จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 542 ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ
ผู้คนเบียดเสียดและเหยียบย่ำกันเอง
แม้ว่าลูกน้องของสุ่ยชิงเหยาจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่มีที่ให้หนี พวกเขาถูกคนของกองเทพพิชิตฟ้าต่อยล้มลงกับพื้นหมัดแล้วหมัดเล่า
กลุ่มหนึ่งเป็นสิงโต อีกกลุ่มหนึ่งอย่างมากก็เป็นแค่หมา
ระดับต่างกันลิบลับ
ในไม่ช้า คนของกองเทพพิชิตฟ้าก็จัดการคนขององค์กรฟ้าน้ำได้ทั้งหมด แต่ละคนนอนชักกระตุกอยู่บนพื้น คนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บก็แกล้งนอนเจ็บอยู่บนพื้น ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นสู้อีก
เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะซุ่มโจมตีเจียงชื่อ แต่กลับพลาดท่า เป็นฝ่ายถูกเล่นงานเสียเอง
สุ่ยชิงเหยาจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องจะจบลงแบบนี้?
“คุกเข่าลง!!!”
หนึ่งในนั้นกดหัวไหล่ของสุ่ยชิงเหยา ให้เขาคว่ำลงกับพื้น
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิงโตร้ายที่น่าเกรงขามผู้ตะลุยทั่วหนานเฉิงมาครึ่งค่อนชีวิตจะมีจุดจบเช่นนี้ในวันหนึ่ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองเจียงชื่อแล้วหัวเราะคิกคัก
“พรสวรรค์จากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี”
“ผมแพ้แล้ว”
“เจียงชื่อ คุณเก่งมาก คุณทำให้ผมยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยใจจริง”
เจียงชื่อให้คนสวมเสื้อคลุมให้เสี่ยวเตี๋ยโดยไม่มองเขาสักนิด พยุงเธอมานั่งที่โต๊ะ จิบเหล้าบริสุทธิ์เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น
พอหันมา เจียงชื่อจึงพูดกับสุ่ยชิงเหยาว่า “ที่หนานเฉิงปกปิดคนโกงกินก็เพราะมีคนอย่างคุณอยู่! ที่คนเลวอย่างสุ่ยจุนซินทำตามอำเภอใจ ก็เพราะมีคุณคอยหนุนหลังเขา”
“สุ่ยจุนซินว่าน่ารังเกียจแล้ว คุณยิ่งน่ารังเกียจกว่าเขาเสียอีก!”
สุ่ยชิงเหยาพ่นลมหายใจออกมา “นี่คือวิถีของผม อยู่ก็เช่นนี้ ตายก็เช่นนี้”
เจียงชื่อพยักหน้า “คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ หลังจากคุณตายไปแล้ว สุ่ยจุนซิน ลูกชายของคุณจะเป็นเช่นไรต่อไป?”
สุ่ยชิงเหยาหน้านิ่วคิ้วขมวด “คุณคิดจะทำอะไรกับลูกชายของผม?”
“ยังต้องให้ผมทำอะไรอีกเหรอ?” เจียงชื่อพูดอย่างเย็นชา “สุ่ยจุนซินมีประวัติฉาวโฉ่ ไม่รู้ว่าทำร้ายผู้หญิงบริสุทธิ์ไปกี่คน ทำลายครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขไปกี่ครอบครัวแล้ว เมื่อก่อนเคยมีองค์กรฟ้าน้ำคอยหนุนหลัง คนอื่นไม่กล้าแตะต้องเขา แต่จากนี้ไป เมื่อองค์กรฟ้าน้ำล่มสลายลง คุณลองคิดดู คู่อริเหล่านั้นจะทำอย่างไรกับเขา?!”
คำพูดนี้เตือนสติสุ่ยชิงเหยา
ใช่แล้ว ทันทีที่สุ่ยชิงเหยาตายไป องค์กรฟ้าน้ำสูญสิ้นลง สุ่ยจุนซินที่ไม่มีจุดเด่นแถมยังกลายเป็นคนพิการจะอยู่สุขสบายได้อย่างไร?
ถูกคนตีตายก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ที่น่ากลัวที่สุดคือมีคู่อริตามมาถึงที่ ถูกทรมานทั้งวันทั้งคืน จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่เชิง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สุ่ยชิงเหยาก็รู้สึกเศร้าเสียใจ
“เจียงชื่อ คุณโหดร้ายมาก!”
เจียงชื่อตำหนิอย่างโกรธเคือง “ผมน่ะหรือโหดร้าย? จนป่านนี้แล้วคุณก็ยังโง่เขลาไม่รู้อะไรเลย พวกคุณสมควรได้รับเพียงสี่คำนี้เท่านั้น กรรมนั้นคืนสนอง!”
สุ่ยชิงเหยากัดฟันกรอด จ้องมองด้วยความโกรธเคือง
เขาจ้องเขม็งใส่เจียงชื่อ “อย่าเด็ดเดี่ยวเกินไป เจียงชื่อ คุณคิดว่าจะจองหองไปได้ตลอดหรือ? อีกไม่ช้าคุณจะต้องเสียน้ำตา!”
“เอ๊ะ? ผมจะเสียน้ำตาหรือ?”
“ฮ่าฮ่า แน่นอน!” สุ่ยชิงเหยาเชิดหน้าขึ้นเหมือนคางคกขึ้นวอ “คุณนึกว่าผมแค่คิดวางแผนจัดการคุณเพียงเท่านี้หรือ? คุณคิดผิดแล้ว! ครั้งนี้ผมได้เตรียมการมาสองทาง ทั้งจัดการกับคุณ และจัดการกับแฟนสาวของคุณด้วย!”
“ผมส่งคนไปยังโรงแรมที่พวกคุณพัก ตอนนี้เกรงว่าแฟนสาวของคุณจะตกอยู่ในน้ำมือฆาตกรแล้ว!”
“ผมจะบอกคุณให้ หลายคนที่ผมส่งไป แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือในการล่าพรหมจารี แฟนสาวของคุณงดงามเช่นนั้น พวกเขาต้องสนุกแน่”
“เจียงชื่อ ต่อให้คุณฆ่าผมแล้วจะช่วยอะไรได้ สุดท้ายก็ต้องเจ็บปวดทรมานไปทั้งชีวิตอยู่ดีมิใช่หรือ?”
“สงครามครั้งนี้ ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”