จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 391 ลงโทษให้ยืน
ติงจื่อยวี่กับติงเฟิงเฉิงได้แต่พยักหน้าตอบ
แม้ติงจ้งจะเกลียดติงเมิ่งเหยน แต่ถึงอย่างไรแล้วเธอก็ยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเขา ถ้าหากเกิดเรื่องไร้ยางอายขึ้นกับติงเมิ่งเหยนแล้ว ผลกระทบไม่ใช่แค่เธอคนเดียว แต่เป็นชื่อเสียงของตระกูลติงทั้งครอบครัว
ดังนั้นติงจ้งจึงไม่อนุญาตให้ติงจื่อยวี่พูดให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลในเรื่องนี้ได้ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะกุญแจของปัญหานี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของติงเมิ่งเหยน แต่กลับขึ้นอยู่กับตัวของหลานเขยของเขาเจียงชื่อ!
การคำนวณผิดพลาดตั้งแต่ต้นตอ แล้วจะแก้ไขที่ผลลัพธ์ได้อย่างไร?
ติงจ้งได้แต่ถอนหายใจ ถึงแม้จะอารมณ์เสียมาก แต่เขาก็ต้องรับความจริง
“เจ้าบ้าน 30 ครัวเรือนต่างก็ปฏิเสธกันหมด”
“ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงของโครงการนี้คงไม่สำเร็จแล้ว”
เขาลุกขึ้นยืน “เฮ้อ ไปกันเถอะ ไปที่ออฟฟิศของเมิ่งเหยนด้วยกัน”
จากนั้นทั้งสามก็ไปที่ออฟฟิศของติงเมิ่งเหยนทีละคน พวกเขาไม่ได้เคาะประตูและเข้าไปในห้องโดยตรง และเมื่อเข้าไปแล้วพวกเขาก็เห็นติงเมิ่งเหยนนอนอยู่บนตักของเจียงชื่ออย่างสนิท
ติงจ้งกับเจียงชื่อมองหน้ากัน
เจียงชื่อรู้ดีว่าพวกเขาเข้ามาที่นี่ทำไม เขาจึงพูดเบาๆ ว่า “เมิ่งเหยนหลับอยู่ ถ้าพวกคุณมีธุระก็นั่งรอไปก่อน”
“ถ้าทำให้เมิ่งเหยนตื่น อย่าคิดว่าเราจะยอมคุยธุระกับพวกคุณ”
ติงจ้งหัวเราะเย็นชา “นั่นไม่ใช่แค่ธุระของข้าคนเดียว แต่ยังเป็นธุระของแกเจียงชื่อด้วย!”
เจียงชื่อยิ้มจางๆ “ไม่สำคัญว่าโครงการในการสร้างสุสานจะสำเร็จหรือไม่ เพราะสำหรับผมแล้วมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ถ้าแผนปรับปรุงแก้ไขหมู่บ้านตี้เหาล้มเหลว วันหลังพวกคุณอย่าคิดว่าคนในพื้นที่จะยอมเจรจากับพวกคุณอีก เรื่องไหนสำคัญว่า ผมว่าคุณปู่ท่านน่าจะรู้ดีนะครับ”
“เหอะ!!!”
ติงจ้งนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเจ็บใจ แต่เนื่องจากในออฟฟิศเหลือเก้าอี้แค่ตัวเดียว ติงเฟิงเฉิงกับติงจื่อยวี่จึงได้แต่ยืนรอ
รอ
และรอ!
เช่นเดียวกับเล่าปี่ที่อดทนรอขงเบ้งนอกกระท่อมมุงจาก ติงจ้งทั้งสามก็เฝ้ารอให้ติงเมิ่งเหยนตื่นขึ้นเช่นกัน
แต่ติงเมิ่งเหยนกลับหลับอย่างสนิท
และการนอนหลับครั้งนี้ใช้เวลาไปถึงสามชั่วโมง
จนกระทั่งบ่ายสามโมง ติงเมิ่งเหยนคงจะเริ่มหิว หรืออาจจะหลับจนอิ่มแล้ว เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วขยี้ตาตัวเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ติงเฟิงเฉิงก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่สุด เพราะเขายืนรอมาตั้งสามชั่วโมงแล้ว!
ตลกสิ้นดี เขาไม่เคยยืนนานขนาดนี้มาก่อนเลยแม้แต่ตอนอยู่ในค่ายทหารเกณฑ์ และในตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขาถึงกับสั่นและชาไปหมด
“น้องสามเอ๋ย เธอตื่นจนได้นะ!”
“เธอให้พี่สอง พี่ใหญ่กับคุณปู่รอนานแล้วนะรู้ไหม!”
ติงเมิ่งเหยนถึงกับตกใจเมื่อเห็นติงเฟิงเฉิงกับติงจื่อยวี่ที่ ‘ถูกทำโทษให้ยืน’ และติงจ้งที่แสดงสีหน้าอย่างไม่พอใจ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก
หรือว่าเธอทำผิดอะไรอีกแล้วใช่ไหม?
ก็ไม่นะ เธอเพิ่งตื่นนอน คงจะโทษเธอละเลยหน้าที่การงานไม่ได้หรอกมั้ง?
“คุณปู่คะ พวกท่านมาที่นี่ทำไมคะ?”
“เหอะๆ ติงเมิ่งเหยน เธอจะเสแสร้งเก่งเกินไปไหม?” ติงจื่อยวี่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เธอไม่รู้จริงเหรอ ว่าเรามาที่นี่ทำไม?”
ติงจื่อยวี่ก็ยืนรอมาสามชั่วโมงแล้วเช่นกัน ด้วยนิสัยลูกคุณหนูของเธอ เธอจะทนกับความทรมานขนาดนี้ได้อย่างไร ตอนนี้ในตัวเธอเต็มไปด้วย ‘ไฟ’ เป็นไฟที่ ‘ปะทุ’ ออกมาได้ทุกเมื่อ
ติงเมิ่งเหยนรีบลุกขึ้นยืน “พี่ใหญ่ หนูไม่รู้จริงๆ นะว่าพี่มาทำอะไรที่นี่”
ติงจื่อยวี่ถอนหายใจแล้วเชิดหน้าใส่เธออย่างเย็นชา
สุดท้ายติงจ้งก็พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “เมิ่งเหยน พอได้หรือยัง? ถ้าพอใจแล้วเธอรีบเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ ความอดทนของข้ามีขีดจำกัดนะ เธอระวังตัวให้ดี!”