จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 521 เท้าข้างหนึ่งเตะออกไป
ชายร่างกำยำเอามือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋า เขาไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเจียงชื่อ สำหรับเขา เจียงชื่อนั้นแข็งแกร่งสู้ตนไม่ได้ การแต่งกายก็เทียบเขาไม่ติด เป็นแค่ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
ก็แค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง มีอะไรให้น่าเกรงกลัวกันล่ะ?
ต่อให้สู้กันจริงๆ ด้วยขนาดร่างกายกล้ามเนื้อของชายร่างกำยำก็สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ภายในไม่กี่วินาทีไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้น มีอะไรให้น่ากังวลใจกันล่ะ?
เจียงชื่อไม่ได้เข้าไปปะทะกับชายร่างกำยำแต่อย่างใด จากนั้นก็ได้เดินไปใกล้ๆ รถของเขาแทน
ต่อมาเจียงชื่อก็ได้ยกเท้าขึ้น ทำท่าเป็นนักเตะที่ยิงลูกเข้าประตูอย่างแรง วินาทีต่อมาก็เกิดเสียงดังสนั่นที่รุนแรงขึ้น เท้าข้างหนึ่งเตะออกไปอย่างดุเดือด
เตะเข้าไปที่กลางรถอย่างจัง
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดังปึงดังกังวาน รถขนาดใหญ่ถูกเตะออกไปไกลราวเจ็ดถึงแปดเมตรต่อหน้าต่อตาของชายร่างกำยำและหญิงงามผู้เย้ายวน!
ชนเข้ากับรถที่จอดอยู่ทางด้านหน้า
นี่เป็นสิ่งที่คนเขาทำกันเหรอ?
ชายร่างกำยำยังคงเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า แต่ท่าทางของเขาในเวลานี้ดูทลายลงไปอย่างถึงที่สุด ทั้งมือและเท้าของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ปากอ้าค้างราวกับลูกโป่งที่ถูกระบายลมออกมา มันช่างดูปวกเปียกยิ่งนัก
ชายร่างกำยำเองก็เป็นผู้ที่ได้รับการฝึกศิลปะการต่อสู้มา เขารู้ได้ทันทีว่าการเตะนี้มีพลังมากมายเพียงใด
กล่าวอย่างไม่เกินจริงเลยว่า หากการเตะนี้โดนเข้ากับร่างของชายกำยำล่ะก็ เกรงว่ากระดูกของเขาคงหักออกมาเป็นเสี่ยงๆ แม้กระทั่งชีวิตก็คงถูกเตะกระเด็นออกไปเช่นเดียวกัน
มองไม่ออกเลยว่านี่จะเป็น’ปรมาจารย์ของศิลปะการต่อสู้’ที่ซ่อนตัวอยู่
ชายร่างกำยำเองก็รังแกคนมาไม่น้อย ครั้งนี้ดันมาเตะเจอเหล็กกล้าของจริงเข้าให้ ในใจรู้สึกกลัวไปอยู่ครู่หนึ่ง ยังดีที่เมื่อสักครู่ไม่ได้ลงมือกับอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงถูกหามส่งรถพยาบาลไปโรงพยาบาลเป็นแน่
เจียงชื่อมองมาทางชายร่างกำยำ
ด้วยสายตาที่เฉียบคมจ้องมองมา มันก็ทำให้ชายร่างกำยำนั้นไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“แกแกแก แกจะทำอะไรน่ะ?”
เจียงชื่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันชื่อเจียงชื่อ ตอนนี้ฉันต้องไปเข้าร่วมงานเต้นรำแล้ว หากนายต้องการให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายของรถนั่นล่ะก็ ให้ไปหาฉันได้ที่งานเต้นรำ”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปที่รถพร้อมกับกวักมือเรียก
ซินยุ่นเดินออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับจับไปที่แขนของเจียงชื่อและเดินออกไปจากที่จอดรถ
เหงื่ออันเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผากของชายร่างกำยำ
เขาจะยังกล้าไปถามหาค่ารถที่เสียหายอีกงั้นเหรอ?เหอะเหอะ ให้ยืมความกล้าหาญมายังจะไม่กล้าเลย!ที่หนานเฉิง ผู้คนนั้นต่างไม่มีอารยะ จะไปรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายว่าคืออะไรได้ยังไงกัน กำลังวังชาจะแข็งแกร่งไปถึงขั้นไหนก็ไม่รู้?
เรื่องนี้ให้มันจบที่ตรงนี้ก็แล้วกัน หากโวยวายไปต่อล่ะก็อาจถึงแก่ชีวิตเลยก็เป็นได้
หญิงงามผู้เย้ายวนเขย่าไปที่แขนของชายร่างกำยำ “จะปล่อยมันไปอย่างนี้เหรอ?”
ชายร่างกำยำมองไปที่หญิงงามผู้เย้ายวนราวกับมองคนโง่ “ไม่อย่างนั้นล่ะ?เธออยากจะไปลงไม้ลงมือกับเขางั้นเหรอ?ถ้าอยากทำก็ไปทำเอง ฉันไม่กล้าด้วยหรอก”
เป็นคำพูดที่ยุยงเสียจริง
แต่ก็ถือว่าเป็นคำพูดที่รู้จักประเมินตนเองได้ดี
……
อีกด้าน เจียงชื่อจับมือคู่เต้นรำของตน–ซินยุ่นมาถึงทางเข้าห้องบอลรูม เช่นเดียวกันกับแขกวีไอพีคนอื่นๆ ที่กำลังเข้าแถวรอเข้าไป
วันนี้ซินยุ่นนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของเจียงชื่อนานเช่นนี้
แม้ว่าการจับมือนี้จะทำตามมารยาท แต่มันก็มากพอแล้ว
ต้องรู้ว่าโดยปกติแล้วจะไม่มีโอกาสได้มาจับมือเจียงชื่อแบบนี้หรอก
ในเวลานี้ ซินยุ่นนั้นไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นคู่เต้นรำของเจียงชื่อแต่อย่างใด แต่กลับมองว่าตัวเองเป็นเจ้าสาวของเจียงชื่อ ทางที่พวกเขาจะเข้าไปหาใช่ห้องบอลรูมไม่ แต่มันคือฉากงานแต่งงานของพวกเขานั้นเอง
แม้ว่าเธอจะหลอกตัวเองและคนอื่นๆ แต่ในชีวิตนี้ก็มีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ให้เธอได้วาดฝันถึงมันสักหน่อยจะเป็นอะไรไปล่ะ?
หลังจากที่คู่เต้นรำแต่ละคู่พากันเข้าไป ในที่สุดก็มาถึงคู่ของเจียงชื่อและซินยุ่น