จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 603 สองนางฟ้าจุนเมิ่ง
“หัวหน้าครับ ทำไมไม่ทานล่ะครับ?”
“นั่นสิ บัวลอยนี้หอมจริงๆ ผมขออีกถ้วยนะ”
“เจียงชื่อสุดยอดจริงๆ แม้แต่พ่อครัวของร้านหลงเฉิงยังเรียกมาได้ เจ๋งสุดๆ!”
เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นเหมือนนกสองหัวเหล่านั้น ก่อนหน้านี้ยังเลียแข้งเลียขาจงเถาไม่หยุด แต่ตอนนี้กลับหันมายกย่องเชิดชูเจียงชื่อ
พวกเขาแทบจะไม่มีความคิดเห็นส่วนตัวเลย ใครเก่งใครดีก็ฟังใคร
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเจียงชื่อที่มีเงินเดือนเจ็ดแปดพันคนนี้จะเรียกพ่อครัวของร้านหลงเฉิงมาได้อย่างไร แต่แน่นอนว่าคนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว
เมื่อมองไปที่บัวลอยที่อยู่ตรงหน้า จงเถารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ และไม่แม้แต่จะหยิบชามขึ้นมาด้วยซ้ำ
“เหอะ!”
เขาทุบโต๊ะแรงๆ ด้วยความโกรธ
เจียงชื่อได้แต่ส่ายหัวแล้วยิ้มเบาๆ จากนั้นหยิบชามบัวลอยขึ้นมากิน คงไม่ต้องพูดถึงว่าบัวลอยที่อร่อยที่สุดในประเทศจะมีรสชาติที่ดีแค่ไหน
ขณะที่ทุกคนกำลังกินอยู่ ทันใดนั้นประตูห้องถูกเปิดออก และมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา
เธอคนนี้ คือสาวสวยอันดับที่สองในชั้นเรียนที่มีชื่อว่าหยางจุนหรู ในสมัยเรียน เธอกับติงเมิ่งเหยนมีฉายาว่า ‘สองนางฟ้าจุนเมิ่ง’ เธอยังเป็นสาวสวยระดับต้นๆ และยังเป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายๆ คนด้วย
เมื่อกลุ่มผู้ชายรู้ว่าไม่สามารถเข้าถึงติงเมิ่งเหยนได้ พวกเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หยางจุนหรูคนนี้
“จุนหรู ทำไมเพิ่งมาล่ะ?”
“โทษทีนะ พอดีรถติดหน่อย ก็เลยมาช้า” หยางจุนหรูเป็นคนพูดจาอ่อนโยนมาก เธอมักจะก้มหน้าลงในขณะที่พูด แต่เธอเป็นเหมือนสาวสวยบ้านๆ คนหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้ชายมองแล้วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“จุนหรู มานั่งนี่สิ”
ติงเมิ่งเหยนยื่นมือออกไปจับมือของหยางจุนหรูแล้วให้เธอนั่งใกล้ๆ ด้วย เพราะในสมัยเรียน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมาก แต่หลังจากเรียนจบไป ทั้งสองต่างก็ออกไปใช้ชีวิตของตนและไม่ได้ติดต่อกัน
และเมื่อหลายปีต่อมา คู่ซี้ทั้งสองได้มาเจอกันอีกครั้ง จึงทำให้ทั้งคู่มีความสุขไม่น้อย
เมื่อสาวสวยทั้งสองนั่งใกล้ๆ กัน เหล่าผู้ชายต่างก็เศร้าจนน้ำตาตกใน เหมือนโลกทั้งใบแตกสลายลง! เพราะพวกเขาไม่สามารถนั่งใกล้คนสวยได้แล้ว มันช่างน่าเศร้า น่าสงสาร น่าเสียใจจริงๆ
จงเถากระแอมเบาๆ แล้วถามว่า “จุนหรู ได้ข่าวว่าคุณแต่งงานกับโค้ชฟุตบอลไม่ใช่เหรอ?”
หยางจุนหรูพยักหน้าตอบ
จงเถาพูดต่อ “เขาชื่ออะไรนะ? ถ้าจำไม่ได้ผิด……น่าจะชื่อหลัวเฟิงสินะ?”
หลัวเฟิง?
ทันใดนั้น ดวงตาของทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็สว่างขึ้น
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ก็เดือนก่อนเขาเพิ่งล้มบอลแล้วถูกแฟนบอลหักขา และเขายังเป็น ‘โค้ชปลอม’ ที่ถูกทีมไล่ออกด้วยไม่ใช่เหรอ? ถ้าจำไม่ผิด เขาชื่อหลัวเฟิงใช่ไหม?”
หยางจุนหรูได้แต่ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ส่วนจงเถารู้สึกได้ใจมาก
เขารู้ทั้งรู้เรื่องราวของหลัวเฟิง แต่เขายังจงใจถามเพื่อสร้างความอับอายให้กับหยางจุนหรู
เนื่องจากสมัยก่อนคะแนนสอบของหยางจุนหรูจะมากกว่าเขาเสมอ จึงทำให้เขาอิจฉามาก ต่อมาเขาพยายามจะจีบหยางจุนหรูเป็นแฟน แต่สุดท้ายยังถูกเธอปฏิเสธต่อหน้าสาธารณะ
ซึ่งแค้นในครั้งนี้ เขาจดจำมาตลอด
และวันนี้ได้เวลาคิดบัญชีแล้ว!
จงเถาพูดอย่างเย็นชาว่า “จุนหรู เธอนะเธอ หน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง แถมยังเป็นนักศึกษาปริญญาโทอีกด้วย คนจีบเธอตั้งเยอะตั้งแยะ เธอไม่เลือกแต่งงานกับคนที่มีฐานะดีๆ แล้วใช้ชีวิตสบายๆ แต่เธอกลับเลือกแต่งงานกับใครไม่รู้? ถามจริงเธอเสียใจไหม?”
หยางจุนหรูกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ แล้วพูดอย่างเศร้าใจว่า
“พี่เฟิงก็ดีกับฉันนะ”
“ดีแล้วได้อะไรล่ะ?” จงเถาพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ผู้ชาย มันต้องมีความสามารถ ต้องหาเงินเก่ง! ต่อให้จะดีแค่ไหน ถ้าหาเงินไม่เป็น แล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ? ก็เหมือนใครบางคนที่มีเงินเดือนแค่เจ็ดแปดพันไง ไม่รู้จักทะเยอทะยาน วันๆ เอาแต่หลอกกินชาวบ้าน หน้าไม่อายจริงๆ”
ในระหว่างที่เขาดูถูกหลัวเฟิง เขายังไม่ลืมแวะมาเยาะเย้ยเจียงชื่อ