จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 602 อึดอัดใจ
หลังจากวางสาย เจียงชื่อมองไปที่ผู้คนแล้วพูดเบาๆ ว่า “อีก 15 นาที หัวหน้าเชฟจะมาทำบัวลอยให้พวกเรากิน ทุกคนรอสักครู่นะ”
และอีกครั้งที่ทำให้ทุกคนต้องหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
15 นาที? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ให้ตายสิ!
นัดหมายเชฟของเขา อย่าว่าแต่ 15 นาทีเลย แม้แต่ครึ่งเดือนยังนัดเขาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เจียงชื่อยังเป็นแค่พนักงานทั่วไปเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะขอพบคนอื่นด้วยซ้ำ
จงเถาพูดว่า “เฮ้ คุณจะเล่นละครเยอะไปไหม?”
เจียงชื่อยิ้มจางๆ และไม่ได้พูดอะไร
สิบห้านาทีต่อมา จะว่านานก็ไม่นานสักเท่าไหร่ ทุกคนยังนั่งอยู่กับที่แล้วเลื่อนดูข่าวในมือถือ จากนั้นได้ยินเสียงอุทานดังออกมาจากด้านนอกห้องอาหาร
มีคนตะโกนว่า “นั่นมันหัวหน้าเซฟของร้านหลงเฉิงไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงมาที่ภัตตาคารฉางชิงล่ะ?!”
เสียงตะโกนนี้ทำให้ทุกคนในห้องอาหารถึงกับตกใจ
ทุกคนรีบลุกจากที่นั่ง แม้แต่จงเถาก็นั่งไม่ติดและลุกขึ้นเพื่อออกไปดู
เจียงชื่อนั่งอยู่บนที่นั่ง จากนั้นตักกับฉันวมากินแล้วพูดกับติงเมิ่งเหยนว่า “คุณคงหิวแล้วสินะ? รอสักพัก เดี๋ยวบัวลอยก็เสร็จแล้ว”
ติงเมิ่งเหยนตอบอย่างตื่นเต้น “คุณเชิญเชฟของร้านหลงเฉิงมาจริงๆ เหรอ?”
“อื้ม”
“คุณทำได้ยังไงเนี่ย?”
เจียงชื่อยิ้มแล้วพูดลอย ๆ ว่า “เพราะว่าพ่อครัวของร้านหลงเฉิงเป็นเพื่อนสนิทกับเน่ร์เจิง พ่อครัวเน่ร์ของร้านอาหารยวนยาง แล้วผมก็เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อครัวเน่ร์ด้วย ฉะนั้นพวกเราต่างก็รู้จักกันอยู่แล้ว ช่วยแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก”
ติงเมิ่งเหยนรู้สึกประหลาดใจ
จะดูถูกเจียงชื่อในสภาพแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะเพื่อนๆ ของเขาไม่ใช่คนธรรมดาเลยสักคน
จากนั้นเธอทำหน้าบึ้งและพูดว่า “คุณนะคุณ วันหลังเรียนรู้จากเพื่อนๆ คุณบ้างสิ จะเป็นลูกจ้างธรรมดาๆ ไปตลอดคงไม่ได้หรอกมั้ง?”
“ฮ่า ฮ่า ผมรู้แล้ว”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก จากนั้นจงเถาและคนอื่นๆ ก็ทยอยกันกลับมานั่งในที่นั่งของตน
บางคนดูตื่นเต้นมาก
แต่บางคนสีหน้าเศร้าหมอง บูดบึ้ง ไม่พอใจ
ส่วนสีหน้าของจงเถาเหมือนคนไร้วิญญาณ เขานึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าคนอย่างเจียงชื่อจะเชิญพ่อครัวของร้านหลงเฉิงมาได้จริงๆ !
เขาแค่สั่งบัวลอยจากหลงหยันหยวนมาได้ก็ถือว่าภาคภูมิใจแค่ไหนแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าเจียงชื่อกลับเชิญพ่อครัวของหลงหยันหยวนมาทำบัวลอยให้กินถึงที่ได้ มันช่างเป็นความแตกต่างที่เทียบกันไม่ได้จริงๆ
เมื่อกี้เขาดูถูกเจียงชื่อมากแค่ไหน ตอนนี้เขาก็ต้องอับอายมากเท่านั้น
เพียงแต่ว่าเขายังไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมลูกจ้างเงินเดือนเจ็ดแปดพันอย่างเจียงชื่อแต่สามารถเชิญเชฟที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมาได้?
มันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ!
ก่อนที่เขาจะได้คำตอบ พนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามาแล้ววางชามขนมบัวลอยลงบนโต๊ะทีละชาม
เมื่อมองดูบัวลอยเหล่านี้ที่มีรูปร่างกลมกล่อม มันช่างดูอร่อยและดูน่ากินมาก
เป็นเพราะมันเป็นของสดที่เพิ่งทำเสร็จ รูปทรงจึงไม่เหมือนบัวลอยก่อนหน้านี้ที่ถูกแช่จนเปื่อยยุ่ยไปหมด อีกอย่างลูกบัวลอยแต่ละลูกยังมี ‘แสง’ ที่เปล่งออกมา แค่มองน้ำลายก็แทบจะไหลออกมาแล้ว
เจียงชื่อไม่ได้ ‘คิดเล็กคิดน้อย’ สำหรับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เขาจึงให้พยักหน้าเสิร์ฟขนมบัวลอยที่เพิ่งทำเสร็จให้ทุกคน รวมถึงจงเถาด้วย
เจียงชื่อพูดว่า “ทุกท่านยังรออะไรอีกครับ? รีบทานสิ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะครับ”
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ทุกคนก็เริ่มหยิบช้อนขึ้นมากิน
หอม!
หอมจนแทบเป็นบ้า!
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข โดยเฉพาะติงเมิ่งเหยน เธอผลักบัวลอยก่อนหน้านี้ออกไป แล้วกินบัวลอยที่เพิ่งทำสดนี้อย่างเอร็ดอร่อย
ในห้องอาหาร มีเพียงจงเถาคนเดียวเท่านั้นที่สีหน้าหม่นหมอง เขาได้แต่จ้องมองบัวลอยที่แสนอร่อยที่อยู่ตรงหน้านี้ จะกิน หรือไม่กินดี?
มันช่างอึดอัดใจเหลือเกิน!