จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 690 เห็นแต่ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่เห็นอันตรายที่อยู่เบื้องหลังเลย
- Home
- จอมนักรบท้าโลก
- บทที่ 690 เห็นแต่ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่เห็นอันตรายที่อยู่เบื้องหลังเลย
ทุกคนต่างก็รู้สึกระวังตัวขึ้นมา
ติงเมิ่งเหยนถามไปตรงๆ ว่า “ไม่มีเรื่องก็คงไม่มา พูดเถอะ ว่าวันนี้พี่มาที่นี่ทำไม?”
“จิ๊ๆ น้องเล็กนี่เป็นคนที่ไม่อ้อมค้อมจริงๆ ” ติงเฟิงเฉิงหยิบตั๋วออกมาสี่ใบ “วันนี้ฉันได้ตั๋วของเมืองเล่นมาสี่ใบ มันได้มายากมาก ต่อให้มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้! ว่าแล้วเลยอยากชวนพี่ใหญ่น้องเล็กกับเจียงชื่อไปเล่นด้วยกันหน่อย”
คำพูดแบบนี้ใครมันจะไปเชื่อกัน?
ติงฉี่ซานพูดไปตรงๆ ว่า “ฮึ แกคิดจะทำอะไรชั่วๆ อีก? ฟ้าก็มืดแล้ว เมิ่งเหยนของเราไม่ออกไปเถลไถลกับแกหรอก”
ติงฉี่ซานทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“อาสามครับ นี่อามองผมไร้ค่าเกินไปหรือเปล่าครับ?”
“ผมยอมรับ ว่าเมื่อก่อนผมทำหลายอย่างกับน้องเล็กและเจียงชื่อเกินไปจริงๆ แต่เรื่องวันนี้มันไม่เหมือนกัน ฉันอยากออกไปพร้อมกับพวกเธอจากใจจริงนะ”
“ผมไม่กลัวพวกอาจะหัวเราะเยาะผม พูดจริงๆ นะ ที่ผมมาวันนี้ ก็ตั้งใจมาคืนดีกับพวกอาจริง”
“ถ้าจะนับกันจริงๆ เราต่างก็เป็นญาติกัน”
“ใครๆ ต่างก็พูดกัน ว่าควรจะแก้ไขความขัดแย้ง ไม่ใช่เอาแต่สร้างความขัดแย้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือเราเป็นญาติที่เลือดข้นกว่าน้ำไม่ใช่เหรอครับ?”
“น้องเล็ก ทำไมเราไม่มาใช้โอกาสนี้ ทำให้เราดีกันเหมือนตอนแรก กลับไปเป็นเหมือนสมัยเด็ก ทุกคนต่างปล่อยวางความระแวงและความอิจฉาริษยา แล้วกลายมาเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองล่ะ?”
คำพูดเหล่านี้ได้พูดไปจนถึงในใจของติงเมิ่งเหยน
ชีวิตนี้ของเธอ สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมากที่สุดก็คือ การทะเลาะกับญาติที่สนิทชิดเชื้อจนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้
หัวใจของเธอนั้นอ่อนโยนมาก
กับคนนอกก็ช่างมัน แต่กับคุณปู่ พี่ใหญ่ พี่รองนั้น เธอไม่อยากอยู่อย่างโกรธแค้นแบบนี้ไปทั้งชีวิตจริงๆ
ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนมาขอคืนดีเอง งั้นก็ควรให้โอกาสอีกสักครั้ง
ติงเมิ่งเหยนเสยผมไปทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตกลง คืนนี้เราออกไปเล่นกันให้เต็มที่เลยนะคะ!”
“เมิ่งเหยน!” ติงฉี่ซานตกใจมาก ทำไมลูกสาวของตัวเองถึงได้โง่ถึงขนาดนี้? เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นกับดัก แล้วยังจะโดดลงไปเองเนี่ยนะ?
ความจริง ติงเมิ่งเหยนไม่ได้โง่ เธอแค่มีจิตใจที่ดีเท่านั้น
เธอ ต้องการคืนดีกับญาติๆ มาก
มุมปากของติงเฟงเฉิงได้ยิ้มออกมา “ดีจังเลย ขอบใจน้องเล็กที่เห็นชอบ!”
ติงเฟิงเฉิงหันไปพูดกับติงฉี่ซานว่า “อาสามครับ อาไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้พาน้องเล็กออกไปคนเดียวสักหน่อย ผมยังพาเจียงชื่อไปด้วยไม่ใช่เหรอครับ?”
“ความเฉลียวฉลาดกับฝีมือของเจียงชื่อนั้นอาก็รู้ดีอยู่แล้ว”
“กับแขนขาเล็กๆ ของผม ถ้าต้องสู้กันจริงๆ เจียงชื่อก็สามารถจัดการผมลงได้อย่างง่ายดายเลย”
พอติงฉี่ซานได้ฟังอย่างนั้น เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ในโลกใบนี้ ยังมีที่ไหนที่ปลอดภัยกว่าการอยู่ข้างๆ เจียงชื่ออีกเหรอ?
เหมือนจะไม่มี
“อืม เอางั้นก็ได้ พวกแกก็ไปเล่นกันดีๆ อย่าก่อเรื่องล่ะ”
“อาสามสบายใจได้เลย!”
จากการเร่งของติงเฟิงเฉิง ติงเมิ่งเหยนกับเจียงชื่อก็ได้เข้าไปนั่งในรถของพวกเขา นั่งอยู่ที่เบาะหลัง
ติงเฟิงเฉิงขับรถพาทั้งคู่ไปที่เมืองเล่นด้วยตนเอง
พอขาเหยียบคันเร่ง รถก็ออกวิ่ง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่มีใครได้สังเกต ติงเฟิงเฉิงก็มองติงเมิ่งเหยนกับเจียงชื่อผ่านทางกระจกมองหลัง แล้วมุมปากก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
คืนนี้ เขาได้เตรียมการไว้อย่างรอบคอบแล้ว ต้องทำให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานแน่นอน!
แต่ทว่า ในมุมที่ติงเฟิงเฉิงมองไม่เห็น ติงจื่อยวี่ก็แอบมองเขาไปทีหนึ่ง และได้ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเหมือนกัน
เห็นแต่ประโยชน์ตรงหน้า แต่กลับมองไม่เห็นอันตรายที่อยู่ข้างหลัง
ในตอนที่คุณกำลังคิดที่จะทำร้ายคนอื่น กลับไม่รู้ตัวเลยว่า คุณได้กลายเป็น ‘ก้อนเนื้อ’ ในสายตาของคนอื่นไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ต่างคนต่างเก็บซ่อนความลับไว้ในใจ นั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน มุ่งตรงไปยังเมืองเล่น!