จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 400 ไปซื้ออาหารมา
เจียงชื่อไม่ได้โกรธสำหรับคำขอที่ไร้เหตุผลนี้ แต่เขาถามกลับสั้นๆ สองคำว่า “เหตุผล?”
หยางจุนเทียนหัวเราะอย่างดูถูก “นักขับมืออาชีพอย่างพวกเราแข่งกันที่ฝีมือ ไม่ได้แค่กันที่สมรรถนะของรถ! ถ้าคุณขับรถดีๆ แบบนี้ เดี๋ยวคุณจะติดนิสัยเสียในการพึ่งพารถเกินไป แล้วคุณจะเปลี่ยนนิสัยนี้ยาก!”
“ฉะนั้น ผมต้องให้คุณเริ่มจากพื้นฐานก่อน เข้าใจไหม?”
แม้จะเป็นคำพูดที่ฟังหรูหราเกินเหตุ แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามันก็มีเหตุผลเหมือนกัน
สำหรับเรื่องที่มีเหตุผลนั้นเจียงชื่อไม่เคยคัดค้านมาก่อน
“แล้วจะให้ผมขับคันไหนล่ะ?”
“เอิ่ม……”
หยางจุนเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และชี้ไปที่รถสปอร์ตสีเทาดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ที่ไกล
“คุณชอบรถเฟอร์รารี่ 458 ไม่ใช่เหรอ? รถคันนั้นใช่รุ่นเดียวกันเลย วันหลังคุณขับคันนั้นก็แล้วกันนะ”
ทุกคนรอบข้างต่างก็หัวเราะออกมา
เฟอร์รารี่ 458 เป็นผลิตภัณฑ์เมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะที่ค่อนข้างล้าหลัง หรือเครื่องยนต์ก็เทียบไม่ได้กับรถยนต์ในสมัยนี้แล้ว
เช่นเดียวกับรถที่หลินเจียหรงมอบให้เจียงชื่อ แท้จริงแล้วพื้นฐานมาจากตัวถังเดียวกับรถรุ่น 458 คันนี้ แต่อะไหล่ทั้งหมดนั้นเป็นของใหม่ ดังนั้นจึงวิ่งได้เร็วมาก
ส่วนรถคันเก่านั้น ความเร็วคงไม่ต้องพูดถึง
ระบบขับเครื่องของมันไม่รู้ว่าด้อยกว่ารถรุ่นใหม่สักกี่เท่า
อันที่จริงรถคันนั้นเป็นรถที่หยางจุนเทียนเคยขับมาก่อน แต่เขาไม่ได้ใช้งานและถูกทิ้งให้ฝุ่นเกาะมาเป็นปีๆ แล้ว
แต่เจียงชื่อกลับไม่ได้บ่นสักคำ เขาขอกุญแจรถแล้วเดินไปที่รถ 458 คันนั้น จากนั้นใช้มือปัดฝุ่นออกแล้วพยักหน้าพูดว่า “รถคันนี้ใช้ได้เลยนะ”
ใช้ได้?
หยางจุนเทียนแทบจะบ้าตาย รถเน่าๆ แบบนี้ยังบอกว่าใช้ได้?
ดูเหมือนว่าเจียงชื่อเป็นกบในกะลาจริงๆ
“ถ้าคุณคิดว่ามันใช้ได้ มันก็ใช้ได้”
“จริงด้วยสิ น้ำมันรถใกล้หมดแล้วนะ คุณไปเติมหน่อยละกัน แล้วก็คืนนี้เราต้องรีบไปซ้อม คุณไปซื้อข้าวให้พวกเราด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”
หยางจุนเทียนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหลินเจียหรงเลยแม้แต่นิด
เขาไม่ได้ดูแลเจียงชื่อ
ไม่เพียงแต่ไม่ดูแลและยังใช้งานเจียงชื่อเหมือนบ๋อยคนหนึ่ง ช่างไม่ให้เกียรติคนอื่นเลยจริงๆ
“เข้าใจแล้ว”
เจียงชื่อขึ้นไปบนรถ จากนั้นรัดเข็มขัดนิรภัยแล้วขับรถออกไป
หยางจุนเทียนและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังต่างก็ยกนิ้วกลางให้เขา
“ไอ้ขยะ ยังกล้ามาตลกแดกแถวนี้”
“ไม่เกินสามวันกูจะให้มึงไสหัวไปจากที่นี่!”
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
เจียงชื่อขับรถไปรอบๆ เพื่อจะคุ้นชินกับสมรรถนะของรถคันนี้ ความจริงแล้วนอกจากแรงม้าที่เทียบกับคันใหม่ไม่ได้ แต่ส่วนอื่นๆ ของก็ยังใช้ได้เหมือนกัน เพราะถึงจะแย่แค่ไหนมันก็ยังเป็นรถเฟอร์รารี่อยู่ดี
หลังจากซื้ออาหารเสร็จแล้ว เจียงชื่อก็แวะไปเติมน้ำมันให้เต็มถัง
และในขณะที่เขากำลังจะออกจากปั๊ม รถเก๋งสีเงินคันหนึ่งก็ได้ขับเข้ามาจากด้านหลัง ซึ่งคนขับเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 25 ปี
เธอมีเส้นผมที่สาวสลวย และสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูสะอาดสดใส
ในใต้ตาซ้ายของเธอจะมีไฝเล็กๆ อยู่เม็ดหนึ่ง
ซึ่งผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวคนโตของหลินเจียหรง และยังเป็นผู้จัดการของกลุ่มรถฮอทโคร เธอมีชื่อว่าหยางเมิ่นหยุน
หลังจากที่เห็นรถ 458 หยางเมิ่นหยุนก็ตกตะลึง เธอจำได้ว่ารถคันนี้เป็นของหยางจุนเทียน อีกอยากรถคันนี้จอดทิ้งไว้เป็นปีแล้วไม่ใช่หรือ?
ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงขับออกมาได้?
หยางเมิ่นหยุนเหยียบคันเร่งเพื่อพยายามไล่ตามและจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือรถ 458 นั้นวิ่งเร็วมาก เขาไม่เปิดโอกาสให้หยางเมิ่นหยุนไล่ตามทันเลย
“เหอะ คุณคิดว่าจะหนีฉันไปได้เหรอ?”
แม้หยางเมิ่นหยุนจะเป็นผู้จัดการ แต่ทักษะด้านการขับรถของเธอก็ดีเหมือนกัน อีกอย่างอะไหล่รถของเธอเป็นชิ้นส่วนใหม่ล่าสุดทั้งนั้น ซึ่งเกินกว่ารถ 458 จะเทียบได้อยู่แล้ว