จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 390 ปฏิเสธทั้งหมด
ติงเฟิงเฉิงพูดตามเอกสารที่เตรียมไว้ ทุกอย่างสมเหตุสมผล เขาได้ให้เหตุผลที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขโครงการนี้จนเสร็จ
แต่กวนจื้อฉวนปลายสายอีกด้านได้แต่พึมพำเบาๆ
ติงเฟิงเฉิงเต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อว่าไม่มีปัญหาใดๆ เพราะตามคำพูดของเขาแล้ว เขาสามารถสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันมีผลประโยชน์ต่อคนในพื้นที่อีกด้วย เขาจึงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธเขาอย่างไร
แต่ว่า เรื่องมันก็ยังขมขื่นอยู่เช่นเคย
กวนจื้อฉวนตอบสามคำสั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีมากนัก
“ผมขอปฏิเสธ”
สีหน้าของติงเฟิงเฉิงเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มของเขาเหมือนถูกแช่แข็ง เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีคำตอบเช่นนั้น
ปฏิเสธ?
เรื่งอะไร? นี่มันบ้าไปแล้วเหรอ?
ติงเฟิงเฉิงยังคงพยายามจะพูดต่อ แต่กวนจื้อฉวนตอบโดยตรงว่า “ผมบอกแล้วไงว่าผมขอปฏิเสธ คุณไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก แล้วก็ นอกจากคุณผู้หญิงติงเมิ่งเหยนแล้ว ผมจะไม่รับสายของคนอื่นๆ จากตระกูลติงของพวกคุณอีก เข้าใจไหม?”
“นี่ๆๆ มัน ประธานกวน คุณ……”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ปลายสายกดวางสายทันที
ติงเฟิงเฉิงยืนอยู่กับที่อย่างทำตัวไม่ถูก มือยังถือโทรศัพท์ไว้และไม่รู้ควรพูดอะไรต่อ
ติงจ้งกับติงจื่อยวี่ก็ได้ยินคำพูดของกวนจื้อฉวนก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาต่างก็แปลกใจกันมาก กระทั่งสงสัยว่าโทรผิดสายหรือเปล่า?
“กวนจื้อฉวนกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่านะ? หรือว่าสมองมีปัญหา ถึงได้ปฏิเสธข้อเสนอดีๆ ของเรา”
ติงจ้งพูด “ไม่ต้องสนใจมัน ขอแค่เจ้าบ้านเห็นด้วยมากกว่าครึ่งก็พอ โทรหาคนต่อไป”
“ครับ”
ติงเฟิงเฉิงกดเบอร์เข้าไปใหม่เพื่อโทรหาหมายเลขที่สอง
แต่สิ่งที่น่าอึดอัดใจก็เกิดขึ้นอีก
ติงเฟิงเฉิงยังไม่ทันได้พูด ปลายสายก็พูดตรงๆ ว่า “ในตระกูลติงน่ะ นอกติงเมิ่งเหยนแล้ว ห้ามคนอื่นโทรมารบกวนผม เข้าใจไหม?”
แคร่ก! ปลายสายวางสายใส่ทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
ทั้งสามคนในห้องมองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ
ครั้งแรกอาจเป็นเรื่องผิดปกติเล็กน้อย แต่ถ้าสองคนพูดเหมือนกัน คงไม่ใช่เรื่องปกติเล็กน้อยแล้วล่ะ!
โดยที่ไม่พูดอะไรมาก ติงเฟิงเฉิงกดเบอร์โทรหาคนที่สาม และผลที่ได้คือคำตอบเดียวกันกับคนแรกและคนที่สอง จากนั้นเขากดเบอร์โทรออก 16 หมายเลขติดต่อกัน และผลที่ได้ก็เหมือนกันหมด
ดูเหมือนว่าเบอร์โทรที่เหลือคงไม่จำเป็นต้องโทรอีกแล้ว
ติงจ้งทั้งสามนั่งบนเก้าอี้ด้วยความงุนงง สีหน้าบึ้งตึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
“ทะ……ทำไม?” ในชีวิตนี้ติงจ้งไม่เคยเจอเรื่องประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลย
ติงจื่อยวี่ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ทันใดนั้น เธอนึกถึงสิ่งที่เลวร้ายเรื่องหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเจรจาได้เลย แต่เมิ่งเหยนไปแค่ครั้งเดียวก็สำเร็จ ยิ่งตอนนี้คนกลุ่มนี้ยังเจาะจงว่าจะรับสายของเมิ่งเหยนคนเดียวอีกด้วย นี่มันผิดปกติจริงๆ เลยนะคะคุณปู่ คุณปู่ว่าเธอจะ……”
เมื่อพูดถึงครึ่งทางเธอก็หยุดลง
ติงจ้งขมวดคิ้วถาม “เธอจะทำไม? พูดอะไรก็พูดให้จบสิ เธอต้องการสื่ออะไร?”
“เปล่าคะ แต่เรื่องนี้มันพูดยากหน่อย”
“กลัวอะไรล่ะ ว่ามาเลย”
ติงจื่อยวี่กลืนน้ำลายแล้วพูดอย่างจริงจัง “คุณปู่คะ คุณปู่คิดว่าเมิ่งเหยนเธอจะไปขายตัวหรือเปล่าคะ ถึงได้ใจเจ้าบ้านขนาดนี้?”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา อีกสองคนที่เหลือต่างก็ตกตะลึง
ติงเฟิงเฉิงพยักหน้ารัวๆ “มีเหตุผลดีนะ มีเหตุผลมาก ไม่อย่างนั้นจะเกิดสถานการณ์ที่อธิบายยากแบบนี้ได้ยังไง!”
ติงจ้งหลับตาลงแล้วครุ่นคิดในใจ จากนั้นลืมตาแล้วถอนหายใจดังๆ
“อย่าไร้สาระให้มากไป”
“ถ้าเป็นแค่คนสองคน เรายังเชื่อว่าเป็นแบบนั้นได้ แต่ปัญหาคือเจ้าบ้านของทั้ง 30 ครัวเรือนเจาะจงไปที่เมิ่งเหยนเลยนะ เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก”
“อีกอย่างเจ้าบ้าน 30 ครัวเรือนนี้ มีทั้งผู้หญิง มีทั้งคนแก่อายุ 70 กว่า แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง?”
“วันหลังพูดเรื่องแบบนี้ให้น้อยๆ หน่อย เข้าใจไหม?”