่งที่ติงเมิ่งเหยนจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง เธอคิดว่ากวนจื้อฉวนจะโกรธมาก หรือไม่ก็เย็นชา เพราะเธอได้ยินจากทุกคนในตระกูลติงที่เคยมาเจรจากับเขาแล้วว่าผู้ชายคนนี้รับมือได้ยากมาก
แต่ครั้งนี้มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
กวนจื้อฉวนเดินออกมาด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างเกรงอกเกรงใจกัน “ต้องขออภัยนะครับ ผมตื่นเช้าไปหน่อย เมื่อกี้งีบไปสักพัก ก็เลยให้คุณต้องรอนานครับ”
ทำไมสุภาพขนาดนี้?
ติงเมิ่งเหยนหยิกผิวหนังตัวเองเพราะเหมือนเธอกำลังฝันไป
เธอพูดว่า “คุณกวนค่ะ ที่ดิฉันมาพบคุณในวันนี้ คุณก็น่าจะรู้จุดประสงค์ดี ดิฉันคิดว่า……”
กวนจื้อฉวนยกมือขึ้นเพื่อแสดงท่าทีให้เธอหยุดพูด
ติงเมิ่งเหยนถึงกับใจหายใจคว่ำ ดูเหมือนว่าเธอต้องล้มเหลวแล้ว แม้ว่าสีหน้าของอีกฝ่ายค่อนข้างดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยินยอมในการรื้อถอนปลูกสร้างอย่างแน่นอน
เฮ้อ เอายังไงดี?
ในขณะที่ติงเมิ่งเหยนกำลังเศร้าใจ กวนจื้อฉวนหรี่ตาแล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้เคยมีคนคุยกับผมแล้วครับ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอีก คุณติงครับ คุณนำข้อเสนอโครงการมาไหมครับ? ให้ผมเซ็นทีเดียวเลยครับ”
“อ้อ”
“หืม?”
ติงเมิ่งเหยนสะดุ้งตกใจจนแทบจะลุกขึ้นยืน นี่ๆๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย แต่อีกฝ่ายกลับเสนอตัวจะลงนามในโครงการนี้แล้ว? นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาเห็นด้วยแล้วเหรอ?
“คุณกวน คุณหมายความว่า……คุณเห็นด้วยกับแผนการรื้อถอนและสร้างใหม่นี้?”
กวนจื้อฉวนได้แต่พยักหน้า “ใช่ครับ นี่เป็นสิ่งที่ดีเพื่อประโยชน์ของประชาชน และยังเป็นโปรเจ็กต์ในการนำของทางหน่วยงานอีกด้วย แล้วเราจะเห็นแก่ตัวต่อประโยชน์ของส่วนรวมได้ยังไงล่ะ? คุณว่าถูกไหมครับ?”
ติงเมิ่งเหยนตกตะลึงอย่างที่สุด
ทัศนคติของอีกฝ่ายดีเกินไป ซึ่งมันแตกต่างกับสิ่งที่ติงเฟิงเฉิงกับคนอื่นๆ พูดไว้ด้วยสิ้นเชิงเลย!
สรุปเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แม้ว่าสถานการณ์จะยังไม่ชัดเจน แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นก็คือกวนจื้อฉวนเต็มใจที่จะลงนามและตกลงที่จะปรับพื้นที่แห่งนี้
ติงเมิ่งเหยนเปิดข้อเสนอและวางมันไว้ข้างหน้าเขา จากนั้นพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “คุณกวน ดิฉันว่าคุณควรอ่านข้อเสนอก่อนนะคะ ถ้าหากปรับปรุงรื้อถอนที่นี่ อนาคตที่นี่ก็จะถูกสร้างให้เป็นสุสาน แล้วคุณแน่ใจแล้วใช่ไหมคะ?”
แววตาที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นนัยน์ตาของกวนจื้อฉวน แต่เขาก็ระงับมันอย่างรวดเร็ว
คนประเภทนี้สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้นานแล้ว ไม่ว่าจะดีใจหรือโกรธก็จะไม่แสดงออกทางสีหน้า
เขาหรี่ตาและยิ้มพูดต่อ “ไม่เป็นไรครับ จะปรับพื้นที่หรือยังไงก็แล้วแต่ตระกูลติงของคุณจะจัดการเลยครับ ผมแค่ประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องปวดหัวเรื่องนี้หรอกครับ”
จากนั้นเขาหยิบปากกาขึ้นแล้วเริ่มเซ็นชื่อลงในสัญญา
ในตอนท้าย กวนจื้อฉวนถามลอยๆ ว่า “คุณติงครับ ครอบครัวตระกูลติงของคุณสนิทกับผู้บริหารระดับสูงมากเลยใช่ไหมครับ?”