จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 608 ค่าเสียหายของการเสียชื่อเสียง
หยางจุนหรูตื่นตระหนกและถามว่า “พวกคุณเป็นใคร?”
ชายชุดสูทยิ้มพูดอย่างเย้นหยัน “ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อเหยียนไคเหวิน เป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หรงกวาง”
หลัวเฟิงเดิมเป็นโค้ชของ ‘สโมสรฟุตบอลหนันเจียง’ และบริษัทอสังหาริมทรัพย์หรงกวางก็คือบริษัทแม่ของสโมสรฟุตบอลหนันเจียง
หยางจุนหรูถามต่อ “พวกคุณไล่พี่เฟิงออกแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วมาหาถึงที่อีกทำไม?”
เหยียนไคเหวินยิ้มพูด “ไล่ออกแล้วก็จริง แต่เรายังไม่ได้คิดบัญชีกันเลยนะครับ”
จากนั้นเขาหยิบสัญญาออกมา “หลัวเฟิง คุณยุยงให้นักเตะล้มบอล เป็นเหตุทำให้สโมสรฟุตบอลหนันเจียงและบริษัทอสังหาริมทรัพย์หรงกวางต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกิดความเสียหายครั้งใหญ่ ตอนนี้เรายื่นศาลอุทธรณ์สำเร็จแล้ว ในนี้คือสัญญาชดเชยจากศาล ซึ่งกำหนดให้หลัวเฟิงต้องชดใช้ค่าเสียหายกับสโมสรฟุตบอลหนันเจียง 3 ล้าน และบริษัทอสังหาริมทรัพย์หรงกวางอีก 3 ล้าน รวมเป็นเงินชดเชยค่าเสียหาย 6 ล้าน และคุณต้องดำเนินการทันที ห้ามรอช้า!
กลั่นแกล้งเกินเหตุจริงๆ
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทอสังหาริมทรัพย์หรงกวาง ถ้าจะเล่นงานหลัวเฟิงมันก็แค่เรื่องกระจ้อยร่อยไม่ใช่หรือ?
อีกอย่าง การล้มบอลจนเป็นเหตุทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์หรงกวางต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้าพวกเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายจริงๆ มันก็สมเหตุสมผล
เพียงแต่ว่า……
หลัวเฟิงที่ได้ยินเช่นนี้ก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองทันที “ผมไม่ได้ล้มบอลนะ! พวกนักเตะต่างหากที่แอบไปเซ็นสัญญาเอง ผมไม่เกี่ยวด้วย พวกคุณใส่ร้ายผม!”
เหยียนไคเหวินยักไหล่ “คุณจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ ผมไม่สน แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณถูกใส่ร้าย คุณไปแจ้งตำรวจหรือไปฟ้องศาลได้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม”
“ที่ผมต้องรับผิดชอบคือ การขอเงินชดใช้ค่าเสียหายจากคุณ 6 ล้าน”
“หลัวเฟิง หยางจุนหรู อย่าเสียเวลาเลย จ่ายเงินเถอะ”
จ่ายเงิน?
เอาเงินที่ไหนมาจ่าย?
เงินทั้งหมดในบ้านเอาให้หลัวเฟิงไปใช้ในค่ารักษาหมดแล้ว และตอนนี้ทั้งบ้านยากจนไม่เหลืออะไรแล้วด้วย แล้วจะเอาเงิน 6 ล้านนี้มาจากไหน?
อย่าว่าแต่ตอนนี้ไม่มีเงินจ่ายเลย แม้แต่ตอนที่หลัวเฟิงยังเป็นหัวหน้าโค้ชก็ไม่มีเงินก้อนนี้หรอก
ใครๆ ก็รู้ว่าหลัวเฟิงเป็นคนมีวินัยมาก เขาไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวายกับใครเลย แต่เงินเดือนของเขาแทบไม่ถึง 5 แสนต่อปีด้วยซ้ำ นอกจากนี้สัญญาว่าจ้างของเขายังถือเป็นเงินที่น้อยที่สุดของวงการอีกด้วย
แต่ถึงกระนั้น โค้ชที่ลำบากขนาดนี้ยังต้องเจอกับข่าวการล้มบอลอีก มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ
หลัวเฟิงได้แต่ส่ายหัว “เงินน่ะ ผมไม่มีหรอก มีแค่ตัวเปล่าเท่านั้น!”
“ไม่มีเงิน?”
ดูเหมือนเหยียนไคเหวินเดาได้แต่แรกแล้วว่าหลัวเฟิงจะพูดแบบนี้ เขาจึงพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “อย่าคิดว่าจะปัดหนีได้นะ ผมจะบอกคุณไว้ก่อน ถ้าไม่ยอมจ่ายเงิน วันหลังคุณอย่าคิดจะได้เดินออกจากบ้านนี้อีก! จะไปหาหมอ ไปตลาดเหรอ เลิกคิดได้เลย”
“นี่คุณกักขังหน่วงเหนี่ยวอย่างผิดกฎหมายอยู่นะ! ฉันจะฟ้องคุณ!” หยางจุนหรูพูด
เหยียนไคเหวินถึงกับขำออกมา “ฟ้อง? คุณจะฟ้องใคร? คุณต้องเข้าใจก่อนนะ ว่าคุณเป็นลูกหนี้ คุณจะฟ้องใครได้? คุณคิดว่าศาลจะรับฟังคนติดหนี้ 6 ล้านแล้วไม่รับผิดชอบอย่างคุณเหรอ?”
หยางจุนหรูหมดอารมณ์ทันที น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่หยุด
ทำไมชีวิตของเธอมันช่างขมขื่นขนาดนี้?
ถึงแม้ที่ผ่านมาอาจจะฝืดบ้าง แต่อย่างน้อยฐานะครอบครัวยังถือว่าพอเพียง แม้จะเทียบกับคนรวยไม่ได้ก็จริง แต่เธอก็พ่อกินพ่อใช้
แต่ตอนนี้มันจบแล้ว
สามีขาหักและยังเป็นแพะรับบาปให้คนอื่น แค่นี้ยังไม่พอ ตอนนี้เธอต้องติดหนี้ก้อนโตอีก 6 ล้านหยวนอีก
ไม่มีเงินจ่ายจริงๆ
เธอทำได้แค่เฝ้ารอความตายในบ้านหรือ?
แรงกดดันที่อัดอั้นไว้ทั้งหมดได้ปะทุออกมา หยางจุนหรูนั่งลงและสองมือกุมหัวจากนั้นร้องไห้ฟูมฟายออกมา
สิ้นหวัง หมดหนทาง
เธอมองไม่เห็นความหวังในชีวิตของเธออีก
เธอ ไม่มีวันพรุ่งนี้แล้ว