จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 392 เอาแต่ใจ
นี่มันทัศนคติของการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นหรือ?
เจียงชื่อหัวเราะในใจ สถานการณ์มันไปถึงไหนแล้ว ยังทำตัวกร่างขนาดนี้อีก?
เขาลุกขึ้นมาจับมือของติงเมิ่งเหยนแล้วเตรียมจะเดินออกไป แต่การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ติงจ้งทั้งสามรู้สึกตกใจมาก เล่นตลกอะไรกัน? เธอปล่อยให้พวกเขายืนรอตั้งสามชั่วโมงแล้ว แต่เธอตื่นขึ้นมาแล้วจะเดินหนีแบบนี้ได้ไง?
“เจียงชื่อ แกคิดจะทำอะไร?” ติงจ้งพูดอย่างเสียงดัง
เจียงชื่อตอบเบาๆ ว่า “ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ห้องนี้ก็มีกลิ่นเหม็นขึ้น ก็ไม่รู้เพราะใครทำตัวไร้มารยาทหรือเปล่านะ”
นี่มันหลอกด่ากันชัดๆ
บอกว่าคำพูดของเรามันเหม็นเหมือนกลิ่นตดเหรอ?
ติงจ้งโกรธแค้นในใจมาก เขาอดไม่ได้ที่จะหั่นเจียงชื่อเป็นชิ้นๆ ไปเลย แต่สถานการณ์ตอนนี้คือเขาต้องก้มหัวให้คนอื่น ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้
อดทนไว้ก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันวันหลัง
ติงจ้งถอนหายใจยาวๆ แล้วพูดว่า “พอทีเจียงชื่อ แกหยุดหาเรื่องกันได้แล้ว ขอแค่เมิ่งเหยนยอมโทรหาเจ้าบ้าน 30 ครัวเรือนนั้น บอกพวกเขาว่าแผนโครงการพัฒนาของเราไม่มีการเปลี่ยนแปลง ให้พวกเขาย้ายออกตามเวลาที่กำหนดก็พอ”
ติงเมิ่งเหยนยังคงอยู่ในความสับสน
“เรื่องมันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องให้โทรอีก?”
เจียงชื่อถึงกับหัวเราะออกมา “ก็เพราะมีคนวาดงูเติมขาไง ทั้งๆ ที่ได้ลายเซ็นมาแล้ว และเราก็เริ่มงานได้ตามกำหนด แต่ดันไปโทรบอกเจ้าบ้านว่าจะเปลี่ยนแปลงแผนการพัฒนา สงสัยทำให้คนในพื้นที่โกรธสิท่า ผมว่าบางคนถึงขั้นอยากยกเลิกการลงนามของโครงการนี้แล้วมากกว่านะ?”
เป็นไปตามที่พูดจริงๆ!
ติงจ้งสีหน้าเย็นชา “เมิ่งเหยน เหล่าเจ้าบ้านบอกว่าจะรับสายของเธอแค่คนเดียว เธอก็โทรๆ ไปละกัน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
ด้วยเหตุนี้ ติงเมิ่งเหยนถึงได้รู้รายละเอียดที่แท้จริง
คิดจะเอาเปรียบคนอื่น แต่สุดท้ายเสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก ไม่เพียงแต่โกงคนอื่นไม่ได้ แถมยังทำให้กลุ่มคนในพื้นที่ไม่พอใจ หนำซ้ำยังจะเสียลายเซ็นลงนามของพวกเขาไปอีกด้วย
เหอะๆ ยังมีหน้ามาขอให้ช่วยอีกเหรอ?
ไม่สิ ไม่ใช่ ‘ขอ’ แต่มา ‘สั่ง’ ต่างหาก!
ติงเมิ่งเหยนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกเลย เพราะต่อให้เป็นกระต่ายตัวน้อยยังกัดคนได้เมื่อรู้สึกโกรธ แล้วนับประสาอะไรผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว?
หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว ติงเมิ่งเหยนก็ยิ้มและจับมือของเจียงชื่อ
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีแบตโทรศัพท์หนูหมดแล้ว ตอนนี้ยังโทรหาใครไม่ได้”
“แก!!!”
ติงจ้งโกรธจนแทบบ้า ยัยคนนี้จะใช้ขนไก่เป็นลูกธนูงั้นหรือ?
สุดท้ายติงเมิ่งเหยนพูดว่า “แต่ที่บังเอิญกว่านั้นคือหนูลืมสายชาร์จไว้ที่บ้านด้วย ฉะนั้นหนูต้องกลับบ้านไปชาร์จแบตก่อน รอให้แบตเต็มเมื่อไหร่หนูค่อยโทรหาพวกเขาก็แล้วกันนะ”
เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังประชดติงจ้ง
เพราะที่ผ่านมาติงเมิ่งเหยนเป็นผู้ถูกกระทำอยู่เสมอ เธอยังต้องโกรธกับพฤติกรรมแย่ๆ ของติงจ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนี่เป็นเพียงการ ‘ลงโทษ’ เล็กๆ น้อยๆ ของเธอเท่านั้น
จากนั้นติงเมิ่งเหยนกุมมือเจียงชื่อแล้วเดินออกจากออฟฟิศไป
จนกระทั่งพวกเขาจากไป ติงจ้งก็เตะตะกร้าขยะจนกระเด็นออกไปหลายเมตร ซึ่งก็ทำให้ติงเฟิงเฉิงตกใจเข่าอ่อนจนนั่งลงกับพื้น
“สารเลว พวกสารเลว!”
“ติงเมิ่งเหยน นับวันแกจะมากเกินไปแล้วนะ”
“กล้าเล่นอารมณ์ต่อหน้าข้าแบบนี้? ได้สิ ปีกกล้าขาแข็งมากนัก คิดว่าข้าคุมไม่อยู่แล้วใช่ไหม?!”
ติงจื่อยวี่ได้ทีขี่แพะไล่ “เขาว่ากันว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล เมิ่งเหยนที่อยู่กับคนแย่ๆ อย่างเจียงชื่อ แล้วเธอจะไม่ติดนิสัยแย่ๆ จากเขาได้ยังไงคะ? คุณปู่คะ คุณปู่ต้องคิดหาวิธีจัดการพวกมันแล้วนะคะ ไม่อย่างนั้นนับวันก็จะเหยียบจมูกขึ้นหน้าแล้ว ไม่เห็นหัวพวกเราด้วยซ้ำ”
ติงจ้งพยักหน้าตอบ “ปู่รู้แล้ว ไปกันเถอะ”
จากนั้นเขาก็พาทั้งสองเดินออกจากออฟฟิศ ในขณะที่เดินอยู่ เขาก็คิดวิธีที่จะจัดการกับเจียงชื่อกับติงเมิ่งเหยน
ความโกรธในวันนี้เขายากที่จะทนเก็บไว้ได้จริงๆ!