จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 725 ห่ากระสุนปืน
ว่ากันว่าบัณฑิตเจอทหาร มีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้ ต่อให้มีฝีมือต่อยตีแค่ไหน แต่คนคนเดียวต้องมาเผชิญหน้ากับปืนมากมายมหาศาลขนาดนี้ ต่อให้เป็นฮีโร่ก็ยากจะแสดงฝีมือแน่แล้ว
ถ้าแค่ยิงปืนขึ้นมาพร้อมกันจริงๆ ในพื้นที่เล็กๆ แบบนี้ ก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีทางหนีรอดออกไปได้เลย
การยิงมาจากทุกทิศทาง ย่อมไม่มีช่องโหว่ตรงไหนให้หลบหนีได้
ต่อให้เป็นเจียงชื่อ ก็น่ากลัวว่ายังยากจะรอดพ้นจากห่ากระสุนที่ยิงมาดั่งสายฝนแบบนั้นได้
พี่ไห่เงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ปรายตามองเจียงชื่อทั้งๆ แบบนั้น สีหน้าลำพองใจเต็มที่
“เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าแกยังหยิ่งผยองอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูดอะไรซะแล้วล่ะ?”
“มาสิ หยิ่งผยองให้ฉันดูต่ออีกสักหน่อยเป็นไง”
พี่ไห่ไม่เห็นเจียงชื่อในสายตาเลยสักนิด ต่อหน้าปืนจำนวนมากมายมหาศาล เขาย่อมมีคุณสมบัติที่จะไม่ต้องเห็นใครในสายตาได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว
อันตรายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่ถึงกระนั้น พี่ไห่ก็เหมือนจะลืมเรื่องสำคัญไปอย่างหนึ่งว่า ตัวเขาเองก็อยู่ใน ‘ ห้องเล็กๆ ‘ ห้องนี้ด้วยเหมือนกัน
ในความเห็นของเขา ระหว่างเขากับเจียงชื่อยังมีระยะห่างกันอยู่ราวๆ เจ็ดแปดเมตร ต่อให้เจียงชื่อคิดจะลงมือจริงๆ ก็ไม่มีทางทันแน่
แต่นั่นเป็นแค่เงื่อนไขของคนธรรมดาทั่วๆ ไปเท่านั้น ถ้าเอามาใช้กับเจียงชื่อ ก็ไม่สามารถใช้เกณฑ์ดังกล่าวมาคำนวณฝีมือของเขาได้
ในขณะที่พี่ไห่ยังพูดไม่ทันจบดี เจียงชื่อก็เคลื่อนตัวออกจากจุดเดิมที่ยืนอยู่ด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ วิ่งตรงไปยังตำแหน่งที่พี่ไห่ยืนอยู่
ในเวลานี้เอง พี่ไห่ถึงค่อยตระหนักได้ว่าสถานการณ์ชักไม่ถูกต้อง
เขาคิดจะอ้าปากสั่งให้ลูกน้องรีบยิงปืน แต่ผลคือยังไม่ทันจะได้อ้าปาก ตัวเองก็กลายเป็น ‘นักโทษ’ ไปแล้วเรียบร้อย
ในตอนที่ทุกคนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง เจียงชื่อก็มาถึงด้านหลังของพี่ไห่ แล้ววางมือลงบนไหล่ของเขา ใช้พี่ไห่เป็นโล่กำบังได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“อย่ายิงนะโว้ย!” พี่ไห่รีบร้องสั่งคนของตัวเองอย่างไว เพราะกลัวว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว เขาเองนี่แหละที่จะเป็นคนมอดม้วยไปซะก่อน
ความเร็วของเจียงชื่อนั้นดูเหลือเชื่อราวปาฏิหาริย์ เมื่อเห็นพลังอันน่าทึ่งของเจียงชื่อ ก็เชื่อได้เลยว่า ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะยิงปืนมา เจียงชื่อก็สามารถกำจัดพี่ไห่ทิ้งได้ก่อนแน่แล้ว
พี่ไห่กลืนน้ำลาย ฝืนเค้นรอยยิ้มพลางพูดว่า “เจียงชื่อ แกทำแบบนี้คิดว่ามันมีประโยชน์อะไรหา? ต่อให้แกใช้ฉันเป็นตัวประกัน แล้วแกคิดเหรอว่า แกจะหนีออกไปได้อย่างราบรื่นน่ะ?”
“ฟังคำแนะนำของฉันสักประโยคเถอะน่า เรื่องของติงเฟิงเฉิงน่ะ แกไม่ต้องเข้ามายุ่งแล้วจะดีกว่า พวกเราทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ถอยกันคนละก้าว ช่างมันไปเหอะนะ”
“แกว่าไง?”
นี่คือเงื่อนไขที่พี่ไห่ยกมาช่วยชีวิตตัวเอง ทั้งยังเป็นแนวทางเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดมากอีกด้วย
เขาเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของเจียงชื่อ ควรรู้ดีว่าควรจะทำยังไง
แต่ถึงกระนั้น เจียงชื่อก็ทำให้เขาผิดหวังซะแล้ว
เจียงชื่อพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า : “แกคิดว่าที่ฉันจับแกเป็นตัวประกัน ก็เพื่อไม่ให้พวกนั้นกล้ายิงงั้นเหรอ?”
“ก็แล้วไม่ใช่รึไงล่ะ?”
“ฮะๆ ”
เจียงชื่อออกแรงที่มือของเขา ทันใดนั้น พี่ไห่ก็เจ็บจนทรุดตัวคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที ด้วยการคุกเข่านี้ ร่างกายส่วนบนของเจียงชื่อจึงถูกเปิดเผยออกมา
ลูกน้องที่ตื่นตัวอยู่หลายคนลั่นไกยิงออกไปทันที
ปัง ปัง ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น
ลูกกระสุนลอยพุ่งเข้าหาเจียงชื่ออย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเห็นว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างไร แต่เขาถึงกับหลบหลีกกระสุนทั้งหมดพ้นได้ ความเร็วนี้ เรียกได้ว่าเร็วพอๆ กับสายฟ้าแลบเลยทีเดียว
ทุกคนต่างอึ้ง ทึ่ง จนปากอ้าตาค้าง ด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ น่ากลัวว่าคงมีแต่ต้องยิงพร้อมกันหมดเท่านั้นแล้วมั้ง? ถึงจะสามารถเอาชีวิตเป้าหมายได้
“หยุดโว้ย ! รีบหยุดเดี๋ยวนี้!”
พี่ไห่ตกใจกลัวแทบตายแล้ว กระสุนไม่กี่นัดที่ถูกยิงมาเมื่อกี้ มีบางส่วนที่พุ่งเข้ามาแล้วเฉี่ยวผ่านเส้นผมของเขาไป ถ้ามันต่ำกว่านั้นอีกสักสองสามเซนติเมตร ชีวิตนี้ของเขาก็คงจะจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แน่แล้ว
เจียงชื่อจะตายไม่ตาย เขาไม่สนใจมันหรอก แต่ตัวเขาต้องไม่ตาย!
เขาละล่ำละลักถาม: “เจียงชื่อ นี่แกคิดจะทำอะไรกันแน่? พูดมาเลยสิวะ!”
เจียงชื่อหัวเราะเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “เรื่องที่ฉันอยากทำนั้นง่ายมาก ก็คือ ฉันอยากจะสอนบทเรียนให้แกสักหน่อยว่า ‘หนี้’ ก้อนนี้ ไม่ใช่อะไรที่แกอยากจะเก็บ แกก็จะเก็บมันได้ตามอำเภอใจ”